ไฟใต้ปะทุ บีบ‘รัฐ’จนตรอก ปูแผนไล่ล่า เด็ดปีก‘แกนนำ’

ไฟใต้ปะทุ บีบ‘รัฐ’จนตรอก   ปูแผนไล่ล่า เด็ดปีก‘แกนนำ’

"หน่วยงานความมั่นคง" วิเคราะห์สาเหตุความรุนแรงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใช้ หรือ จชต.รอบนี้เกี่ยวเนื่องกับหลายปัจจัย

KEY

POINTS

  • การก่อเหตุ 3 จชตฝคนร้ายพุ่งโจมตีเหยื่อที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หวังให้สังคมมีปฏิกิริยาเชิงลบ กดดันรัฐบาล
  • ความล่าช้าการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ เป็นหนึ่งเงื่อนไขป่วนใต้
  • ผบ.ทบ.ส่งชุดทหารพรานเชิงรุก คุมพื้นที่หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และส่ง อส.ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด


มี 3 กลุ่มที่ตกเป็นเป้าของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ 1.คนไทยพุทธ 2.เจ้าหน้าที่รัฐ ประกอบด้วย ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร และ3.คนมุสลิมให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่รัฐ

เหตุการณ์กราดยิง ไล่ทำร้ายผู้บริสุทธ์ในเวลาไล่เลี่ยกัน ตั้งแต่ พระภิกษุและสามเณร ขณะออกบิณฑบาต อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา

ส่วนที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส คนร้ายเข้าไปกราดยิงในบริเวณบ้านพักทำให้ประชาชนบาดเจ็บ 2 ราย เสียชีวิต 3 ราย หนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กวัย 9 ขวบ และคนชราอายุ 70 ปี

ขณะที่ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส คนร้ายขับ รถจักรยานยนต์ประกบยิง 2 แม่ลูกขณะเดินทางไปโรงพยาบาล ทำให้หญิงอายุ 76 ปี พิการตาบอดทั้งสองข้าง เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนลูกชาย อายุ 50 ปี บาดเจ็บสาหัส

คนร้ายพุ่งโจมตีเหยื่อที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หวังให้สังคมมีปฏิกิริยาเชิงลบ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย หลังทุกภาคส่วน ออกมาประณามการกระทำดังกล่าว สร้างแรงกดดันรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ หามาตรการในการแก้ไขปัญหา

หน่วยงานความมั่นคง วิเคราะห์สาเหตุความรุนแรงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใช้ หรือ จชต.รอบนี้เกี่ยวเนื่องกับหลายปัจจัย

1.การพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้ไม่มีความคืบหน้าตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน จนมาถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการต่อรอง หลังภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.กลาโหม สั่งปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์แก้ไฟใต้ และยังไม่แต่งตั้งผู้แทนคณะพูดคุยฝ่ายไทยเป็นทางการ

อีกทั้งสั่งทบทวนการพูดคุยกับผู้แทนกลุ่มบีอาร์เอ็นเดิม เนื่องจากไม่สามารถควบคุมกองกำลังที่ออกปฏิบัติการในพื้นที่ 3 จชต.ได้ ตามเงื่อนไขฝ่ายไทย ให้หยุดก่อเหตุ ช่วงเดือนรอมฎอน

2. กลุ่มที่เคลื่อนไหว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความขัดแย้งและลอบสังหารกันเอง เนื่องจากที่ผ่านมามีกองกำลังกลุ่ม บีอาร์เอ็น รุ่นใหม่ กับกลุ่มบีอาร์เอ็นรุ่นเก่า ที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ต่างฝ่าย เกิดความสูญเสีย กลุ่มบีอาร์เอ็นรุ่นใหม่ จึงปล่อย กองกำลังออกปฏิบัติการอิสระ

3. เป็นสถานการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับช่วงเดือนรอมฎอน

4. มีการลดด่านตรวจความมั่นคงถนนรองเชื่อมต่อเข้าไปใน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ตามข้อเสนอ “รอมฎอน ปันจอร์” กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ โดยให้เหตุผลได้รับเรื่องร้องเรียนคนในพื้นที่

