โมเดลสู้ ‘พรรคส้ม’ พรรคคนรุ่นใหม่ ไม่ล้มเจ้า

โมเดลสู้ ‘พรรคส้ม’  พรรคคนรุ่นใหม่ ไม่ล้มเจ้า

พรรคในสายอนุรักษนิยมใหม่ หรือพรรคคนรุ่นใหม่ไม่ล้มเจ้า ขยับขับเคลื่อนกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลเพื่อไทยยังคงไร้ผลงาน!

KEY

POINTS

  • การเปิดตัว “พรรคเส้นด้าย” ยุคใหม่ ทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น “พรรคเศรษฐกิจ” และหัวหน้าพรรคคนใหม่ “เสธ.รังษี” พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หรือ “บิ๊กตี๋” อดีต ผอ.ช่อง 5

  • เป็นการผสมผสานกันระหว่าง คนรุ่นใหม่สายส้ม(เดิม) กับคนรุ่นใหญ่สายอนุรักษนิยมตัวพ่อ เพื่อสร้างพรรคการเมือง ในสูตรที่เรียกว่า “พรรคคนรุ่นใหม่ที่ไม่ล้มเจ้า” สู้กับพรรคประชาชน หรือพรรคส้ม นั่นเอง

  • แนวคิดการตั้ง “พรรคอนุรักษนิยมใหม่” และพัฒนาสู่ “พรรคคนรุ่นใหม่ที่ไม่ล้มเจ้า” มาจากแนวคิดการไม่ยอมให้ “พรรคสีส้ม” มีโอกาสครองอำนาจการบริหารประเทศ เพราะเชื่อว่าเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ที่มีทิศทางไม่ให้ความสำคัญกับ “สถาบันหลักของชาติ”

มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นั่นก็คือ การเปิดตัว “พรรคเส้นด้าย” ยุคใหม่

ทั้งเปิดชื่อพรรคใหม่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งถอดรหัสยุทธศาสตร์พรรคได้ 2 ประการ

1.เปลี่ยนชื่อเป็น “พรรคเศรษฐกิจ” เพื่อ “รีแบรนด์พรรค” จากพรรคนักกิจกรรมช่วยคนช่วงโควิด เหมือนพรรคจิตอาสา เป็นพรรคที่ทำงานระดับชาติ มีนโยบายใหญ่ๆ ระดับ “มหภาค” นั่นคือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ

การใช้ชื่อพรรค ที่สื่อถึง “เศรษฐกิจ” เคยมีหลายพรรคประสบความสำเร็จมาแล้ว เช่น พรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่นำโดย คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีต ผอ.ช่อง 9 เปิดตัวก่อนเลือกตั้งปี 62 ไม่กี่วัน กวาดปาร์ตี้ลิสต์มาได้ถึง 6 ที่นั่ง

เพราะคนไทยคาดหวังเรื่องเศรษฐกิจดี แต่ที่ผ่านมานักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ​ “ทำไม่ได้”

และการเดินเกมของ “พรรคเส้นด้ายใหม่” รอบนี้ เล็งเห็นแล้วว่า อนาคตเศรษฐกิจไทยในช่วง 1-2 ปี น่าจะลำบากหนัก และพรรคเพื่อไทยน่าจะแก้ไม่ได้ จึงตัดสินใจใช้ชื่อพรรคง่ายๆ ว่า “พรรคเศรษฐกิจ” เพื่อขายนโยบายด้านเศรษฐกิจให้กับคนไทย หวังแชร์ฐานเสียงในการเลือกตั้ง

2.การเปลี่ยนหัวหน้าพรรคจาก คุณคริษฐ์ โปตระนันทน์ อดีตผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เป็น “เสธ.รังษี” พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ หรือ “บิ๊กตี๋” อดีต ผอ.ช่อง 5 เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณสิ่งที่เรียกว่า “การผสมผสานกันระหว่าง คนรุ่นใหม่ กับคนรุ่นเก๋า” หรือ “การผสมผสานระหว่างคนสองรุ่น” ในสังคมการเมืองไทย

เพราะคุณคริษฐ์ มีภาพการทำงานแบบ “คนรุ่นใหม่” ที่คิดอะไรใหม่ๆ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่กับคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แม้ก่อนเลือกตั้งปี 66 จะลาออกจากพรรคก้าวไกลแบบไม่ค่อยสวยเท่าไร เพราะมีการแฉทิ้งบอมบ์ส่งท้ายว่า พรรคอนาคตใหม่ และก้าวไกล ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่มีระบบ “โปลิตบูโร - นักรบห้องแอร์” คนใกล้ชิดหัวหน้าพรรค คอยบงการพรรค และตัดสินใจทุกอย่าง

