ไม่แปลกใจ... ทำไมเด็กไทยอยากย้ายประเทศ

เรือแก้รัฐธรรมนูญ หมุนใน “วังน้ำวน” คำวินิจฉัยของศาล คือทางออก หรือทางตันของบ้านเมืองกันแน่ หรือว่านักการเมืองเอามาเล่นกันจนกลายเป็น “ทางตัน”
ยิ่งเห็นการเมืองบ้านเราที่นักการเมืองเขาเล่นกันแล้ว ยิ่งไม่แปลกใจ ว่าทำไมเด็กไทยอยากย้ายประเทศ
เพราะขนาดผู้ใหญ่วัยอีกไม่นานจะลงโลงอย่างผม ก็ยังไม่อยากจะอยู่ประเทศนี้ ไม่ใช่ไม่รักเมืองไทย แต่ไม่อยู่เพื่ออยากรับรู้ความห่วย ไร้สาระ แหลกเหลวเละเทะทุกวงการ เป็นข่าวอื้อฉาวแทบไม่เว้นแต่ละวัน
ถามว่าวันนี้วงการอะไรของประเทศไทยที่เป็นที่พึ่งหวังได้บ้าง...
ส่องดูขบวนพาเหรดล้อการเมืองของฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์ - จุฬาฯ ก็คงจะได้เห็นอารมณ์ความรู้สึกของคนรุ่นใหม่
โดยเฉพาะเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ!
จะว่าไปเรื่องรัฐธรรมนูญมันช่างสะท้อนทุกมิติของความเป็นประเทศไทย คนไทย นักการเมืองไทย เหมือนที่มีบางคนเคยพูดเอาไว้ว่า ประเทศไทยนี้มีดีทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียว...มีคนไทย (โดยเฉพาะนักการเมืองไทย) อาศัยอยู่
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยเลยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ผมกลับเห็นด้วยกับพรรคประชาชน และต้องยอมรับว่า การริเริ่มแก้ไขหรือจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เป็นอำนาจของรัฐสภา ในฐานะตัวแทนประชาชนที่ผ่านการเลือกตั้งมาจริงๆ
ก็เมื่อเขาเห็นว่าควรแก้ ตามกติกาที่มันก็ต้องแก้ได้ และกติกานั้นก็เขียนว่าถ้าแก้ “วิธีแก้รัฐธรรมนูญ” (หมวด 15) ก็ต้องผ่านประชามติก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ผมว่ามันก็แฟร์ดี เมื่อถึงเวลานั้น ถ้าผมไม่ชอบโมเดลที่เขาจะตั้ง ส.ส.ร.มาเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผมก็ไปโหวตคัดค้านร่างแก้รัฐธรรมนูญ และร่วมรณรงค์ไม่ให้ร่างผ่าน
นี่คือกระบวนการที่ถูกต้องชอบธรรมแล้ว
แต่วันนี้เรากลับไปเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ว่าจะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องถามประชาชนก่อน มาเล่นเกมกันจนเละเทะ กลายเป็นว่าศาลมีอำนาจเหนือสภาฯ และควบคุมการกระทำของทุกองค์กรในประเทศนี้ได้...จะเอากันอย่างนั้นหรือ
วันก่อนผมเขียนข้อมูล และทำเป็นภาพกราฟิกเอาไว้ หลายคนอ่านและดูกราฟิกแล้วชอบใจ ผมเลยนำมาแชร์ให้ดูกันอีกรอบ
เรือแก้รัฐธรรมนูญ หมุนใน “วังน้ำวน”
- นัดประชุมรัฐสภา พิจารณาร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติม
- องค์ประชุมไม่ครบ ล่มไปเรื่อยๆ ญัตติค้างสภา
- แม้องค์ประชุมครบ ก็ไม่ผ่าน สว.โหวตไม่ถึง 1 ใน 3
- แม้เลื่อนญัตติส่งศาล รธน.ขึ้นมาสำเร็จ และประธานสภาฯ ส่งเรื่องไปศาล...
