คดี 44 สส. เขย่าขวัญ 'ปชน.' ระทึก 'เหมาเข่ง' หรือตัวบุคคล

คดี 44 สส. เขย่าขวัญ 'ปชน.' ระทึก 'เหมาเข่ง' หรือตัวบุคคล

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ “ป.ป.ช.” (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง เขย่าขวัญทั้ง สส. และพรรคประชาชน (ปชน.) อย่างมาก แม้ยังไม่รู้ว่า ผลการชี้มูลความผิดจะออกมาอย่างไร

กรณีส.ส.ดาวเด่นพรรคประชาชน อย่าง รังสิมันต์ โรม ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก (14 ก.พ.68) ส่งสัญญาณตนเองเหลือเวลาอีกไม่มาก พร้อมตั้งคำถามถึงมาตรฐานการทำหน้าที่ของ “ป.ป.ช.”

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กหนังสือลับ ป.ป.ช. ขอเชิญให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา กรณีอดีต 44 ส.ส. พรรคก้าวไกล ลงชื่อเสนอแก้ไข ป.อาญา ม.112 (แก้ไข ม.112) พร้อมข้อความ ระบุว่า

“ผมไม่สามารถเข้าใจได้ว่า การเข้าชื่อเสนอเพื่อแก้กฎหมาย มันจะเป็นความผิดได้อย่างไร ในเมื่ออำนาจนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของ ส.ส. รวมถึงก็ไม่มีบทบัญญัติใดๆ แห่งกฎหมายที่ระบุว่า การเข้าชื่อเสนอเพื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้การหาเสียงของพวกเราอดีตพรรคก้าวไกล ก็มีการส่งให้กับคณะกรรมการเลือกตั้งอีกด้วย ผมยืนยันในการทำหน้าที่ของพวกเราว่า ไม่มีทางที่จะผิดต่อมาตรฐานจริยธรรมอย่างแน่นอน”

“รังสิมันต์ โรม” ระบุอีกว่า การได้เห็นป.ป.ช. ขยันขันแข็งในการรวบรวมข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีกับ ส.ส. ทั้ง 44 คน ท่ามกลางข้อครหาของ ป.ป.ช. ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องวิ่งเต้น ให้หลุดพ้นจากการถูกร้องถอดถอนในกรณีที่เป็นข่าวล่าสุด มันจึงเป็นเรื่องที่ตลกร้ายต่อพวกเราจริงๆว่าองค์กรอย่าง ป.ป.ช. ที่มีชนักติดหลังแบบนี้ มีข้อครหาที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดจริยธรรม จะเข้ามาตรวจสอบนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งและใช้อำนาจหน้าที่นั้นเพื่อแก้ไขกฎหมายได้อย่างไร

ยังไม่นับว่า พวกเราส.ส. ฝ่ายค้านที่ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลาย ได้เคยร้องหลากหลายกรณีไปยัง ป.ป.ช. กลับพบว่ามีความคืบหน้าน้อยมาก ขณะที่คดีที่เกิดขึ้นต่อพวกเรากลับรวดเร็วปานดังกามนิตหนุ่ม ได้แต่สงสัยว่า มาตรฐานของ ป.ป.ช. นั้นเป็นอย่างไรกันแน่

สุดท้ายนี้ ผมได้รับหนังสือฉบับนี้ในวันมาฆบูชา ไม่แน่ใจว่า เป็นเหตุบังเอิญหรือไม่ และหลังจากนั้น นายสุชาติก็ได้รับการโปรดเกล้าเป็นประธาน ป.ป.ช. ก็ขอแสดงความยินดีด้วย หากคดีนี้มีความคืบหน้าอย่างไรผมจะได้แจ้งให้กับพี่น้องประชาชนได้ทราบกันอีกที ส่วนตัวผมทราบดีว่าเวลาของผมคงจะมีอีกไม่มากระหว่างนี้ก็คงจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า ป.ป.ช. ได้ทยอยส่งข้อกล่าวหาให้ 44 ส.ส.แล้ว โดยแต่ละคนได้รับแจ้งไม่เหมือนกันตามฐานความผิดในชั้นสอบสวน

 เช่นเดียวกัน “เจี๊ยบ อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเพจ “Amarat Chokepamitkul อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” (15 ก.พ.68)ระบุว่า ป.ป.ช.แจ้งว่า ข้อกล่าวหาต่อดิฉันและเพื่อนส.ส.ก้าวไกลรวม 44 คนมีมูล เลยขอตั้งคำถามซัก 4-5 ข้อดังนี้

