“อุ๊งอิ๊ง” เจอด่านตรวจสอบ มรสุม “ทุนจีนสีเทา” ถล่ม!

“อุ๊งอิ๊ง” เจอด่านตรวจสอบ  มรสุม “ทุนจีนสีเทา” ถล่ม!

แพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” เจอด่านตรวจสอบ  มรสุม “ทุนจีนสีเทา” ถล่ม!

“1.การซื้อบ้านอยู่อาศัยของทุนจีนสีเทา..เป็นการซื้อจากเจ้าของบ้านคนไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่รับโอนไปจากเจ้าของโครงการแล้ว 2.การซื้อแบบเดียวกัน เป็นการกว้านซื้อจากหลายๆโครงการ มิใช่ซื้อจากเครือชินวัตร เจ้าเดียว 3.เอาข้อมูลด้านเดียวมาพูดโจมตี ถือว่าเจตนาแฝงเร้น ไม่สุจริต.คิดก่อนทำครับ”

 

“เดอะอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว  @phumtham เมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา

 

หลังกระแส “ทุนจีนสีเทา” ซื้อบ้านหรูของหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิทที่เจ้าของโครงการ คือ SC Asset และรายชื่อผู้ถือหุ้น SC Asset อันดับ 1 คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย บุตรสาวคนเล็กของทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังเตรียมเปิดตัวในฐานะ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ของพรรคเพื่อไทย ถาโถมอย่างหนัก

เห็นได้ชัดว่า การออกมาแก้ต่างของ “ภูมิธรรม” สะท้อนถึงผลกระทบอย่างสูง ที่สื่อหลายสำนัก โดยเฉพาะในฝ่ายตรงข้าม “ทักษิณ” นำมาขยายผลทางการเมือง

 

แต่ถึงกระนั้น ก็ดูเหมือน ยังไม่เคลียร์เสียทีเดียว เพราะอย่างน้อยยังมีผู้ตั้งคำถามในสังคมออนไลน์ว่า “โจทย์คณิตศาสตร์ ซื้อบ้านหรู 50 ล้าน 1 หลัง ใช้นอมินีคนไทยซื้อก่อนแล้วจึงซื้อต่ออีกทอด ซื้อบ้าน 50 ล้าน 50 หลัง ต้องใช้นอมินีกี่ทอด?”

 

ความจริง ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีการเชื่อมโยงของสื่อหลายสำนักเช่นกันว่า การได้ “รับอนุมัติสัญชาติไทย” ของ นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” นักธุรกิจจีนที่โอนสัญชาติมาเป็นไทย ตามหมายจับคดีจำหน่ายยาเสพติด ทั้งยังเชื่อมโยงผับลับชาวจีน“จินหลิง” เกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือ รัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก่อนที่รมว.มหาดไทย ยุครัฐบาล “คสช.” จะเซ็นรับรอง และ ลงในราชกิจจานุเบกษา เท่านั้น

ยิ่งกว่านั้น จากการแถลงข่าว ขยายผลกวาดล้าง  “ทุนจีนสีเทา” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยด้วยว่า “นายตู้ห่าว สื่อมวลชนทราบดีอยู่ว่าได้แต่งงานกับหลานสาว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ช่วงปี 2541-2543 และอดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งหลายสื่อระบุว่า ภรรยาของนายตู้ห่าว มียศ เป็น พ.ต.อ. หญิง” ก็ยิ่ง เข้าทางฝ่ายตรงข้าม“ทักษิณ” ในทางการเมือง

 

สำหรับ “ตู้ห่าว” ปัจจุบันเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับฐานความผิดร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภท 2 อันเป็นการมีไว้เพื่อการค้า อันเป็นการกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชน และสมคบกันกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและสนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด

 

โดยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการกวาดล้างธุรกิจสีเทาชาวจีนว่า นายตู้ห่าว มีความเชื่อมโยงกับผับจินหลิง มีชื่อเป็นผู้เช่าผับ พบการเข้าออกผับจินหลิงเป็นประจำ รวมทั้งวันที่เปิดปฏิบัติการจับกุมเมื่อ 26 ตุลาคม 2565

 

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังเชื่อมั่นในการเอาผิดคดียาเสพติดกับนายตู้ห่าวได้เพราะคนในผับดังกล่าว รู้ว่านายตู้ห่าวเป็นผู้สั่งการ

 

“การสืบสวน เรามีความเชื่อมโยงได้ว่า ตู้ห่าว อยู่ในสถานที่นั้นในวันเกิดเหตุ และตู้ห่าวเป็นเจ้าของสถานที่นั้นโดยเป็นคนเช่า แล้วอยู่ในสถานที่นั้นเป็นประจำ อันนี้เป็นข้อมูลในการสืบสวนที่ทำให้เราเชื่อมโยงได้ว่า ทั้งยาเสพติด และคนที่อยู่ในสถานบริการนั้นรู้ว่าตู้ห่าวมีการเข้าออกอยู่ตลอด และมีการสั่งการอยู่ตลอด” พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าว

