‘เนวิน-สมยศ’ คู่บุญบอลไทย จาก 'บุรีรัมย์ พีอีเอ' ถึง 'ประมุขลูกหนัง'

16 ปี สงครามตัวแทน ขั้ว “บังยี” กับขั้ว “บุรีรัมย์” ยังไม่จบ จังหวะที่ “มาดามแป้ง” ชนสมยศ คู่แค้นเก่าก็รุกกลับเอาคืน
KEY
POINTS
- 16 ปีแห่งความหลัง “เนวิน” ครูใหญ่ผูกพัน “สมยศ” อดีตบิ๊กตำรวจสีน้ำเงิน จาก “บุรีรัมย์ พีอีเอ” ถึงประมุขลูกหนัง 2 สมัย
- คดีพิพาทระหว่าง สยามสปอร์ต กับสมาคมฟุตบอล เกิดขึ้นในยุค “บิ๊กอ๊อด” แต่มีคำพิพากษาในยุคของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ที่เพิ่งนั่งนายกสมาคมฯ ครบ 1 ปี และต้องจ่ายเงินพร้อมดอกเบี้ยให้ สยามสปอร์ต 360 ล้านบาท
- เนวิน ในฐานะกุนซือใหญ่ของ “บิ๊กอ๊อด” และ “มาดามแป้ง” จะคิดอ่านทางออกอย่างไร ท่ามกลางจังหวะบอลเข้าทาง “บังยี” ที่ฉวยจังหวะรุกใส่คู่แค้นเก่าทันที
เนวิน ชิดชอบ ในวันที่ถอยไปอยู่หลังม่านพรรคภูมิใจไทย หลังการจัดตั้งรัฐบาลอภิสิทธิ์ ปลายปี 2551 มีความตั้งใจที่จะหันลงทุนทำทีมฟุตบอล เพื่อแข่งขันในไทยลีก
จังหวะนั้น ชวรัตน์ ชาญวีรกูล เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย จึงทำให้บอร์ดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เห็นดีเห็นงามให้ เนวิน ชิดชอบ เข้ามาร่วมซื้อหุ้นทำทีมลูกหนังสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในชื่อ “บุรีรัมย์ พีอีเอ” จึงมีฉายา “ปราสาทสายฟ้า” พร้อมกับย้ายรังเหย้าจาก จ.อยุธยา ไปอยู่ จ.บุรีรัมย์ ตั้งแต่ปลายปี 2552
ที่น่าสนใจ บอร์ด กฟภ.สมัยโน้น มีชื่อ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. รวมอยู่ด้วย เพราะ “บิ๊กอ๊อด” เป็นนายตำรวจสีน้ำเงิน
เวลานั้น แฟนบอลทีมการไฟฟ้าฯ และชาวอยุธยา ได้รวมตัวกันประท้วงนักการเมืองบุรีรัมย์ ที่เข้ามาแทรกแซงวงการลูกหนังไทย
เนวินไม่สนใจกระแสต้าน ใช้เวลา 3 ปี พาทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ คว้าแชมป์ไทยลีก และขยายฐานกองเชียร์บุรีรัมย์ไปในทุกภาค
ปี 2555 เนวิน ควักเงินซื้อหุ้นอีก 30% ของสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) มาบริหารจัดการเอง เท่ากับเนวินถือหุ้น 100% จึงเปลี่ยนชื่อเป็น “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด”
ผู้จัดการทีมลูกหนังบุรีรัมย์ ตั้งแต่ร่วมหุ้นกับพีอีเอ จนมาถึงบุรีรัมย์ 100% ก็คือ กนกศักดิ์ ปิ่นแสง นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย
กนกศักดิ์ เป็นคนพา เนวินไปพบวิชัย ศรีวัฒนประภา สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ร่วมกันวางแผนปั้น “บิ๊กอ๊อด” นั่งนายกสมาคมฟุตบอลไทย
นั่นเป็นความฝันของครูใหญ่เซราะกราว เขาต้องการยึดกุมองค์กรลูกหนังไทย เนื่องจากสมัยแรกๆที่ปั้นทีมลูกหนังบุรีรัมย์ เจอขวากขวางจากขั้วอำนาจเดิมเยอะ
สมัยที่เนวิน นำพาทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ลุยศึกไทยลีก 1 “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ยังนั่งกุมบังเหียนสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และ “บังยี” ยังเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มีตำแหน่งทางการเมืองเป็นผู้แทนการค้าไทย
สมาคมลูกหนังยุคบังยี จึงเกิดความขัดแย้งกับประธานเนวินอยู่บ่อยๆ ลามไปถึงในสนามลูกหนัง ระหว่างกองเชียร์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับเมืองทอง ยูไนเต็ด
เนื่องจาก ระวิ โหลทอง เจ้าของทีมเมืองทองฯ และบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) เป็นพันธมิตรธุรกิจกับบังยี
เนวิน รู้ดีว่า ขั้วบังยี มีสื่อยักษ์ใหญ่เป็นกระบอกเสียง จึงเปิดเกมจรยุทธ์ออนไลน์ ใช้ทีมงานรุ่นใหม่จัดรายการผ่านสื่อใหม่ ท้ารบบังยี และพวก