- ศาล รธน.ก็ไม่รับวินิจฉัยให้ เพราะไม่ใช่หน้าที่
- ส่งกลับมาสภาฯ ก็ต้องวัดใจว่า จะกล้าประชุมพิจารณาร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติมหรือไม่
- สมาชิกส่วนใหญ่ไม่เข้าประชุม องค์ประชุมก็ไม่ครบเหมือนเดิม... วนกันอยู่แบบนี้
สรุปว่าคำวินิจฉัยของศาลสูงในประเทศนี้ คือทางออก หรือทางตันของบ้านเมืองกันแน่ หรือว่านักการเมืองเอามาเล่นกันจนกลายเป็น “ทางตัน”
ถ้าเราถามกลับบ้างว่า แล้ววันนี้ศาลบางศาล รวมถึงศาลพระภูมิบางแห่ง มีผลงาน หรือคุณค่าอะไรที่ประชาชนต้องกราบไหว้เคารพ หรือไม่
คำว่า“ยุติธรรม” ที่แปลตรงตัวว่า“ยุติปัญหาด้วยธรรม” หรือ“ยุติข้อพิพาท หรือความขัดแย้งอย่างเป็นธรรม”นั้น วันนี้องค์กรต่างๆ ที่มีหน้าที่ ได้ทำให้คนไทยทั่วไปรู้สึกแบบนั้นจริงหรือไม่
คดี อ.พิรงรอง กสทช. แค่เปรยว่า “ล้มยักษ์” ก็ตีความกันเอาเป็นเอาตาย ถึงขั้นใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต ต้องรับโทษติดคุก ไม่รอลงอาญา
แต่คดี “ตู้ห่าว - มาเฟียจีน” ถูกกล่าวหามาเปิดผับอัพยา มีภาพเดินตรวจตรา ลูกน้องโค้งคำนับ วันบุกจับพบของกลางท่วม ทุกองคาพยพ ทุกองค์ประกอบของสถานบันเทิงแห่งนี้ แทบไม่มีคนไทยเกี่ยวข้องเลย ตั้งแต่เด็กรับรถ บ๋อย ยันผู้จัดการ เป็นคนจีนหมด เผลอๆ แก้ว ชาม ช้อน กระดาษทิชชู่ ยังสั่งจากจีน ยกเว้นอย่างเดียวคือตั้งอยู่บนแผ่นดินไทย บนที่ดินไข่แดงราคาแพงที่สุดของประเทศที่คนไทยไม่มีปัญญาอยู่อาศัยเท่านั้น
แต่หลักฐานขนาดนี้ยังบอกว่าเบาเกินไป ไม่ใช่องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สถานบันเทิงที่เปิดให้คนจีนอัพยากันอย่างโจ๋งครึ่ม ดังข้ามไปถึงเมืองจีน มีบริการไปรับและส่งกลับครบวงจร กลับไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม
ตัวสถานบันเทิงก็รับโอนล้างหนี้มา จะมาบอกว่าเป็น “จีนเทา” ไม่ได้ เขาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย
สรุปยกฟ้องทุกข้อหา แถมไม่ขังระหว่างอุทธรณ์ แต่คดีคนไทยตาดำๆ แค่ขับรถเฉี่ยวชน หรือขโมยของ กลับต้องถูกขังเพียงเพราะไม่มีเงินประกัน ทั้งๆ ที่ศาลยังไม่ได้ตัดสินว่าผิด บางคนลูกเล็ก ต้องอุ้มลูกติดไปเลี้ยงในคุกก็ยังมี ให้เป็นที่อเนจอนาถ
เหลียวดูองค์กรอิสระ ประธานบางองค์กรถูกถอดถอน ก็วิ่งไปพบผู้มีอำนาจคนโน้นคนนั้น มี “นายพลคนมีสี” ทำตัวเป็น “นายหน้า” จัดแจงนำพาไปพบปะ
มีคลิปหลุดออกมาก็อ้างไม่รู้ไม่เห็น หรือถูกหลอกให้ไป
บอกตรงๆ ท่านดำรงตำแหน่งระดับนี้ ไม่น่าถูกหลอก และถึงแม้จะถูกหลอกจริงๆ ถึงหน้าบ้านก็ไม่ควรเข้าไป หรือแม้จะเข้าไปแล้วตามมารยาท แต่เมื่อมีการชวนคุยเรื่องที่เกี่ยวกับตัวท่าน การถอดถอนท่าน ท่านก็ไม่ควรคุย ควรบ่ายเบี่ยง และรีบลากลับ
แบบนั้นสิถึงจะเหมาะสม มีเกียรติภูมิเพียงพอที่จะเป็นประธานองค์กรที่มีอำนาจประหารชีวิตคนโกงคนอื่น
อย่าให้ประชาชนรู้สึกว่า คนดำรงตำแหน่งสำคัญในบ้านเมืองนี้ก็ไม่ได้ดีกว่าเรา แค่โชคดีใส่หัวโขนเป็นผู้อำนาจก็ฟาดคนอื่นได้เท่านั้น ส่วนชาวบ้านตาดำๆ ก็ถูกกระทำกันต่อไป