 

รวมถึงจากการสืบสวนสอบสวนขยายผลของตำรวจพบว่า “ตู้ห่าว” เป็น 1 ในกลุ่มนายทุนจีนสีเทา 5 กลุ่ม ที่เข้ามาประกอบธุรกิจสถานบันเทิงในไทย ผ่านนอมินี ประกอบไปด้วย

 

กลุ่มนายตู้ห่าว  หรือ นายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ เจ้าของผับจินหลิง กลุ่มนายเดวิดหรือ นายสุ่ย ไท่ เหว่ย ผู้บริหารร้านเบบี้เฟซ กลุ่มนายหยู่ฉางเฟ่ย เจ้าของร้านคลับวันพัทยา กลุ่มนายโทนี่ เจ้าของ Space Plus Bangkok กลุ่มนายหมิง เจ้าของ ร้านท็อปวันพื้นที่ สน.สุทธิสาร

 

โดยเฉพาะ “กลุ่มนายตู้ห่าว” ตำรวจมีข้อมูลหลักฐานว่า นายตู้ห่าว เป็นเจ้าของผับจินหลิง ถนนเจริญราษฎร์ แขวงยานนาวา เขตสาทร กทม. จากการเข้าตรวจค้น เมื่อวันที่26 ตุลาคม 2565 พบสารเสพติดในปัสสาวะของนักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมาก และพบยาเสพติดอยู่ภายในร้านจำนวนมาก

 

สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายหวง ไห่ เถา หรืออาหวง พร้อมของกลางเฮโรอีน ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์จำนวนหนึ่ง ซึ่งมีไว้จำหน่ายให้กับลูกค้าที่มาเที่ยวที่ร้านและยังตรวจค้นจุดต้องสงสัยอีกกว่า 38 จุด ตรวจยึดรถหรู 5 คัน และเงินอีก 19 ล้านบาท  และขยายผลจับกุม ผู้ต้องหาเกี่ยวกับ ยาเสพติดเพิ่มเติม รวมทั้งหมด 4 ราย ได้แก่

 

1. นายหวง ไห่ เถา หรือ อาหวงสัญชาติจีน

2. นายเจียง ไต่ หลิน หรือเสี่ยหลิน สัญชาติจีน

3. นายเหมา ยะ ฉวง หรืออาฉวง สัญชาติจีน

4. นายหวัง เจี้ยน หัว หรืออาหัว สัญชาติจีน

 

และขออนุมัติออกหมายจับ นายหยาง เฉิน หรือ อาหยาง สัญชาติจีน เพิ่มเติม

 

นายตู้ห่าว เดินทางมาทำงานที่ประเทศไทยเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เริ่มทำธุรกิจในไทยโดยก่อตั้ง “กั่วลี่กรุ๊ป” ต่อมา ได้รับสัญชาติไทย เมื่อสมรสกับหญิงชาวไทย ภรรยาของนายตู้ห่าว มียศเป็นพ.ต.อ. สังกัดกองการต่างประเทศ ซึ่งมีศักดิ์เป็นหลานอดีตผบ.ตร. และอดีตรองนายกรัฐมนตรีสอบสวนเบื้องต้นไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงในการกระทำความผิด แต่มีข้อสังเกตว่า ภรรยาครอบครองบ้านหรู 200 ล้านบาท ซึ่งจะมีการสืบสวนขยายผลถึงเส้นทางการเงินต่อไป

 

อย่างไรก็ตาม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตเจ้าของสถานบันเทิง ได้นำเอกสารสำคัญเพิ่มเติมมามอบให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นข้อมูลเกี่ยวกับนอมินีของนายตู้ห่าว ซึ่งเป็นภรรยาอีกคนหนึ่ง ชื่อพัชรรินทร์ มีอาชีพขายเครื่องครัวย่านพระราม 4 แต่มีทรัพย์สินมากมายหลายพันล้านบาท ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินก่อนจะมีการโยกย้ายถ่ายเทไปที่อื่นเนื่องจากภรรยาคนนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองบางคน  

 

อีกด้านหนึ่ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล ได้สนธิกำลังตำรวจ บช.สอท. รวมถึงตำรวจคอมมานโด ตำรวจท่องเที่ยวและตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าปิดล้อมตรวจค้นหมู่บ้านหรู ย่านซอยลาซาล หลังสืบพบว่า กลุ่มทุนจีนใช้หมู่บ้านดังกล่าวเป็นที่พักอาศัย (29 พ.ย.65)

 

