โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน 'ประยุทธ์' ไร้เอกภาพ

โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน 'ประยุทธ์' ไร้เอกภาพ

เบื้องลึกเวทีโคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน “ประยุทธ์” ไม่มีเอกภาพ “แรมโบ้” โชว์เดี่ยว หิมาลัยถอย วิทยานั่งบนภู แถมถูกเปรียบเทียบกับเวทีชุมพร

งานจบแต่เสียงวิจารณ์ยังดังขรม สภากาแฟโคราชยังเมาท์มอยเรื่องแรมโบ้อีสาน-เสกสกล อัตถาวงศ์ มือออแกไนซ์เฉพาะกิจ จัดเวทีปราศรัยใหญ่ เตรียมเก้าอี้ 30,000 ตัว แต่คนมานั่งเก้าอี้ไม่ถึง 40%

โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน \'ประยุทธ์\' ไร้เอกภาพ

โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน \'ประยุทธ์\' ไร้เอกภาพ

(ภาพเวทีรวมไทยสร้างชาติ นครราชสีมา : วัชร์ชัยนันท์  สมสิทธิ์)

เย็นวันที่ 25 ก.พ.2566 ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นปราศรัยในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเวทีที่ 3 โดยมีแกนนำพรรคไปปรากฏตัวพร้อมหน้า รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสานจำนวนหนึ่ง

ที่สำคัญ ขุนพล 2 ฮ.คือ เฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น และแฮงก์-อนุชา นาคาศัย ขึ้นเวทีพร้อมกันเป็นครั้งแรก ซึ่งเสี่ยแฮงก์ได้นำโครงการวัวล้านตัว มาหาเสียงอีกด้วย

โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน \'ประยุทธ์\' ไร้เอกภาพ

กล่าวสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ บนเวทีปราศรัยกลางแจ้งที่โคราช แตกต่างจากเวทีชุมพร มีความเป็นนักการเมืองมากขึ้น คงสรุปบทเรียนจากเวทีชุมพร

ประเด็นนโยบายพรรค รทสช.ที่ทุกสำนักข่าวนำมาพาดหัว ก็หนีไม่พ้นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรลุงตู่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะเพิ่มเป็น 1,000 บาท 

ก่อนมาเยือนนครราชสีมา ทีมงาน พล.อ.ประยุทธ์ จึงปั่นกระแสลูกอีสานหลานย่าโม หวังเรียกระดมคนให้มาฟังการปราศรัยใหญ่ ซึ่งบนเวทีวันนั้น ลุงตู่ก็แนะนำตัวทันที 

“โคราชเป็นบ้านเกิดของผม ยืนยันผมเกิดที่นี่แน่นอน ใครจะบอกผมเกิดที่ไหนไม่ทราบ แต่ผมเกิดในค่ายสุรนารี และคุณแม่เป็นคนชัยภูมิ ฉะนั้น เลือดอีสานเต็มตัว ซึ่งเลือดอยู่ในกายของผมตลอดเวลา”

โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน \'ประยุทธ์\' ไร้เอกภาพ

มิเพียงแต่ห้อยเหรียญย่าโม พล.อ.ประยุทธ์ ยังพูดถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นขวัญใจชาวนครราชสีมาคือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 

“...นึกถึงพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี และนึกว่าจะต้องทำอะไรต่อ เพราะท่านก็เมตตาผมเยอะที่ผ่านมา สอนสั่งอบรมผมมาโดยตลอด ผมจะต้องทำ ผมขอท่านแล้วแม้จะสิ้นไปแล้ว ผมก็ขอท่าน ทำให้สำเร็จ”

โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน \'ประยุทธ์\' ไร้เอกภาพ

จะว่าไปแล้ว เนื้อหาการปราศรัยของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ดูหนักแน่น มีลูกเล่นลูกฮามากขึ้น ตรงกันข้ามกับหน้าเวทีที่ผู้คนมาฟังลุงตู่ กลับไม่เต็มพื้นที่ จึงกลายเป็นพาดหัวข่าวบางสำนักว่า เก้าอี้โหรงเหรง  


แรมโบ้โชว์เดี่ยว

บ่ายวันที่ 26 ก.พ.2566 เสกสกล อัตถาวงศ์ โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวว่า “เสร็จภารกิจสำคัญที่โคราช ถ้าเหนื่อยมาก เครียดมาก ก็หาเวลาส่วนตัวซื้อไอติมกินให้สดชื่น แต่งตัวชิลๆ สบายๆ อย่าเครียดจนเส้นเลือดสมองแตกนะโว้ย..นายแรมโบ้ ดูแลชีวิตห่วงใยตัวเองบ้างนะ” พร้อมภาพตัวเขากำลังกินไอศครีม

เอฟซีแรมโบ้หลายคน ไม่ค่อยได้เห็นอดีตแกนนำ นปช.สายบู๊ โพสต์เรื่องส่วนตัวบ่อยนัก สะท้อนว่า ขุนพลโคราชคนนี้คงเจอเรื่องหนักๆ หลังจบงานปราศรัยใหญ่มาพอสมควร

