จากวิวาทะสร้างเขื่อน สู่เป้าหมายเมืองหุบเขางดงามสุดในโลกของนู่เจียง (สาละวิน)

แม่น้ำใหญ่หลายสายทั่วโลก ล้วนแต่มีโครงการเขื่อนกั้น ในยุคที่แต่ละชาติสร้างเขื่อนเพื่อใช้ประโยชน์สูงสุด แต่แม่น้ำสาละวิน (นู่เจียง) ในจีนยังคงไม่มีเขื่อนขวางกั้น
KEY
POINTS
- แม่น้ำสาละวินไหลผ่านจีน เมียนมา และเลียบชายแดนไทย โดยไม่มีเขื่อนขวางกั้นตลอดระยะทางกว่า 2,800 กม. เป็นหนึ่งในแม่น้ำสายสำคัญของภูมิภาคที่ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้ได้ ท่ามกลางยุคแห่งการพัฒนาเขื่อนผลิตไฟฟ้า
- จีนล้มแผนสร้างเขื่อนนู่เจียง หันมาส่งเสริมการอนุรักษ์แทน แม้เคยมีแผนสร้างเขื่อนยักษ์ถึง 13 แห่งที่นี่ แต่ระงับไปเพราะแรงคัดค้าน รัฐบาลมณฑลยูนนานหยุดพัฒนาเขื่อน ประกาศตั้ง “อุทยานแห่งชาตินู่เจียงแกรนด์แคนยอน” แทน
- นู่เจียงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศสุดฮิต โดยเฉพาะกิจกรรมแนวผจญภัย เช่น พายเรือ ปีนเขา เดินป่า จีนส่งเสริมการพัฒนาแบบยั่งยืนผ่านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมท้องถิ่น แทนการใช้ทรัพยากรแบบทำลายธรรมชาติ
แม่น้ำสาละวิน เป็นแม่น้ำที่ยังไม่มีการสร้างเขื่อนใด ๆ ขวางกั้นเลยตลอดความยาว 2,800 กิโลเมตร ผ่านประเทศจีน เมียนมาร์ มีส่วนเลาะชายแดนไทยอยู่ช่วง ก่อนจะลงสู่อ่าวเมาะตะมะ แม่น้ำนานาชาติสายนี้มีชื่อต่างกันตั้งแต่ต้นทาง คนพื้นเมืองเขตทิเบตเรียก “กลังกา นัคโป” แปลว่าแม่น้ำดำ หรือแม่น้ำหุบเขาดำ พอเข้าเขตจีนเรียก “นู่เจียง” (怒江) ด้วยเพราะมีความโกรธแค้นดุร้าย ไหลเชี่ยวตามปกติของน้ำในหุบเขา พอเข้าเขตรัฐฉานคนไทใหญ่และกะเหรี่ยงเรียก “น้ำคง” (ไต) และ “โคโหล่โกล” (กะเหรี่ยง) ส่วนชื่อ “สาละวิน” เป็นชื่อพม่า/อังกฤษเรียก
เป็นเรื่องอัศจรรย์ไม่น้อยเพราะแม่น้ำใหญ่สายอื่นล้วนแต่มีโครงการเขื่อนกั้น ในยุคที่แต่ละชาติพยายามสร้างเขื่อนเพื่อใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สุด แม้แต่ประเทศจีนที่เป็นเจ้าแห่งการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ก็สร้างไม่ได้ จนที่สุดต้องระงับความคิดนี้ในที่สุด
จีนเคยมีแผนจะสร้างเขื่อนใหญ่ 13 แห่งกั้นนู่เจียง แต่ต้องพับโครงการไป
ที่จริงแล้ว ความคิดเรื่องการสร้างเขื่อนกั้นสาละวินมีมาตลอด ราวสองทศวรรษก่อน (2542-2546) ประเทศจีนเคยมีแผนจะสร้างเขื่อนใหญ่ 13 แห่งกั้นนู่เจียง เป็นเขื่อนใหญ่ที่สุดในโลก ให้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าเขื่อนสามผาด้วยซ้ำ ความคิดสร้างเขื่อนดังกล่าวเกิดขึ้นพร้อมๆ โครงการสร้างเขื่อนกั้นลานฉังเจียง (น้ำโขง) แต่ปรากฏว่า ไปสร้างทางน้ำโขงไม่ได้สร้างทางนู่เจียง ต่อมาเมื่อราวสิบปีก่อนก็เกิดข่าวมีแผนจะรื้อฟื้นการสร้างรอบใหม่ ลดขนาดเหลือแค่ 5 เขื่อน ที่สุดก็ต้องระงับไปอีก
