“หนาวหรือร้อน ก็นอนห่มผ้า”

“หนาวหรือร้อน ก็นอนห่มผ้า”

เคยสงสัยไหมครับว่าเวลาเรานอน ทำไมจึงต้องห่มผ้า เวลาอากาศหนาวก็พอเข้าใจได้ แต่บางทีอากาศร้อน เราก็ยังห่มผ้าอยู่ดี

ผมสงสัยมานาน ก็เลยลองหาคำตอบ  และพบว่าการนอนของเรานั้น มีความหลากหลาย บางคนชอบนอนตะแคงซ้าย บางคนตะแคงขวา บางคนนอนหงาย บางคนชอบหมอนแข็ง ฟูกแข็ง บางคนชอบหมอนอ่อน ฯลฯ 

พฤติกรรมการนอนที่แตกต่างกัน เป็นเรื่องปกติครับ แต่มีเรื่องหนึ่ง ที่คนส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรม “ไม่แตกต่างกัน” นั่นก็คือเรามักจะ “นอนห่มผ้า” ไม่ว่าอากาศจะหนาวหรือร้อนก็ตาม

คำตอบที่เข้าใจง่ายที่สุดก็คือ เราทุกคนต่างเป็น “เบบี้” กันมาก่อน เราจึงเรียนรู้จากธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ว่า “การนอน” กับการ “ห่มผ้า” เป็นของคู่กัน

สมัยที่เรายังเป็นทารกน้อย พ่อแม่กล่อมเราเข้านอน แล้วก็ห่มผ้าให้เราหลับสบาย ดังนั้นคนทุกชาติทุกภาษา จึงเรียนรู้จากธรรมชาติ และโยงใยความสัมพันธ์ของ ผ้าห่ม กับ การนอน 

ยามใดที่เราได้สัมผัสกับผ้าห่ม เราก็จะรู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งการนอน และการพักผ่อนได้มาถึงแล้ว

คำตอบข้อต่อไปก็คือ มนุษย์เรามี “นาฬิกาชีวิต” (Body Clock) ซึ่งหมายถึงระบบการทำงานของร่างกาย ที่ควบคุมการหลับและการตื่น ซึ่งเกิดขึ้นเป็นวงจรทุกๆ  24  ชั่วโมง  (ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Circadian Rhythms”) และกลไกนี้ จะสัมพันธ์กับ“อุณหภูมิของร่างกาย”

ประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนเข้านอน อุณหภูมิในร่างกายเรา จะเริ่มลดลง และเมื่อเรานอนหลับไปแล้ว อุณหภูมิก็จะลดลงต่อไปเรื่อยๆ และจะลดลงมากถึง 1-2 องศา จากอุณหภูมิปกติของร่างกาย

อีกเรื่องที่สำคัญก็คือ มื่อเรานอนหลับไปสักพัก ก็จะถึงจุดของการนอนหลับ ที่เรียกว่า ช่วงหลับฝัน หรือช่วงที่มีการเคลื่อนไหวของตาอย่างรวดเร็ว (Rapid Eye Movement หรือ REM) 

ถึงตรงนั้น เราจะไม่สามารถทำอะไรกับการลดลงของอุณหภูมิร่างกายเราได้ เพราะว่าเราไม่รู้สึกตัวแล้ว ดังนั้นผ้าห่มที่คลุมตัวเราอยู่ จึงเป็นตัวช่วยให้เกิดความอบอุ่นของร่างกาย และนับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง

บางตำราบอกว่า ประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนเราตื่นนอน อุณหภูมิร่างกายเรา จะลดลงจนกระทั่งถึงระดับต่ำสุด แน่นอนว่าในเวลานั้น การมีผ้าห่มคลุมกายไว้ เป็นสิ่งที่จำเป็นครับ

เดือนธ.ค.กำลังจะมาถึงแล้ว ใครที่จะเดินทางไปประเทศอากาศหนาว อย่างอเมริกาหรือยุโรป ซึ่งอุณหภูมิ ลดลงเหลือเกือบ 0 องศา หรือ ติดลบ  ก็ต้องเอา เสื้อโค้ดตัวหนาๆ ทำด้วยขนกระต่ายบ้าง ขนแพะบ้าง ขนแกะบ้าง ติดไปด้วย แล้วเราก็จะอบอุ่น ปลอดภัย