หันมามองการเมืองของนักการเมืองกันบ้าง เป็นเรื่องที่ไม่อยากพูดถึงเลยจริงๆ เพราะแค่ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว หักหลังประชาชนก็แย่พอแรงแล้ว วันๆ ยังเอาแต่ทะเลาะกัน แทงกัน หักหลังกันเองอีก
เบื้องลึก เบื้องหลัง มูลเหตุ ไม่ใช่เพื่อชาติ เพื่อคนไทย แต่เป็นอำนาจและผลประโยชน์ก้อนใหญ่ที่ต่อรองกันไม่ลงตัวล้วนๆ
วันๆ แทนที่ประชาชนจะได้ติดตามข่าวสารว่าบ้านเมืองจะพัฒนาไปทางไหน จะใช้อินเทอร์เน็ตฟรีอย่างปลอดภัยได้อย่างไร จะมีแพลตฟอร์มขายสินค้าของคนไทยที่ไม่ถูกเอาเปรียบ ไม่ถูกทุ่มตลาดได้เมื่อไหร่ จะมีรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าราคาถูกให้โดยสารกันได้จริงไหม กี่โมงถึงจะมีอากาศบริสุทธิ์ให้หายใจ ไม่ต้องกินฝุ่น PM2.5
แต่พวกเราต้องกลับมานั่งฟังนักการเมืองด่ากัน แทงกัน อีแอบบ้าง หน้าตัวเมียบ้าง หิ้วปี๊บเย้ยกันบ้าง ฯลฯ มันช่างอนาถใจ
พรรคการเมืองของพวกท่านมาผสมพันธุ์กันเพื่อขวางพรรคส้ม ก็ไปสามัคคีทำภารกิจของท่านให้เรียบร้อย เหมาะสม ตามสมควร ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่มาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในแนวทางที่พรรคส้มเขามองข้าม หรือดูถูกดูแคลน
แต่ที่ไหนได้ ไปๆ มาๆ กลับฟัดกันเอง เหมือนแย่งชามข้าว แถมยังหวงก้างไม่ให้คนอื่นเข้ามาร่วมแชร์อำนาจ
พรรคประชาชนซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่นั้น ไม่รู้ว่ามีดีแค่ไหน ความสามารถเป็นอย่างไร แต่ความตั้งใจก็ยังมีให้เห็น โดนแกล้งโดนทุบ โดนเตะตัดขา ล้มแล้วล้มอีก ก็ยังลุกแล้วเดินต่อในทิศทางเดิม ก็น่าให้เขาได้ลองทำดูบ้าง แต่สุดท้ายก็โดนพวกหวงก้าง กอดชามไว้กินเอง ส่วนประชาชนคนไทยถูกกันอยู่นอกวง
นี่คือปัญหาของประเทศไทยที่พังแล้วทุกระบบ ทั้งการเมืองในสภาฯ ในพรรคการเมือง คลิปอะไรที่หลุดออกมา ไม่มีพูดเรื่องบ้านเมือง มีแต่เรื่องผลประโยชน์
ความเหลวแหลกเละเทะลามไปทุกวงการ เมื่อก่อนแวดวงราชการ ศาล องค์กรอิสระ ยังเป็นที่พึ่งหวังได้บ้าง แต่วันนี้ปิดฉากรูดม่าน พังกันไปหมดแล้ว
ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด และสะท้อนความเป็น “ไทยยุคตกต่ำ” มากที่สุด คือปัญหาไฟใต้ กองทัพไทยสู้กับ “โจรที่ไม่มีแม้อาวุธ” ต้องปล้นปืนทหารเอามารบกับทหาร ตำรวจ นี่สู้กันมา 20 กว่าปี อย่าว่าแต่รัฐไทยจะมีแววชนะ เพราะวันนี้แค่ยุทธศาสตร์ดับไฟใต้ยังไม่มี ทะเลาะตบตีกันอยู่เลย
แว่วว่า “รองฯภูมิธรรม” ตั้งคณะทำงานชุดเล็ก นำโดย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกลาโหม ประชุมวงปิด เพื่อให้เปิดใจกันทุกภาคส่วน บทสรุปที่ได้คือต่างฝ่ายต่างโทษกัน มีแต่คนสั่ง ไม่มีคนทำ มีแต่คนเอางบ แต่ไม่มีคนเอางาน อัตราขอวันทวีคูณยังบาน แต่ตำรวจ ทหาร อส. ที่ตายทุกวัน กลับไม่ได้วันทวีคูณ
มีคนบอกผมว่า สถานการณ์ประเทศแบบนี้มันช่างนำพาไปสู่บรรยากาศ “เพลงมาร์ชใกล้ดัง”
เมื่อทุกระบบพัง ทุกองค์กรหวังอะไรไม่ได้ เคยมีคนบอกกับผมเรื่อง “โมเดลองค์กรอิสระเป็นอัมพาต” วันนี้มันได้เริ่มขึ้นแล้วที่ ป.ป.ช. และ กกต. (ข่าวแว่วว่าเลขาฯ อาจประเมินไม่ผ่าน)
อย่าทำเป็นเล่นไป... เมื่อ “แดง” ขัดแย้ง “น้ำเงิน” แล้วเมิน“ส้มเปรี้ยว”
ระวัง “สีเขียว” จะเป็นตาอยู่อีกรอบ!