โดย นำหมายศาลเข้าตรวจค้น หมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ซอยแบริ่ง-ลาซาล อ.เมือง สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการบ้านหรู ราคาหลังละกว่า 50 ล้านบาท ทั้งหมู่บ้านมีบ้านทั้งหมด 66 หลัง เฉลี่ยราคาหลังละ 35-60 ล้านบาท

 

ตำรวจพบว่า คนจีนใช้เงินสดซื้อบ้านหรูถึง 50 หลัง ที่เหลือ 16 หลัง มีเจ้าของเป็นคนไทย แต่ก็ทยอยขายบ้านที่อยู่ติดกับชาวจีนเหล่านี้ เพราะทนพฤติกรรมของเจ้าของบ้านชาวจีนที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2563 ไม่ไหว

 

ตำรวจ อ้างเจ้าของบ้านชาวไทยเล่าว่า กลุ่มคนจีนซึ่งพบว่ามีความเชื่อมโยงกับผับ “จินหลิง” ชอบเข้ามามั่วสุมเล่นไพ่ จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ส่งเสียงดังในเวลากลางคืน

 

แต่หลังนายตู้ห่าว หรือ ชัยนัฐร์ เข้ามอบตัวกับตำรวจเมื่อไม่นานมานี้ กลับพบว่าเจ้าของบ้านชาวจีนมีพฤติกรรมผิดปกติ อาทิ ขนย้ายทรัพย์สินภายในบ้านออกไป และนำรถหรูไปซุกซ่อน

 

ส่วนปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการขยายผลจากยุทธการ “ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน” ที่ได้ตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยเป็นที่พักอาศัยและเป็นแหล่งมั่วสุมกระทำความผิดของกลุ่มทุนจีนเสีเทา และขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน กทม. 3 จุด เมื่อต้นเดือน พ.ย. โดยจากการตรวจสอบ ตำรวจพบว่า กลุ่มทุนจีนกว้านซื้อบ้านหรูในนามของบริษัท หรือผ่านนอมินีซึ่งต่อจากนี้ จะตรวจสอบว่ามีการเปิดบริษัทถูกต้องหรือไม่

 

ที่น่าสนใจ เกี่ยวกับบ้านหรูดังกล่าว ข้อมูลจากเว็บไซต์ เอสซี แอสเซ็ท ผู้พัฒนาโครงการ ระบุ โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท เป็น “อัครสถานหรู สไตล์English Craftsman บรรจงสร้างอย่างปราณีต ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความเป็นส่วนตัว เอกสิทธิ์เพียง 65 ครอบครัว เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมฟังก์ชั่นอันสมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด Grand Double Volume Dining Room ห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ หรูหราโอ่อ่าด้วยเพดานสูงโปร่ง พร้อมนวัตกรรมใหม่ Eldercare Solution by SC ASSET ที่ออกแบบรองรับการพักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ” โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 40-60 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ นอกจากหมู่บ้านหรูในย่านซอยลาซาล ตำรวจยังได้กระจายกำลังตรวจค้นที่พักอาศัยต้องสงสัยของทุนจีนในอีก 4 จุดใหญ่ๆ โดยหนึ่งในนั้น คือ ห้องชุดหรูชั้น 69 ของคอนโดมีเนียม “แมกโนเลีย เรสซิเดนซ์” ย่านเจริญนคร ติดกับห้างสรรพสินค้าไอคอนสยาม ซึ่งตรวจสอบพบว่า มีราคากว่า 100 ล้านบาท

 

คอนโดหรูชั้น 69 แห่งนี้ ถูกซื้อด้วยเงินสด โดยบริษัทนอมินี ที่มีชาวจีนเป็นหุ้นส่วน49% และคนไทยอีก 2 คน ร่วมถือหุ้นรวมกันอีก 51% โดยบริษัทนี้ มีทุนจดทะเบียน100 ล้านบาท หรือเท่ากับเงินที่ใช้ซื้อคอนโดหรูแห่งนี้

 

สรุปจุดตรวจค้นทั้งหมด มีดังนี้

 

บ้านหรู 4 หลัง ในหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ซอยแบริ่ง-ลาซาล

 

บ้านหรู 2 หลัง ในหมู่บ้านทูแกรนด์ โมนาโก ซอยกาญจนาภิเษก 50 แขวงดอกไม้

 

บ้านหรู 1 หลัง หมู่บ้านบุราสิริ วัชรพล ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม

 

บ้านหรู 3 หลัง ในหมู่บ้านลดาวัลย์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า

 

ห้องชุดหรู ชั้น 69 ของคอนโดมีเนียมแมกโนเลีย เรสซิเดนซ์ ย่านเจริญนคร

 

ก่อนหน้านี้ ตำรวจได้ยึดบ้านหรูราคากว่า 200 ล้านบาท ซึ่งพบว่าเป็นของภรรยานายตู้ห่าว ในย่านพระราม 5 ไว้แล้ว...

