ไทยอาจต้องบรรลัยด้วย ไทยเทา

ณ วันนี้ วันที่เศรษฐกิจสีเทาของไทยเรากำลังถูกแซะ ถูกเจาะ แล้วก็ถูกแฉออกมาอย่างมากมาย อันเนื่องมาจากพฤติกรรมการดำเนินธุรกิจสีแดงและสีเทา ของประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเมียนมาและกัมพูชา
นับตั้งแต่การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ หวยออนไลน์ บ่อน คอลเซ็นเตอร์ และสแกมเมอร์ซึ่งมาเกี่ยวโยงอย่างมากกับธุรกิจและการเมืองไทย ส่งผลกระทบทำให้เกิดการฟอกเงินและการลงทุนที่บิดเบี้ยวในประเทศไทยเป็นเงินจำนวนมากในแต่ละปี
สิ่งที่เห็นชัดในบ้านเมืองเราตอนนี้ คือ ความเป็นสีเทาของทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง และการบริหารราชการ ได้เห็นชัดกันแล้วใช่ไหมว่าประเทศเรามีสีเทาเข้ามาเกาะแน่นทุกด้านเหมือนสนิมที่เกาะเข้าไปในเนื้อเหล็ก ยากที่จะขจัดให้ออกไปได้ง่าย และยากที่จะหารัฐบาลไหนมาแก้ไขได้
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวและดูงานที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย หลังจากไม่ได้ไปนานถึงร่วมสิบปี เพื่อดูว่าเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียเขาโตไปแค่ไหนแล้ว ประชาชนเขามีความทุกข์เหมือนคนไทยไหม และมีข่าวธุรกิจสีเทามากเหมือนเราไหม
เมื่อได้ดูก็ต้องเชื่อสายตาตนเองที่ได้เห็นมาว่าเขาได้ก้าวไกลและเจริญรุดหน้าอย่างน่ายกย่องด้วยความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนจริงๆ ไม่ใช่แบบไทยที่ผู้นำสมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้วพูดได้แต่ปาก ทำให้ประเทศไทยเราถดถอย
อาจกล่าวได้ว่าแต่ละปีที่มาเลเซียเดินหน้าหนึ่งก้าว แต่ไทยถอยหลังหนึ่งก้าว 10 ปี เราห่างจากเขา 20 ก้าวแล้วครับ
ผมได้เห็นตั้งแต่ขึ้นเครื่องบินของสายมาเลเซียนแอร์ไลน์ด้วยเครื่องโบอิ้งขนาดกลาง สายการบินของเขาดีกว่า TG ของไทยทุกเรื่อง ไม่ต้องบรรยายให้เสียเวลา หวังว่าผู้บริหารของ TG คงจะเห็นกันบ้าง
ตอนนี้ TG ในประเทศยังไม่อาจไปเทียบกับสายการบินเอกชน เช่น Bangkok Airways และ VietJet ได้เลย เลวกว่านั้นค่าโดยสารไปทุกจุดหมายในประเทศ ยังแพงกว่าเอกชนทุกสาย ช่างไม่คิดถึงคนไทยเจ้าของหุ้นใหญ่เลย
เมื่อเครื่องนำมาถึงสนามบินนานาชาติ KL พอเข้าเหยียบแผ่นดินเท่านั้น มันดูโอ่อ่ามาก ผมได้บอกให้เพื่อนๆ ที่ไปด้วยกันว่า ถ้าจะดูความยิ่งใหญ่ของประเทศใดให้ดูว่าสนามบินเขาปูพื้นด้วยหินแกรนิต หรือหินที่มีค่าไหม
ถ้าพื้นปูกระเบื้องและบริหารห่วยๆ เวลาผู้โดยสารออกมาเรียกรถกลับต้องเจอกับความแออัดยัดเยียด ได้ยินเสียงนกหวีดและโทรโข่งลั่นไปหมด นั่นไม่ใช่นะ แย่ทั้งคณะกรรมการและ CEO
ครั้นเมื่อเข้าพักที่โรงแรมย่านในเมืองก็ได้เห็นว่ามีผู้คนพลุกพล่านมาก ในฟุตบาทที่กว้างใหญ่ ไร้ขยะ ไร้แผงลอย ไม่มีสิ่งแวดล้อมที่อุจาดตาให้เห็น ยิ่งแผ่นป้ายโฆษณารกเมืองหลวงแบบ กทม. แทบไม่มีให้เห็นเลย
ผมไม่ทราบว่าท่านผู้ว่า กทม. งานหนักมากหรือตามืดมัว แก้ระเบียบกฎหมายเก็บภาษีจ่ายเพิ่มตามอัตราก้าวหน้าสัก 2-3 เท่า จุดที่บดบังวิวมากเกินห้ามติดป้ายโฆษณา พอทำได้ไหมครับ