1.การประกันตัวผู้ต้องหา #คดี112 จะทำได้ศาลต้องเป็นผู้อนุมัติ นั่นหมายถึงศาลสมรู้ร่วมคิดกับดิฉันเซาะกร่อนบ่อนทำลายและล้มล้างการปกครองใช่หรือไม่

แล้วป.ป.ช.ส่งหมายเรียกให้ศาลมารับทราบข้อกล่าวหาหรือยัง

2.ยังมีนักวิชาการหลายๆท่าน ไปร่วมประกันตัวเพื่อให้ลูกศิษย์ได้กลับมาเรียนหนังสือในระหว่างต่อสู้คดีด้วย พวกเขามีความผิดด้วยหรือไม่

3.อำนาจหน้าที่เสนอกฎหมายใหม่ แก้ไขกฎหมายเก่าที่ล้าสมัยยังเป็นหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่

4.มีบทบัญญัติหรือข้อห้ามใดบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่าห้ามเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 และในอดีตก็เคยมีการแก้ไขมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง

5.กกต.เป็นผู้อนุญาตให้ใช้นโยบายแก้ไขมาตรา 112 เป็น 1 ใน 300 นโยบายหาเสียงของพรรคก้าวไกล แสดงว่ากกต.ก็สุมหัวร่วมทำความผิดนี้ด้วยหรือไม่

ทำไมไม่เรียกกกต.ไปรับทราบข้อกล่าวหาพร้อม ๆ กัน

 “ปปช.มีมโนธรรมสำนึกในหัวใจบ้างหรือไม่ หรือก็พอจะมีแต่ไม่มีความกล้าหาญพอจะยืนยันรักษาหลักการที่ถูกต้องให้กับสังคมนี้ได้” เจี๊ยบ ระบุ

สำหรับคดีนี้ สืบเนื่องจาก กรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ว่า การกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรคก้าวไกล โดย ส.ส.จำนวน 44 คน ที่เสนอร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา(ฉบับที่..) พ.ศ... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง

นำไปสู่คำสั่ง “ยุบพรรคก้าวไกล” พร้อมสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค 11 คน เป็นเวลา 10 ปี

ต่อมา “ดาบสอง” มีผู้นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เป็น “สารตั้งต้น” ยื่นคำร้องต่อ “ป.ป.ช.” เพื่อสอบเอาผิด “จริยธรรมร้ายแรง” กับ นายพิธา และ ส.ส.พรรคก้าวไกล รวม 44 คน ที่ยื่นร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว

และย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2561 ได้เริ่มมีการประกาศใช้ มาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ซึ่งกำหนดให้บังคับใช้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วย

เหตุนี้ คดี 44 ส.ส.ก้าวไกล หากป.ป.ช.สรุปสำนวนแล้ว มีมติให้ส่งฟ้องเอาผิด ต้องส่งฟ้องไปที่ศาลฎีกา

และหากศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า มีพฤติการณ์ หรือกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต และ เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ

 หรือที่พูดกันว่า โทษหนักเหมือนถูก “ประหารชีวิต” ทางการเมืองเลยทีเดียว

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการ ป.ป.ช. เปิดเผย(5 ก.พ.68)ว่า ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวน ซึ่งจะเป็นหน้าที่คณะกรรมการไต่สวนดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ตามขั้นตอน เมื่อคณะกรรมการไต่สวน รวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นแล้ว จะพิจารณาว่ามีข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่

 หากมีหลักฐานเพียงพอ ก็จะแจ้งข้อกล่าวหา แต่หากไต่สวนแล้วพบว่า การกระทำไม่มีความผิด ก็จะสรุปสำนวนว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ก่อนเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา

“การแจ้งข้อกล่าวหาจะใช้เวลาอีกไม่นาน เพราะการไต่สวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้รับรายงาน ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานค่อนข้างที่จะครบถ้วนแล้ว แต่เมื่อสรุปสำนวนเสนอคณะกรรมการไต่สวน ก็เป็นดุลพินิจของคณะกรรมการไต่สวน ว่าหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาไปทางใดทางหนึ่งแล้วหรือไม่ แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ใช้เวลาอีกไม่นาน”

ถามว่าภายในปีนี้จะได้เห็นการชี้มูลความผิด 44 ส.ส. ที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ นายสาโรจน์ ตอบว่า ตามความเห็นของตน หากไต่สวนครบถ้วน และมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็สามารถที่จะพิจารณาได้ ภายใน 1-2 เดือนนี้