 

สำหรับ หมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด มี บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ SC เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและมีตระกูล “ชินวัตร” และ "ดามาพงศ์" ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนมากกว่า 64.26% ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วทั้งหมดจำนวน 4,220,770,565 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

 

บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ( SC) ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรประกอบด้วย

 

1.ธุรกิจเพื่อขาย เช่น บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และอาคารชุดพักอาศัย

 

2.ธุรกิจเพื่อให้เช่า

 

3.ธุรกิจที่ปรึกษาและบริหารงานด้านการบริหาร เทคนิควิศวกรรม และระบบงานสนับสนุน

 

มูลค่าตามราคาตลาดรวม (มาร์เกตแคป) 17,389.57 ล้านบาท (30 พ.ย.65 ราคาปิดที่4.12 บาท/หุ้น)

 

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ (ลูกเขย นายทักษิณ ชินวัตร สามีของ น.ส.พินทองทา ชินวัตรคุณากรวงศ์) ดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

 

สำหรับ ผู้ถือใหญ่ 10 อันดับแรก ประกอบด้วย

1.น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้น 1,216,149,870 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.82%

2.น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ถือหุ้น 1,176,915,495 หุ้น สัดส่วน 27.89%

3.นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ถือหุ้น 201,234,375 หุ้น สัดส่วน 4.77%

4.คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ถือหุ้น 117,109,887 หุ้น สัดส่วน 2.78%

5.กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาวถือหุ้น 116,104,512 หุ้น สัดส่วน 2.75%

6.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัดถือหุ้น 104,904,347 หุ้น สัดส่วน 2.49%

7.นายโสภณ มิตรพันธ์พานิชย์ถือหุ้น 56,395,016 หุ้น สัดส่วน 1.34%

8.นายวิทวัส พรกุลถือหุ้น 52,000,000 หุ้น สัดส่วน 1.23%

9.กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว75/25 ถือหุ้น 39,524,675 หุ้น สัดส่วน 0.94%

10.นางสมทรง ลาภานันต์รัตน์ถือหุ้น 39,085,800 หุ้น สัดส่วน 0.93%

 

ด้านฐานะและผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยปี 2562 มีสินทรัพย์รวม45,082.71 ล้านบาท หนี้สินรวม 27,526.15 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 17,565.36 ล้านบาท รายได้รวม 17,674.42 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,026.42 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.48 บาท

 

ปี 2563 สินทรัพย์รวม 44,318.84 ล้านบาท หนี้สินรวม 25,676.15 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 18,661.84 ล้านบาท รายได้รวม 19,037.32 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,897.94 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.45 บาท

 

ปี 2564 สินทรัพย์รวม 49,754.44 ล้านบาท หนี้สินรวม 29,700.77 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 20,084.12 ล้านบาท รายได้รวม 19,515.58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 2,062.13 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.49 บาท

 

ล่าสุดผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน สิ้นสุด ณ 30 ก.ย.2564 สินทรัพย์รวม 53,504.14 ล้านบาท หนี้สินรวม 32,825.39 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 20,718.32 ล้านบาท รายได้รวม 14,329.17 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,620.98 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.38 บาท

อ้างอิง https://sondhitalk.com/detail/9650000114922

 

ประเด็นอยู่ที่ว่า ในทางการเมือง ถือว่า มีผลกระทบต่อการรณรงค์หาเสียงของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย อย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่า ความเชื่อมโยง อาจไม่มีการทำความผิดตามกฎหมายแต่อย่างใดก็ตาม?

 

ยิ่งกว่านั้น อย่าลืมว่า การขยายผลจับกุม “กลุ่มทุนจีนสีเทา” ยังไม่จบ และการเชื่อมโยงทางการเมืองก็ยังไม่รู้ว่าจะมี “จิ๊กซอว์” ทีเด็ดอะไรออกมาอีกหรือไม่

 

แต่เอาแค่ “ตู้ห่าว” ได้รับอนุมัติสัญชาติไทย ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล และบังเอิญกลุ่มทุนจีนสีเทา ยังมาซื้อบ้านหรู ในโครงการ ที่มี “อุ๊งอิ๊ง” และคนตระกูลชินวัตร เป็นเจ้าของ ในทางการเมือง ก็ถูกถล่มเละเทะแล้ว

 

ถ้ามากกว่านี้ และกระแสยาวไปถึงช่วงเลือกตั้ง ความฝันที่จะชนะแบบ “แลนด์สไลด์” ก็ไม่แน่เหมือนกัน?

 

เหนืออื่นใด ในฐานะนักการเมือง คนของประชาชน การถูกตรวจสอบถือเป็นเรื่องธรรมดา และถ้าฝ่าด่านนี้ไปได้ ก็ไม่ต้องกลัวอะไรแล้ว หรือไม่จริง!?