ขบวนการต่อสู้เพื่อต่อต้านการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำนู่เจียงในจีนเข้มแข็งมาก แสดงให้เห็นถึงรูปธรรมพลังของฝ่ายอนุรักษ์ ซึ่งปกติมักจะไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าวสารออกมาภายนอก ยิ่งในยุคที่จีนกำลังพัฒนาขึ้นเป็นมหาอำนาจต้องการทรัพยากรและพลังงานจำนวนมาก มีการสร้างเขื่อนมากมายตอบสนอง แต่ขบวนการสีเขียวสามารถคัดค้านได้สำเร็จเป็นปรากฏการณ์สำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของประเทศนี้ทีเดียว
ข้อโต้แย้งสำคัญ ของฝ่ายอนุรักษ์คือแนวเลื่อนแผ่นดินไหวนู่เจียงจะก่อพิบัติภัยใหญ่สำหรับโครงสร้างเขื่อนยักษ์ และที่ลึกซึ้งกว่านั้นคือความหลากหลายของนิเวศสิ่งแวดล้อมภูมิภาครอยต่อหิมาลัยกับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พืชพรรณและสัตว์ป่า ฯลฯ
ที่จริงอาจจะมีเหตุผลทางด้านผลตอบแทนการลงทุนอยู่ด้วยกระมัง เพราะภูมิภาคนู่เจียงในยุคโน้น ไกลจากคุนหมิงแบบสุดขอบชายแดน ติดกับรัฐคะฉิ่นทางเหนือของเมียนมาร์ คนน้อย เศรษฐกิจไม่คึกคัก นี่คือสภาพของจีนเมื่อ 20 กว่าปีก่อน การสร้างเขื่อนทำพลังงานกับแม่น้ำลานฉัง (น้ำโขง) ที่สิบสองปันนาดูจะคุ้มค่ากว่า
แต่ก็ไม่มีรายงานข้อมูลเรื่องพวกนี้ยืนยันออกมาต่อสาธารณะตามแบบฉบับของจีน ดังนั้นจึงได้แต่สันนิษฐานจากข้อมูลเปิด คือ มีการคัดค้านด้วยเหตุความปลอดภัยและด้านนิเวศสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
หยุดนโยบายสร้างเขื่อน เปลี่ยนสู่ "อุทยานแห่งชาตินู่เจียงแคนยอน"
การยุติแนวคิดสร้างเขื่อนบนแม่น้ำนู่เจียงอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2559 มกราคม พ.ศ. 2559 เมื่อ หลี่ จี้เหิง เลขาธิการ คณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑลยูนนานและประธาน คณะกรรมการประจำสภาประชาชนมณฑลยูนนาน แถลงในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาการเมืองของประชาชนจีนประจำมณฑลยูนนานว่า จะหยุดการพัฒนาพลังงานงานทางน้ำทั้งหมดบนแม่น้ำนู่เจียง และส่งเสริมการจัดตั้งอุทยานแห่งชาตินู่เจียงแคนยอน ในเดือนพฤษภาคมรัฐบาลประชาชนมณฑลยูนนานได้อนุมัติการจัดตั้งอุทยานแห่งชาตินู่เจียงแกรนด์แคนยอนและอุทยานแห่งชาติแม่น้ำตูหลงแทน
สรุปง่ายๆ คือ จีนไม่สร้างเขื่อนนู่เจียงแล้ว ไปส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศแทน !
