“Thank you, Mr. Jimmy” : บุคคลตัวอย่างที่โลกจะจดจำ

“Thank you, Mr. Jimmy” : บุคคลตัวอย่างที่โลกจะจดจำ

เมื่อกลางเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ผมได้ทราบข่าวว่าบุคคลที่ครอบครัวของเรา รักและเคารพยิ่ง ได้ตัดสินใจแจ้งให้ทุกคนทราบว่า

ท่านเลือกที่จะไม่รับการรักษาทางการแพทย์อีกต่อไป และจะขอดูแลร่างกายที่บ้านตามสมควร และจะใช้ยาควบคุมความเจ็บปวด ปล่อยให้ร่างกายถึงแก่กรรมโดยธรรมชาติ แบบ home hospice care

 

ลูกหลานทุกคนและพยาบาลผู้ใกล้ชิดอยู่พร้อมหน้า ที่บ้านชั้นเดียวในเมืองชนบทเล็กๆ ชื่อ Plains ห่างจากเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ไปทางทิศใต้ประมาณ 140 ไมล์

 

 

สัปดาห์นี้ผมตัดดอกไม้จากสวน เขียนจดหมายขอบคุณและอวยพรสุขภาพด้วยลายมือตนเอง แนบไปฝากครอบครัวของท่านในนามของครอบครัว และทุกคนที่เคยได้รับความเมตตา และบุญกุศลจากคุณงามความดีของท่าน

อดีตประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ Jimmy Carter ปัจจุบันอายุ 98 ปี ท่านรับการผ่าตัดบรรเทาอาการมะเร็งที่สมองเมื่อประมาณเจ็ดปีที่แล้ว แต่ยังพยายามทำงานตามปกติ ช่วยเหลือตนเองและทำงานส่วนตัวรอบบ้านกับภรรยา อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Rosalyn Smith Carter อายุ 95 ปี

ทั้งสองสามีภรรยาเป็นตัวอย่างของผู้ที่รู้จักตนเองดี มีความพอใจกับความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย ขับรถกอล์ฟ 2 คนไปจ่ายตลาด พากันใช้กล้องส่องทางไกลดูนก ทานอาหารที่บ้านใช้จานกระดาษ ดูข่าวสารบ้านเมืองทุกวันจากรายการ PBS Newshour และอ่านจุดหมายบางฉบับ หรือมีผู้ช่วยคัดเลือกข้อความและคำถามจากแหล่งสำคัญต่างๆ

เมื่อปี ค.ศ. 1977 ผมและเพื่อนนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS รุ่น 16 จากประเทศไทย ได้ทุนมาเรียนมัธยมปลาย แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและอยู่กับครอบครัวชาวอเมริกันเป็นเวลาหนึ่งปี ท่านจิมมี่ คาร์เตอร์อยู่ทำเนียบขาวปี ค.ศ. 1977 - 1981 จึงเป็นความทรงจำที่ประทับใจโดยส่วนตัว

หลังจากเรียนจบปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนเมื่อปี ค.ศ. 1988 ผมได้มาตั้งภูมิลำเนาอยู่ในรัฐจอร์เจีย ซึ่งบังเอิญเป็นที่ตั้งของห้องสมุดประธานาธิบดี และสถาบันชื่อ The Carter Center ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการส่งเสริมสันติภาพและสิทธิมนุษยชน ผมได้มีโอกาสได้รับฟังคำปราศรัยของท่าน และร่วมงานอาสาสมัครเพื่อชุมชนหลายครั้ง จนต่อมาระยะหนึ่งจึงได้รับเชิญไปรับประทานอาหารเช้าร่วมสนทนากับท่านและกลุ่มแกนนำในสถาบันฯบ่อยครั้ง

เมื่อปี ค.ศ. 2012 ลูกชายของผมได้รับเลือกเป็นประธานนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัย Emory และได้รับความไว้วางใจเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของท่านในการสอนพิเศษด้วย

“Mr. Jimmy” คือชื่อที่ชาวเมือง Plains เรียกท่าน หากเราคุยแล้วกล่าวถึงท่านโดยใช้ชื่อและตำแหน่งเต็มเช่น President Jimmy Carter ชาวบ้านก็จะบอกว่า You mean Mr. Jimmy?