แต่คุณคริษฐ์ ก็ยังมีแนวคิด “ใหม่ๆ” ในแนวของ “คนรุ่นใหม่” อยู่ไม่น้อย

โดยเฉพาะความสำเร็จจากการตั้ง “กลุ่มเส้นด้าย” ออกช่วยเหลือประชาชนคนไทยในช่วงโควิดระบาด จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็สะท้อนรูปแบบการทำงานสไตล์ “จิตอาสารุ่นใหม่” ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในการขับเคลื่อน

ส่วน “เสธ.รังษี” เป็นอดีตนายทหารเหล่าม้า เป็นผู้นำความคิดค่ายอนุรักษนิยมตัวเป้ง แต่เป็นอนุรักษนิยมที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และเศรษฐกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะเศรษฐกิจสีเขียว (ไม่ใช่เขียวทหาร แต่เป็นเศรษฐกิจแบบ กรีน หรือ Green Economy หรือ BCG)

ที่สำคัญ “เสธ.รังษี” ยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น 22 หรือ ตท.22 ของ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ อดีต ผบ.ทบ. โดยได้รับแต่งตั้งจาก “บิ๊กบี้” ให้นั่งคุม ททบ.5 หรือ สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ในยุคที่ “บิ๊กบี้” เป็น ผบ.ทบ.

เป็นที่ทราบกันดีกว่า ผอ.ช่อง 5 กับ ผบ.ทบ. แต่ละยุค มักเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่รู้มือ รู้ใจ และไว้ใจกัน เพราะช่อง 5 ไม่ต่างอะไรกับ “ขุมทรัพย์ที่มีค่า” และ “กระเป๋าวิเศษ” ของ ผบ.ทบ. หรือกองทัพบก

และคนที่ติดตามการเมืองมาตลอด น่าจะรู้ดีว่า “บิ๊กบี้” ได้เป็น ผบ.ทบ.เพราะอะไร และเป็น “สายแข็งระดับไหน” ด้วยเหตุนี้ “บิ๊กตี๋” จึงมีภาพ “สายแข็ง” ที่ว่านี้ ติดตัวอยู่ด้วย

การจับมือกันสร้างพรรคเส้นด้ายยุคใหม่ ในชื่อ “พรรคเศรษฐกิจ” จึงเป็นการผสมผสานกันระหว่าง คนรุ่นใหม่สายส้ม (เดิม) กับคนรุ่นใหญ่สายอนุรักษนิยมตัวพ่อ เพื่อสร้างพรรคการเมืองในสูตรที่เรียกว่า “พรรคคนรุ่นใหม่ที่ไม่ล้มเจ้า” สู้กับพรรคประชาชน หรือพรรคส้ม นั่นเอง

การตั้งพรรคในรูปแบบของ “พรรคคนรุ่นใหม่ที่ไม่ล้มเจ้า” ถือเป็นอีกขั้น หรือ “ขั้นกว่า” ของการหาพรรคการเมืองแนว “อนุรักษนิยมใหม่” เพื่อเป็นฐานกำลังของฝ่ายอนุรักษนิยม เพื่อถ่วงดุลกับ “พรรคส้ม” ในฐานะ “พรรคเสรีนิยมใหม่” ที่กำลังโตวันโตคืน

แม้จะถูกเตะตัดขา โดนยุบไป 2 ครั้ง แต่กระแสความนิยมกลับไม่ลดลง

แนวคิดการตั้ง “พรรคอนุรักษนิยมใหม่” และพัฒนาสู่ “พรรคคนรุ่นใหม่ที่ไม่ล้มเจ้า” มาจากแนวคิดการไม่ยอมให้ “พรรคสีส้ม” มีโอกาสครองอำนาจการบริหารประเทศ เพราะเชื่อว่าเป็นพรรคคนรุ่นใหม่ที่มีทิศทางไม่ให้ความสำคัญกับ “สถาบันหลักของชาติ”

เพราะเชื่อกันว่าจะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่พวกตนยอมรับไม่ได้ สถาบันหลักของชาติหลายสถาบันอาจถูกทำลาย หรือด้อยค่าลงไป

ถ้าย้อนแนวคิด หรือวาทกรรมเชิดชูคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยุคตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่มีคำว่า “ฟ้ารักพ่อ” ซึ่งหมายถึง “พ่อธนาธร” โดยนำมาจากวลีในละครโทรทัศน์เรื่องดัง