ระหว่างนั้น เนวินเริ่มใช้กลยุทธ์ลูกหนังนำการเมือง สร้างพันธมิตรกับทีมลูกหนังในไทยลีก 1 และลีกภูธร
ปี 2559 เนวิน ชิดชอบ และวิชัย ศรีวัฒนประภา แห่งคิงเพาเวอร์ เปิดตัวหนุน “บิ๊กอ๊อด” สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง อดีต ผบ.ตร.ลงชิงเก้าอี้นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย คนที่ 17
บังเอิญ “บังยี” วรวีร์ มะกูดี ถูกฟีฟ่า สั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับกีฬาฟุตบอล และมีคดีอื่นๆอีก จึงสมัครชิงนายกฯไม่ได้
ปรากฏว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น 62 จาก 68 เสียง
สภากรรมการลูกหนังไทยชุด “บิ๊กอ๊อด” ล้วนเป็นตัวแทนทีมลูกหนังที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกัน มีทั้งสังกัดค่ายสีน้ำเงิน และแนวร่วม อาทิเช่น ชลบุรี เอฟซี ประจวบ เอฟซี ลำพูนวอริเออร์ อ่างทองเอฟซี และราชบุรีเอฟซี
สิ่งแรกที่ “บิ๊กอ๊อด” หลังเข้ารับตำแหน่งนายกฯ คือ ฉีกสัญญาระหว่างสมาคมฟุตบอลฯ กับสยามสปอร์ตฯ ซึ่งเป็นมรดกของบังยี
ปี 2563 มีการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯอีกสมัย “บังยี” พยายามหาทางลงสมัครนายกฯอีก แต่เจอด่านสกัดมากมาย จึงหนุน ภิญโญ นิโรจน์ อดีตอุปนายกสมาคมฟุตบอลฯ ลงแข่งแทน
ผลตามคาด พล.ต.อ.สมยศ ชนะภิญโญ นิโรจน์ ขาดลอย ด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 17 เสียง และบัตรเสีย 1 ใบ
ชัยชนะสมัยที่ 2 ของ “บิ๊กอ๊อด” สะท้อนบารมีของเนวิน ที่กุมเสียงโหวตเตอร์ส่วนใหญ่ไว้ได้ แม้ผลงาน 4 ปีแรกของนายกฯอ๊อด จะไม่เป็นที่ประทับใจแก่แฟนบอลไทย
กลางปี 2566 เนวินเริ่มรู้แล้วว่า “บิ๊กอ๊อด” ไปไม่รอดแน่ จึงหนุน “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ให้สมัครนายกลูกหนัง
ทำไมต้องเป็น “มาดามแป้ง” คำตอบคือ “แป้งคอนเนกชั่น” ส่งผลให้ ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด และวิลักษณ์ โหลทอง ประธานสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ประกาศตัวสนับสนุนเต็มที่
ดังนั้น การเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลฯ ในวันที่ 8 ก.พ. 2567 “มาดามแป้ง” จึงชนะขาดลอย และเป็นปฐมบทสมาคมลูกหนังไทยยุคปรองดอง 2 ขั้วคือ ขั้วชิดชอบ และขั้วโหลทอง
สภากรรมการฯยุค “นายกแป้ง” ปรากฏว่า สายเนวินก็มาครบ ส่วน เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ประธานสโมสรเมืองเลย ยูไนเต็ด สส.เลย พรรคเพื่อไทย เป็นสายตรงมาดามแป้ง
อันเนื่องมาจากกรณีคดีพิพาทระหว่าง สยามสปอร์ต กับ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ศาลฏีกามีคำพิพากษาให้สมาคมฯจะต้องจ่ายเงินพร้อมดอกเบี้ยให้ สยามสปอร์ต 360 ล้านบาท
การฟ้องร้องเกิดขึ้นในยุค “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ุม่วง เป็นนายกสมาคมฯ แต่มีคำพิพากษาในยุคของ “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ที่เพิ่งทำงานในฐานะนายกสมาคมฯ ครบ 1 ปี
กรณีบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) “มาดามแป้ง” จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการประชุมการสภาฯ เพื่อทำการฟ้องไล่เบี้ยเอาเงินคืนจากการแพ้คดีสยามสปอร์ต 360 ล้านบาท + ดอกเบี้ย ตามมาตรา 76 แพ่งและพาณิชย์ แก่จำเลยที่ 2 คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตนายกสมาคม และสภากรรมการชุดที่แล้ว
ว่ากันตามจริง สภากรรมการชุดที่แล้ว ก็นั่งอยู่ในสภากรรมการชุดมาดามแป้งมากกว่าครึ่งหนึ่ง
เนวิน ในฐานะกุนซือใหญ่ของ “บิ๊กอ๊อด” และ “มาดามแป้ง” จะคิดอ่านทางออกอย่างไร คงไม่ปล่อยให้มาดามแป้งสู้ตามลำพัง
ที่แน่ๆ “บังยี” ฉวยจังหวะบอลเข้าทาง ก็เปิดเกมรุกใส่คู่แค้นเก่าทันที “มาดามแป้ง”จึงเหมือนคนกลางที่อยู่ในสมรภูมิสงครามความแค้น