แต่การพิจารณานั้น ไม่ได้หมายความว่า จะไปถึงขั้นตอนชี้มูล เพราะตามขั้นตอน จะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาก่อน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาได้ชี้แจง ซึ่งหากชี้แจงแล้ว ก็จะสรุปสำนวน และพิจารณาว่า คำชี้แจงฟังขึ้นหรือไม่ เพื่อพิจารณาว่าข้อกล่าวหามีมูล หรือไม่มีมูล

ทั้งนี้ตามกรอบระยะเวลาภาพใหญ่ คาดว่าอาจจะชัดเจนภายในปีนี้ หากไม่มีข้อเท็จจริงที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติมมาก

สำหรับ 44 ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่โดนพิษเข้าชื่อเสนอแก้ ป.อาญา ม.112 “ดาบสอง” เล่นงาน ผิดจริยธรรมร้ายแรง ประกอบด้วย

1. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล(ขณะนั้น) 2. นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4. น.ส.ญาณธิชา บัวเผื่อน ส.ส.จันทบุรี 5. น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6. นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 7. น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 8. พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 9. นายนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 10. นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. 11. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. 12. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 13. นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก 14. นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 15. นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

16. นายปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 17. นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ 18. นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.กทม. 19. น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 20. น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา ส.ส.นครปฐม 21. นายวรภพ วิริยะโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 22. นายคำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 23. นายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ ส.ส.กทม. 24. นายทองแดง เบ็ญจะปัก ส.ส.สมุทรสาคร 25. นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา 26. นายจรัส คุ้มไข่น้ำ ส.ส.ชลบุรี 27. นายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 28. นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 29. นายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 30. นายองค์การ ชัยบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ

31. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 32. นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 33. นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด 34. นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 35. นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 36. น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 37. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 38. นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 39. นายทวีศักดิ์ ทักษิณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 40. นายสมชาย ฝั่งชลจิตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 41. นายสมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 42. นายวุฒินันท์ บุญชู ส.ส.สมุทรปราการ 43. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ 44. นายสุรวาท ทองบุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ  

แน่นอน, บางคนเป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี คดียุบพรรคก้าวไกลไปแล้ว อาจถูกตัดสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตอีกหรือไม่ บางคน เป็นอดีตส.ส.ก้าวไกลที่ย้ายมาอยู่พรรคประชาชนในปัจจุบัน และบางคนไม่ได้เป็นส.ส.แล้ว ก็มี

 ทั้งหมดอาจต้องลุ้นว่า คณะกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ ของ ป.ป.ช. จะมีดุลพินิจอย่างไร ผิด “เหมาเข่ง” หรือพิจารณาพฤติกรรมเป็นรายบุคคล อย่างที่ กรรมการ ป.ป.ช.บางคนเคยออกมาแสดงความคิดเห็น ว่าโทษ “หนัก-เบา” ของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร พรรคประชาชน จะมีผลกระทบอย่างสูง เพราะถ้าดูจากรายชื่อแล้ว เห็นชัดว่า ส.ส.ที่อาจถูกชี้มูลความผิด ส่วนใหญ่เป็น “ส.ส.แม่เหล็ก” ของพรรค และเป็น “ดาวเด่น” เหลือน้อยในสภาฯด้วย

 ยิ่งไปกว่านั้น หากส.ส.พรรคประชาชน ถูกชี้มูลความผิดหลายคน ฝ่ายรัฐบาล ก็อาจกำหนดเกมของตัวเองง่ายขึ้น รวมถึง อำนาจต่อรองของพรรคแกนนำรัฐบาล ที่อาจไม่ต้องการเสียงสนับสนุนในสภาฯจำนวนมากเหมือนเดิม ในการปรับครม.ครั้งต่อไปหรือไม่

เหนืออื่นใด การสร้าง “ดาวเด่น” ทดแทนในการเลือกตั้งครั้งหน้า(ปี2570) จะทันหรือไม่ นั่นอาจกระทบเป้าหมายชนะเลือกตั้ง “แลนด์สไลด์” เพื่อเป็น “รัฐบาลพรรคเดียว” อย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่นับคู่ต่อสู้อย่างพรรคเพื่อไทย ที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” เป็นตัวช่วยปลุกกระแสนิยม กำลังมาแรง เป็น “งานหนัก” ที่รออยู่ รวมถึง “ผู้นำพรรค” คนปัจจุบัน ก็ยังไม่ “โดดเด่น” ในสายตาประชาชนเท่าที่ควร จึงยิ่งซ้ำหนักเข้าไปใหญ่

 นี่คือสิ่งที่พรรคประชาชนไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่มันอยู่ที่ “ป.ป.ช.” ชี้มูลความผิดหรือไม่ ก่อนที่จะไปถึงคำพิพากษาของศาลฎีกา อย่างไร เท่านั้นเอง