Mr. Jimmy เกิด โต ทำไร่ถั่วลิสง เป็นทหารเรือ และเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐ Georgia ก่อนไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯคนที่ 39 ซึ่งท่านมีผลงานโดดเด่นเรื่องสิ่งแวดล้อม พลังงานหมุนเวียน สิทธิมนุษยชน สันติภาพระหว่างอียิปต์และอิสราเอล (ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ) สนธิสัญญาคลองปานามา และปรับปรุงความสัมพันธ์ทางการทหารและการค้ากับจีนสมัยท่านเติ้งเสี่ยวผิง ซึ่งทำให้เป็นจุดเริ่มต้นการบูมของเศรษฐกิจจีน

ขณะเดียวกันรัฐบาลของท่านเจอวิกฤตหลายอย่าง เช่นการปฏิวัติในอิหร่านที่นักการทูตและพลเมืองชาวอเมริกัน 52 คนโดนกักตัวไว้ถึง 444 วัน สหภาพโซเวียตบุกอาฟกานิสถาน และการขาดแคลนน้ำมันในท้องตลาด ฯลฯ จึงทำให้ความนิยมของท่านลดลง จากเมื่อเริ่มต้นที่ 66% ตอนต้นสมัย มาจบลงที่ 34% เมื่อแพ้การเลือกตั้งต่อประธานาธิบดี รอนัล เรแกน จึงทำให้เป็นประธานาธิบดีสมัยเดียวเพียงสี่ปี

Mr. Jimmy เป็นที่ยอมรับของชาวอเมริกันโดยทั่วไป ว่าเป็นอดีตประธานาธิบดีที่มีผลงานหลังจากพ้นตำแหน่งดีที่สุด ท่านนำทีมหลายผิวพรรณ ทุกเพศวัย ต่างเชื้อชาติศาสนา ร่วมงานกัน ช่วยเหลือสังคมเพื่อสันติภาพและสาธารณสุข จัดทีมส่งเสริมประชาธิปไตยและช่วยตรวจสอบความโปร่งใสของการเลือกตั้งทั่วโลกกว่า 100 ครั้ง ท่านเป็นที่รักนับถือและศรัทธาของผู้นำการเมืองและประชาชนทั่วโลก

ท่านนำทีมอาสาสมัครสร้างบ้านให้ครอบครัวรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยโดยโครงการ Habitat for Humanity ซึ่งท่านและภรรยาเคยนำทีมมาทำเรื่องนี้ในไทยด้วย ท่านทำเรื่องจิตอาสาอย่างจริงจัง และเป็นกันเอง ทำให้เราทุกคนรู้สึกสบายใจ ไม่เครียด ท่านมีรอยยิ้มเสมอขณะตั้งใจรับฟังความเห็นจากพวกเราทุกคน และมีพรสวรรค์ในการตั้งคำถามเชิงลึกให้เราได้สนทนากันอย่างสร้างสรรค์อยู่เสมอ

โครงการหนึ่งที่ประทับใจมากคือการกำจัดโรคพยาธิกีนี Guinea worm disease ซึ่งแต่เดิมไม่มีใครสนใจ โรคนี้แพร่หลายใน 21 ประเทศในทวีปแอฟริกา กับผู้ป่วยประมาณ 3,500,000 คน ซึ่งผู้ป่วยทรมานมากเมื่อพยาธิเข้าร่างกายจากการดื่มน้ำจากแหล่งสกปรก ทำให้มีอาการปวดอย่างรุนแรงตามผิวหนังและตามข้อต่อ กระดูกคดงอ เป็นพิการถาวร ผลจากการรณรงค์ต่อสู้เรื่องนี้ของ The Carter Center ทำให้ปัจจุบันมีผู้ป่วยเหลือเพียงแค่ 13 รายเท่านั้น

เมื่อสองปีที่แล้วหากใครมีโอกาสไปเมือง Plains ในวันอาทิตย์ แวะที่โบสถ์เล็กๆ ชื่อ Maranatha Baptist Church ก็จะมีโอกาสได้พบท่านผู้เป็นครูสอนไบเบิ้ลด้วย ใครอยากนั่งแถวหน้าต้องไปแต่เช้า และทุกคนต้องผ่านการตรวจความปลอดภัยโดย Secret Service for President ซึ่งรับผิดชอบอดีตประธานาธิบดีและครอบครัว

ครั้งสุดท้ายที่ผมได้มีโอกาสพบท่านในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ท่านบอกว่าเที่ยวนี้เราอย่าใช้คำว่า “Goodbye” ให้ใช้คำว่า “ See you later” และเราแลกเปลี่ยนคำพูดว่า “I love you”

ทุกคนที่ไปเยี่ยมท่านในวันนั้น เตรียมใจไว้ว่า ท่านคงอยู่กับเราได้อีกไม่นาน แต่ความประทับใจกับความดีงาม ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม ความสมถะ ยิ้มขณะตั้งใจฟัง และรักครอบครัว จะอยู่กับเราตลอดไปครับ