วันนี้ก็มีแนวคิดคล้ายๆ กัน คือ “ฟ้าสกัดส้ม” แต่ไม่ได้มาจากละครเรื่องใด

แนวคิดนี้แพร่หลายในหมู่อนุรักษนิยมมาก ทำให้มีข่าวอยู่เนืองๆ จากอดีตนายทหารใหญ่ในกองทัพที่ยังมีตำแหน่งพ่วงท้าย เดินสายระดมทุนหาเงินตั้งพรรค “อนุรักษนิยมใหม่” หรือ “พรรคคนรุ่นใหม่ที่ไม่ล้มเจ้า”

พรรคเส้นด้ายใหม่ ที่ใช้ชื่อว่า “พรรคเศรษฐกิจ” ก็มีรูปแบบ และทิศทางทำนองนี้เหมือนกัน เพราะเมื่อ “เสธ.รังษี” เข้ามากุมบังเหียนแทน ก็มีสัญญาณส่งถึงแหล่งทุนสำคัญของค่ายอนุรักษนิยม ให้ “ลงหุ้น” สนับสนุนพรรคนี้

อีกพรรคหนึ่งที่เดินคล้ายๆ กัน และเดินล่วงหน้าไปก่อนแล้ว แต่ไม่ “ปัง” เท่าที่ควร คือ “พรรคโอกาสใหม่”

พรรคนี้เปิดตัวโดยอดีตข้าราชการ ส่วนใหญ่เป็น “อดีตบิ๊กมหาดไทย” เป็นอดีตผู้ว่าฯ รองผู้ว่าฯ และสายปกครอง มีการตั้งหัวหน้าพรรค คือ คุณสุปกิต โพธิ์ปภาพันธ์ อดีตผู้ว่าฯ ลพบุรี แต่ว่ากันว่าเป็น “หัวหน้าขัดตาทัพ” เพราะจริงๆ ยัง “วิ่งหาหัว” กันอยู่

หัวหน้าพรรคที่เล็งไว้ แต่ส่วนใหญ่ถูกปฏิเสธหลังจากมีการทาบทาม ก็เช่น คุณเดียร์ วทันยา บุนนาค ดร.เอ้ สุชัชวีร์​ สุวรรณสวัสดิ์ หรือแม้แต่ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. หากไม่ต่อตั๋วเป็นพ่อเมืองเมืองหลวงอีก 1 สมัย

ความต่างระหว่าง พรรคเศรษฐกิจ กับ พรรคโอกาสใหม่ คือ

- พรรคเศรษฐกิจ มาในแนว “รุ่นใหม่ไม่ล้มเจ้า” ส่วน พรรคโอกาสใหม่ ยังเป็น “อนุรักษนิยมใหม่” คือ ทำให้อนุรักษนิยมเดิมมีความทันสมัยด้านนโยบาย และรูปแบบการหาเสียงเท่านั้น

รวมถึงการใช้ “ทางลัด” คือ หาหัวหน้าพรรคที่ตอบโจทย์ มาเสียบ และตั้งโชว์​ได้เลย

- พรรคเศรษฐกิจ มุ่งขยายฐานคนรุ่นใหม่ จากการทำงานแนวจิตอาสาของกลุ่มเส้นด้าย โดยใช้ “คนรุ่นเก๋า” เป็นมือประสาน ซึ่งระดับ “เสธ.รังษี” อดีต ผอ.ช่อง 5 ไม่ได้ประสานได้เฉพาะ “สายทหาร” แต่ประสานได้ถึง “กลุ่มทุนยักษ์ระดับประเทศ” เลยทีเดียว

ส่วนพรรคโอกาสใหม่ ใช้เครือข่ายอดีตข้าราชการน้ำดี และบรรดา สส.อกหัก หรือ “บ้านใหญ่” ที่ยังไม่มีที่ลง แต่หัวขบวนของพรรคนี้ คือ “2 ปลัดคนดัง” ซึ่งเป็น “มือประสานยิ่งกว่าทศกัณฐ์” คือ ประสานมากกว่า 10 ทิศ

กล่าวกันว่า แม้พรรคโอกาสใหม่จะเดิมเกมเงียบๆ แต่หวังฟาดเรียบเหมือนกัน เพราะข่าวไม่ค่อยมีลง แต่เงินลงไปแล้ว ลองไปดูได้ หลายจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งมีช่องว่างให้พรรคใหม่เข้าแทรก ตอนนี้มีการประชุมจัดตั้งหัวคะแนน และสาขาพรรคกันอย่างคึกคัก