คำถามที่ก็คือ ผ้าห่มก็ดี หรือเสื้อโค้ดขนสัตว์เหล่านี้ก็ดี ช่วยให้เราหายหนาวได้อย่างไร เพราะว่าทั้งผ้าห่มหรือเสื้อโค้ด ก็ “เย็นเฉียบ” เหมือนกัน เมื่ออยู่ในอากาศหนาว

ฟังดูเหมือนคำถามตื้นๆ แต่มีคำตอบเป็นวิทยาศาสตร์ครับ Dr. Michael Grandner, Ph.D.แห่งสถาบันวิจัยการนอนหลับ ของ University of Arizona อธิบายว่า

ผ้าห่มไม่ได้ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย แต่ผ้าห่มช่วย “เก็บความร้อน” ของร่างกายเรา และมีผลทำให้ร่างกายเราอบอุ่นอยู่เสมอ 

ถ้าผมเล่าเพียงเท่านี้ คุณก็คงได้ความรู้และคำอธิบาย ทางวิทยาศาสตร์ แต่ยังไม่ได้ ความคิดที่สร้างสรรค์กว่านี้ ผมจึงต้องเล่าเรื่องราวของผ้าห่ม ด้วยคำสอนที่น่าจะมีความหมายกับชีวิตมากขึ้น เป็น บทสนทนาระหว่าง พระกับเณรครับ

เณรน้อยออกบิณฑบาต ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น แล้วไม่ได้รับภัตตาหารกลับมาเท่าใดนัก นอกจากนั้น ชาวบ้านก็ไม่ไ้ด้แสดงความศรัทธาต่อเณรน้อยเท่าที่เณรคาดหวัง

เณรกลับถึงวัด ระบายความรู้สึกต่อหลวงพ่อ หลวงพ่อถามว่าอากาศข้างนอกหนาวไหม เณรตอบว่าหนาวสิครับ หลวงพ่อจึงบอกว่า งั้นวันนี้เราเข้านอนเร็วหน่อยนะ

หลังจากเข้านอนแล้ว หลวงพ่อก็ถามเณรว่าอบอุ่นดีหรือยัง เณรตอบว่าอบอุ่นแล้วครับ หลวงพ่อถามต่อว่า ผ้าห่มวางอยู่ในกุฎิจนเย็นเฉียบ แล้วผ้าห่มเย็นๆ มันทำให้เณรอบอุ่นได้อย่างไรกันเล่า

เณรตอบว่า ผ้าห่มไม่ได้ให้ความอบอุ่นหรอกครับหลวงพ่อ ความอบอุ่นมาจากตัวเราเอง ผ้าห่มแค่ป้องกันไม่ให้ความอบอุ่น ออกไปจากร่างกายเรา

แหม..เณรตอบได้ชัดเจน ถูกหลักวิทยาศาสตร์ ราวกับเป็นลูกหลานของ Dr. Michael Grandner เลยนะครับ!

หลวงพ่อจึงสอนเณรว่า ความอบอุ่นนั้นมาจากตัวเรา ชาวบ้านที่เณรไปบินฑบาตร และเย็นชาต่อเณร ก็คือผ้าห่มที่เย็นเฉียบ แต่ถ้าเราแผ่ความอบอุ่นให้แก่เขา ในที่สุดความเย็นชาก็จะหายไป

หลังจากได้รับคำสอนนั้น เณรน้อยก็มุ่งมั่นเผยแผ่ความอบอุ่น และความเมตตาให้แก่ชาวบ้านจนได้รับความรักความศรัทธา จนกระทั่งหลายปีต่อมา เณรก็ได้เป็นเจ้าอาวาส 

เรื่องนี้ จะมีความจริงเพียงใดหรือใครแต่งขึ้นผมก็ไม่ทราบ แต่เป็นเรื่องที่เผยแพร่ต่อๆกันมาว่า เป็นอมตะธรรมของ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแกครับ

ก็ขอฝากไว้ว่า คืนนี้ ตอนคุณเข้านอนและห่มผ้า อย่าลืมตั้งจิตคิดสักนิด

ถามตัวเองว่า... พรุ่งนี้เราจะเผยแผ่ความอบอุ่นของเรา ให้กับใครในสังคม ได้บ้างนะครับ