5.เจ้าหน้าที่รัฐ มีบางช่วง หย่อนยาน ปล่อยปละละเลย ไม่ตื่นตัว ซึ่งเกิดจากความเหนื่อยล้า

6. มีการช่วงชิงพื้นที่ทางการเมือง ผลักดันเป็นนโยบาย เขตปกครองพิเศษ

7 คำพูดแกนนำรัฐบาล ขีดเส้นให้เจ้าหน้าที่ยุติสถานการณ์พื้นที่ให้ได้ เป็นปัจจัยยั่วยุชนวนก่อเหตุได้เช่นกัน

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เตรียมลงพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ 7 พ.ค.นี้ เพื่อรับฟังปัญหา ทุกภาคส่วน พบปะผู้นำศาสนา พร้อมขันน็อตการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้ ตื่นตัวอยู่เสมอดูแลความปลอดภัยประชาชนตกเป็นเป้าหมาย

เช่นเดียวกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) มีกำหนดการลงพื้นที่ จชต. ติดตามความคืบหน้า หลังสั่งการ พลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 จัดกำลังทหารพรานเชิงรุก เข้าไปคุมเข้ม ลาดตระเวน ภายในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ

ทหารพรานเชิงรุก ปัจจุบัน มี 9 กรมทหารพราน (144 กองร้อย) และ 6 หมวดทหารพรานหญิง (45 หมู่) เป็นหน่วยปฏิบัติการหลักในพื้นที่ อยู่ในรูปแบบหน่วยเฉพาะกิจ(ฉก.)จำนวน 7 หน่วย ประกอบด้วย

ฉก.ทหารพรานที่ 41 อ.รามัน จ.ยะลา ฉก.ทหารพรานที่ 42 อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ฉก.ทหารพรานที่ 43 อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ฉก.ทหารพรานที่ 44 อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ฉก.ทหารพรานที่ 45 อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ฉก.ทหารพรานที่ 46 อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ฉก.ทหารพรานที่ 47 อ.ยะหา จ.ยะลา

โดยมีหน้าที่ดำเนินการ ป้องกันและแก้ไขการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่รับผิดชอบ ด้วยการวางกำลังให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งลักษณะภูมิประเทศและพื้นที่ปกครอง รวมทั้งการบูรณาการประสานงานหน่วยในพื้นที่ในการขับเคลื่อนแผนงานต่างๆ

นอกจากนี้ ผบ.ทบ.สั่งการให้นำกำลังอาสาสมัคร(อส.)ของกระทรวงมหาดไทย ตั้งด่าน จุดตรวจ ภายในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ทดแทนกำลังทหารถูกยกเลิกไปก่อนหน้านี้

สำหรับมาตรการเชิงรุก ผบ.ทบ.สั่งประกบติดเป้าหมายผู้ก่อเหตุที่มีชื่ออยู่ในบัญชีทั้งหมด (กลุ่มหน้าดำ กลุ่มหน้าเทา) พร้อมบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด เด็ดขาด และให้เฝ้าระวังช่องทางธรรมชาติ จุดหลบหนีผู้ก่อเหตุไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน

ขณะกลุ่มหน้าขาว คือ คนที่ไม่เคยมีประวัติก่อคดี ไม่เคยถูกซักทอด แต่มีข้อมูลเป็นผู้สนับสนุนการเงินเป็นท่อน้ำเลี้ยง ส่งเยาวชนเข้าไปบ่มเพาะ สร้างกองกำลังรุ่นใหม่ ให้พยายามเปิดโฉมหน้าคนเหล่านี้ กดดันไม่ให้มีเสรีในการปฏิบัติการ

สถานการณ์ชายแดน จชต.เป็นปัญหายื้ดเยื้อมาหลายปี ซึ่งยังไม่รู้ว่าอนาคตได้ข้อยุติเป็นเช่นไร ทั้งผู้ก่อความไม่สงบ และเจ้าหน้าที่รัฐ ต่างปรับแผนชิงความได้เปรียบ ฝ่ายไหนหละหลวม หย่อนยาน หรือเสียขบวนก็จะตกเป็นฝ่ายตั้งรับ ส่วนประชาชนคือผู้รับเคราะห์กรรม