ตอนหัวค่ำ 2 ทุ่ม ได้ซื้อบัตรนั่งรถ 2 ชั้น ชมเมืองและแสงสีซึ่งใช้เวลา 2 ชั่วโมง ปรากฏว่าการจราจรเบาบางมาก ที่สำคัญได้เห็นว่าทุกเส้นทางที่เขานำพาไปไม่เคยเห็นจุดที่เป็นคอขวดของถนนหนทางรถติดกลางเมืองหลวงเหมือนแถวเพลินจิต แถวพระรามสี่ ฯลฯ
ตลอดทางที่ผ่านมองไปทั้งซ้ายและขวาจะเห็นอาคารสูงออกแบบสวยงาม ประดับสีสันน่าชมแทบทั้งเมือง ที่นี่เขาชอบสร้างหอคอยและอาคารสูงสง่า เช่น อาคารคู่แฝดปิโตรนาส สูง 88 ชั้น และอาคารสูงที่สุดเอเชียและสูงเป็นอันดับสองของโลกชื่อ Merdeka 118 สูง 118 ชั้น 678.9 เมตร
หลังจากนั้นก็ได้ไปหาอาหารทานกันแถวถนนคนเดินที่ชื่อว่า Jalan Alor ยาวร่วม 600 เมตร พบว่าผู้คนคึกคักตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงเที่ยงคืนมีทั้งชาวต่างชาติและมาเลย์ ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มมีความสุข
หลังจากได้ดูความเจริญทางกายภาพที่มาเลเซีย ซึ่ง 20 ปีที่แล้วเป็นประเทศที่พัฒนาในระดับเดียวกับไทยเรา แต่ขณะนี้ได้เดินหน้ารุดหน้าเราไปมาก ผู้คนเขาดูมีความสุขกว่าคนไทยมาก ทำให้ต้องคิดว่าอะไรหนอที่ทำให้มาเลเซียเจริญได้เร็วอย่างนี้
ผมเชื่อว่ามาเลเซียไม่น่าจะมีความเป็นสีเทาเหมือนประเทศไทย เพราะห่างไกลจากกัมพูชาและเมียนมา
มาเลเซียมีการควบคุมประเทศดีมากทั้งด้านตำรวจและการปกครองส่วนท้องถิ่น ชาวต่างด้าวที่จะเข้าไปทำธุรกิจในมาเลเซียจะถูกทางการเขาตรวจสอบที่เข้มมากๆ นักการเมืองเขาหวงแหนอาชีพไว้ให้คนมาเลย์มาก
ในที่สุดผมก็คิดออกว่าที่มาเลเซียโตเร็วและดีกว่าไทยเรา เพราะมาเลเซียมีระบบการบริหารจัดการแบบอังกฤษที่เขาเคยตกเป็นเมืองขึ้นมา เขามีนักกฎหมายที่น่าจะมีความสามารถและตรงไปตรงมากว่านักกฎหมายไทย
เขามีนายกรัฐมนตรีที่ทำคอร์รัปชันจนถึงกับติดคุก 1 คน แต่เรามีนายกรัฐมนตรีที่ถูกศาลตัดสินให้ติดคุกแล้ว 2 คน และอาจจะมีมากกว่าในอนาคตอันใกล้นี้
สิ่งสำคัญที่สุดมาเลเซียราคาพลังงานต่ำกว่าไทยมาก เพราะประเทศเขามีแหล่งน้ำมันและก๊าซให้นำไปส่งออกและใช้เองมานานแล้ว
ตัวอย่าง เช่น ราคาก๊าซโซฮอล์ 95 สำหรับรถยนต์ ราคาแค่ลิตรละ 2 ริงกิต หรือเท่ากับ 16 บาท แต่ไทยตอนนี้ราคาลิตรละ 32 บาท แพงกว่าเขาเท่าตัว เชื่อว่าราคาก๊าซหุงต้มเขาก็ถูกมาก
ชาวมาเลย์จึงมีรายได้สุทธิเมื่อหักรายจ่ายแล้วสูง คือมีการออมของครัวเรือนสูงทำให้หนี้ครัวเรือนต่ำกว่าคนไทยมาก ดังนั้น ด้านการบริโภคของประชาชนจึงโตอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องไปกระตุ้นแบบหัวปักหัวปำเหมือนไทย
ก่อนจบสำหรับบทความชิ้นนี้ ผมขอบอกให้คนไทยที่รักชาติบ้านเมืองทุกคน ขอให้ทำใจกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ทั้งปัญญาเศรษฐกิจสีเทา ปัญหาการเมืองสีเทา และปัญหาสังคมที่เน่าเฟะที่ล้วนมีโครงสร้างบิดเบี้ยวไปมากแล้ว
เมื่อมีมะเร็งร้ายคือการทุจริตคอร์รัปชันแผ่เข้าไปครอบคลุมในทุกด้าน ความต้านทานที่เคยมีของความเป็นชาติไทยก็ลดน้อยลง
ไทยเราจึงเป็นสีเทาไปแทบทุกภาคส่วน และไม่ใช่เทาธรรมดาแต่เป็นสีเทาที่ได้คลุกเคล้าด้วยความชั่วประดามีของคนไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งได้เข้าไปคลุกเคล้าในระบบเศรษฐกิจจนเป็นสีเทาที่อมสีสกปรกอย่างแยกไม่ออกด้วยครับ
ระวังไทยเราอาจติดหล่มสีเทาลากยาวถึงตายก็ได้.