จากนั้นก็มีข่าวทุนจีนก็ยังคิดจะสร้างเขื่อนบนแม่น้ำสาละวินในพม่าแทน รวมถึงแนวคิดการสร้างเขื่อนสาละวินของรัฐบาลไทยตามมา ซึ่งโครงการที่ว่าทั้งหมดยังไม่ได้ข้อยุติ สรุปความได้ว่า สาละวินเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่รอดปากเหยี่ยวปากกานักสร้างเขื่อน สายน้ำนี้ยังไหลโดยอิสระต่างจากแม่น้ำสายใหญ่อื่นในภูมิภาค
ภายใต้มิติของการอนุรักษ์พื้นที่ภูมิภาคแม่น้ำนู่เจียง-สาละวิน ชายแดนตะวันตกสุดของยูนนาน เริ่มมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือ พื้นที่นี้ได้รับการประกาศร่วมกับแม่น้ำใหญ่ที่ไหลจากที่ราบสูงทิเบตร่วมกันอีก 2 สาย คือแม่น้ำลานฉัง (น้ำโขง) แม่น้ำจินซาเจียง (ต้นทางแม่น้ำแยงซีเกียง) รวมเป็น พื้นที่คุ้มครองแม่น้ำขนานสามสายแห่งยูนนาน (Three Parallel Rivers of Yunnan Protected Area) ภาษาจีนเรียก : 云南三江并流
เขตอนุรักษ์แม่น้ำสามสายมีขนาดพื้นที่ราว 9,394 ตร.กม. ขนาดราว ๆ ภาคใต้ของไทยทั้งภาค เทียบกับประเทศจีนทั้งหมดเล็กนิดเดียวไม่ถึง 1% แต่มันก็ใหญ่ไม่น้อยหากเทียบกับขนาดของประเทศอื่น เป็นแหล่งทรัพยากรและนิเวศหลากหลายเชื่อมตั้งแต่เทือกเขาหิมาลัยมาถึงเขตร้อนชื้น แหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่คนไทยรู้จักคือ หุบเขาเสือกระโจน แชงกรีล่า อ้อมมาทางเมืองเต๋อชิง ที่มีแม่น้ำลานฉัง(น้ำโขง) ไหลผ่าน อ้อมมาถึงแม่น้ำนู่เจียง เขตชายแดนตะวันตกสุด
คนทั่วไปอาจจะนึกถึงแต่แชงกรีล่าและแม่น้ำจินซาเจียง แต่ที่จริง.. นักท่องเที่ยวจีนกำลังแสวงหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ที่มีความดิบ ความสด ต้องดั้นด้นไปถึง
อุทยานแห่งชาตินู่เจียงแกรนด์แคนยอน หมุดหมายสุดฮิตของขาเที่ยวธรรมชาติ
ในส่วนของพื้นที่แม่น้ำนู่เจียงที่รัฐประกาศให้เป็นอุทยานแห่งชาตินู่เจียงแกรนด์แคนยอนนั้น ได้ถูกตั้งเป้าหมายใหม่ที่ชัดเจนขึ้น มุ่งไปสู่ “世界最美大峡谷” หุบเขาหรือแกรนด์แคนยอนที่งดงามที่สุดในโลก โดยสภาของเขตปกครองตนเองนู่เจียงลีซู่ มณฑลยูนนาน เริ่มดำเนินการเพื่อมุ่งสู้เป้าหมายนี้เมื่อ 1พฤษภาคม 2024 (2557) ที่ผ่านมานี้เอง
ล่าสุด..เมื่อตรุษจีนที่เพิ่งผ่านมา (ก.พ. 68) มีนักท่องเที่ยวเข้าไปยังเมืองลู่สุ่ยเมืองหลวงของจังหวัดนู่เจียง 1.5 แสนคน เฉพาะสัปดาห์นั้น การท่องเที่ยวกำลังเติบโตต่อเนื่อง
แหล่งท่องเที่ยวสำคัญคือแม่น้ำนู่เจียงที่เชี่ยวกราก หุบผาสูงชัน แต่เดิมถูกตั้งชื่อว่าแม่น้ำพิโรธ (นู่ แปลว่าโกรธ /โหดร้าย) แต่ในทางกลับกันความดิบของธรรมชาติกลับเรียกร้องให้ผู้คนอยากเข้าไปสัมผัส พายเรือแคนู ปีนหน้าผา เดินป่าชมธรรมชาติ ชักรอกสลิงข้ามแม่น้ำ ที่เป็นกิจกรรมผจญภัย
นอกเหนือจากทัศนียภาพแล้ว นู่เจียงยังเป็นที่อยู่อาศัยของชนกลุ่มน้อย เช่น ลีซู่ ดูหลง และนู่ เป็นทรัพยากรทางวัฒนธรรมจังหวัดได้จัดตั้งกลุ่มทำงานพิเศษเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวขึ้น และจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างพื้นที่สาธิตการบูรณาการด้านเกษตร วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว จำนวน 20 แห่งเพิ่มขึ้น
การเลือกไม่สร้างเขื่อนโดยเปลี่ยนนโยบายมุ่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของนู่เจียง เขตต้นน้ำสาละวินที่เขตชายขอบของยูนนานเคยกันดาร ห่างไกลจากความรับรู้ของชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ..กำลังผลิดอกออกผล !
..........................................
เขียนโดย บัณรส บัวคลี่ คอลัมน์จุดประกายความคิด กรุงเทพธุรกิจ