ทั้งสองพรรคมองข้ามไม่ได้ เพราะการเมืองพลิกผันได้ทุกเมื่อ และต้องไม่ลืมว่า สส.พรรคส้ม กำลังจะถูกสอยอีกจำนวนหนึ่ง และอนาคตพรรคยังไม่มีความแน่นอน สส.บางส่วน หรือแกนนำพรรคบางส่วน อาจเปลี่ยนแนวทาง เพราะเหนื่อยที่จะต่อสู้กับสายอนุรักษนิยม และคดี 112 หรือไม่ ต้องรอดู

กล่าวเฉพาะ “พรรคโอกาสใหม่” เป็นพรรคที่มองข้ามไม่ได้ เพราะมีข่าว “2 ปลัดคนดัง” กุมบังเหียน

ปลัดคนที่ 1 เกษียณไปแล้ว แต่ยังมากบารมี และมีตำแหน่งในองค์กรกึ่งอิสระบางองค์กร

ปลัดคนที่ 2 ยังไม่เกษียณ และมีสถานะเป็น “ซูเปอร์ปลัด”

ข่าวว่า พรรคโอกาสใหม่ ได้รับการสนับสนุนจาก “นายทุนใหญ่” คนเดียวกับ “พรรคสีธงชาติ” ซึ่งมีข่าวว่า พรรคสีธงชาติสายหัวหน้า ไม่ใช้บริการ “นายทุนใหญ่รายเดิม” แล้ว เพราะแตกคอกันหนัก

ทำให้ “นายทุนใหญ่” หาพรรคใหม่มารองรับการดูด สส. จากพรรคสีธงชาติ เข้าสังกัดพรรคใหม่ หรือถ้าชิงพรรคสีธงชาติกลับมาได้ ก็จะมี 2 พรรค

นาทีนี้จึงมีเกมเขย่าเก้าอี้รัฐมนตรี หัวหน้าพรรคสีธงชาติ มีนักร้องไปยื่นสอย กรณียังถือหุ้นในกิจการต้องห้าม อาจส่งผลต่อคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี

งานนี้ไม่รู้ข่าวปั่นหรือไม่ เพราะรัฐมนตรีหัวหน้าพรรคสีธงชาติ เป็นนักกฎหมายมือฉมัง ไม่น่าพลาดเรื่องง่ายๆ

ข่าวว่า “หัวหน้าพรรคสีธงชาติ” มีแบ็กดี ระดับ “ลุงมากบารมี” จึงน่าจะยังอยู่ในเก้าอี้ต่อ แถมไปเคลียร์กับ “นายใหญ่ - นายน้อย” มาเรียบร้อยโรงเรียนกาสิโน ว่าจะสนับสนุนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์แน่นอน

ส่วนพรรคโอกาสใหม่ ก็กำลังตั้งไข่ ถ้าได้ตำแหน่งรัฐมนตรีให้กับ “นอมินีของพรรค” ก็จะทำให้พรรคเดินสะดวกขึ้น

งานนี้จึงมีข่าวสอยรัฐมนตรีโควตาพรรคสีธงชาติ ที่ไม่ใช่หัวหน้าพรรค ข่าวว่ารัฐมนตรีท่านนี้ ทำงานดีที่สุด ตั้งแต่มีเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม แต่กำลังเจอแรงกดดันให้ต้องเปลี่ยนตัว

ทั้งแรงกดดันจากกลุ่มทุนใหญ่ เพื่อเปลี่ยนตัวให้ “ซูเปอร์ปลัด” เข้าไปเป็นรัฐมนตรีแทน เพื่อเสริมบารมีขับเคลื่อนงานพรรคโอกาสใหม่

ทั้งแรงกดดันจากทุนจีน ที่แทรกซึมเข้าถึงทุกองคาพยพการเมืองไทย เนื่องจากรัฐมนตรีท่านนี้ เปิดศึกทุนจีนเละเทะ

งานนี้วัดใจนายกฯ แพทองธาร และอาจเป็นสาเหตุให้หัวหน้ารัฐบาล เครียดจนป่วย ก็เป็นได้...

จะเห็นได้ว่า พรรคในสายอนุรักษนิยมใหม่ หรือพรรคคนรุ่นใหม่ไม่ล้มเจ้า ขยับขับเคลื่อนกันอย่างคึกคักจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลเพื่อไทยยังคงไร้ผลงาน!

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์