เนื่องจากก่อนหน้านั้น เสกสกล อัตถาวงศ์ ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ออกมาให้ข่าวว่า จะมีผู้มาร่วมฟังการปราศรัยไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นคน

ดังนั้น แรมโบ้อีสานจึงมาคุมการติดตั้งเวทีด้วยตัวเอง และจัดเตรียมเก้าอี้ไว้ กว่า 3 หมื่นตัว พร้อมนำเก้าอี้สีน้ำเงิน สีแดง สีขาว มาสลับแถวเป็นสีธงชาติ แต่พอถึงวันปราศรัยใหญ่จริงๆ ประชาชนกลับมาเข้าร่วมไม่ครึ่งหนึ่งของเก้าอี้ที่เตรียมไว้

โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน \'ประยุทธ์\' ไร้เอกภาพ

มิหนำซ้ำ มีทีมโดรนของคนโคราช บินถ่ายภาพมุมสูง และเผยแพร่ภาพที่มีคนหนาแน่นหน้าเวที ส่วนด้านหลังมีแต่เก้าอี้ว่างเปล่า ทำให้โซเชียลนำเอาแชร์กันต่อในทางลบ

เท่าที่มีการสังเกตการณ์ของนักข่าวท้องถิ่น พบว่าผู้มาฟังการปราศรัยของลุงตู่แยกเป็น 3 ส่วนคือ กลุ่มเอฟซีลุงตู่ ที่เดินทางไกลมาจากกรุงเทพฯ และอยุธยา, กลุ่มเกษตรกรอีสานเครือข่ายแรมโบ้ และมวลชนจาก อ.ปักธงชัย ของกำนันประนอม โพธิ์คำ 


ขุนพลอีสานคนใต้

ช่วงกลางเดือน ก.พ.2566 มีรายงานจากพรรครวมไทยสร้างชาติ อ้างถึงคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ ได้แบ่งหน้าที่ผู้รับผิดชอบแต่ละภาค ซึ่งภาคอีสาน ประกอบด้วย วิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค ,เสกสกล อัตถาวงศ์ ,ชัชวาลล์ คงอุดม รวมถึงอนุชา นาคาศัย ที่จะเข้ามาช่วยดูภาคอีสานด้วย 

โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน \'ประยุทธ์\' ไร้เอกภาพ

พลันที่ปรากฏชื่อ วิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นแม่ทัพอีสาน ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย

ว่ากันว่า ช่วงก่อร่างสร้างพรรครวมไทยสร้างชาติ จำเป็นต้องเร่งจัดตั้งสาขาพรรคให้ครบตามกฎหมายเลือกตั้ง พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคจึงมอบให้ วิทยา แก้วภราดัย ไปดำเนินการประสานกับนักการเมืองท้องถิ่น

วิทยาจึงไปคว้าตัวอดีตแกนนำ นปช.อีสาน ในเมืองอุดรฯ รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่น หรือนักการเมืองแถวสองของพรรคเพื่อไทย มาจัดทีมผู้สมัคร ส.ส.

กระทั่ง เสกสกล อัตถาวงศ์ เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค รทสช. จึงมีการเปิดดีลกับกลุ่มนายก อบจ.บางแห่ง และอดีต ส.ส.หลายสมัย ดึงเข้ามาลงสมัคร ส.ส.


เสธ.หิ-หายไปไหน

เฉพาะสนามนครราชสีมา ที่มี ส.ส. 16 คน พรรค รทสช.ก็ตั้งเป้าเจาะพื้นที่เมืองย่าโมเช่นกัน ตอนแรก หิมาลัย ผิวพรรณ ได้ตั้งกองบัญชาการอยู่ที่บ้านพัก ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เพื่อจัดทีมผู้สมัคร ส.ส.นครราชสี

โคราชโหรงเหรง ขุนพลอีสาน \'ประยุทธ์\' ไร้เอกภาพ

ต้นเดือน ก.พ.2566 เสธ.หิ ได้ จำลอง ครุฑขุนทด อดีต ส.ส.นครราชสีมา เป็นที่ปรึกษา มีการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.ไว้บางส่วนคือ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา (เขต อ.ปากช่อง) ,ประนอม โพธิ์คำ อดีต ส.ส.นครราชสีมา (เขต อ.วังน้ำเขียว) ,พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปราณี (เขต อ.สีคิ้ว) และ อาจารย์น้อย-ไกรฤกษ์ เสียนขุนทด (อ.ด่านขุนทด)

ภายหลัง แรมโบ้อีสาน-เสกสกล ได้รับการมอบหมายให้เป็นขุนพลอีสานอีกคนหนึ่งคู่กับวิทยา ด้าน เสธ.หิ-หิมาลัย จึงถอยทัพออกไปดูแลภาคเหนือเต็มตัว

นี่คือภาพรวมของพรรค รทสช.สายอีสาน ที่มีขุนพลหลายคน ทั้งหน้าม่านและหลังม่าน จึงทำให้เกิดความสับสน และนำมาซึ่งภาพโคราชโหรงเหรง ในวันปราศรัยใหญ่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

(ภาพมุมสูง :  วัชร์ชัยนันท์ สมสิทธิ์)