กูราเซา ดินแดนลิเคียร์และฟุตบอลโลก

เกาะ "กูราเซา" เป็นแหล่งกำเนิดเหล้าลิเคียวร์ที่มีชื่อเสียง ขณะเดียวกันก็สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติที่มีประชากรน้อยที่สุดที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026
KEY
POINTS
- กูราเซา สร้างประวัติศาสตร์เป็นชาติที่มีประชากรน้อยที่สุดที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2026
- เกาะกูราเซาเป็นแหล่งกำเนิดของเหล้าลิเคียวร์ที่มีชื่อเสียงในชื่อเดียวกัน ซึ่งทำจากเปลือกส้มลาราอาส
- เหล้ากูราเซามีหลายสีสัน โดย "บลู กูราเซา" ได้รับความนิยมสูงสุดและเป็นส่วนผสมสำคัญในค็อกเทลจำนวนมาก
กูราเซา (Curaçao) สร้างความฮือฮาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ทำสถิติเป็นชาติที่มีประชากรน้อยที่สุดที่ได้เข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2026 (โควต้าโซนคอนคาเคฟ หรือทวีปอเมริกาเหนือ) ซึ่งจะเริ่มในเดือนมีนาคม 2026
กูราเซามีพื้นที่ 444 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 160,337 คน โดยก่อนหน้านั้นไอซ์แลนด์เป็นเจ้าของสถิติชาติที่มีประชากรน้อยที่สุดที่ได้เข้าไปเล่นฟุตบอลโลกในปี 2018
ทีมชาติกูราเซา
ขณะเดียวกัน ดิ๊ค อั๊ดโวคาท เฮดโค้ชชาวเนเธอร์แลนด์ของกูราเซา ยังสร้างสถิติเป็นโค้ชอายุมากที่สุดที่ได้คุมทีมแข่งบอลโลก โดยจะมีอายุ 78 ปี ในการแข่งขันปีหน้า
กูราเซา หรือ กอร์ซอว์ (Kòrsou) หรือออกเสียงตามภาษาดัตช์ว่า "กือราเซา" เพราะอยู่ในสังกัดเนเธอร์แลนด์ แอนทิลลีส (Netherlands Antilles) เดิมเป็น 1 ใน 4 ประเทศองค์ประกอบของราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์
โดยเป็นประเทศเกาะซึ่งประกอบด้วยเกาะกูราเซากับเกาะไกลน์กูราเซา (ไม่มีคนอาศัยอยู่) ตั้งอยู่ในหมู่เกาะเลสเซอร์แอนทิลลีส ทางตอนใต้ของทะเลแคริบเบียน ห่างจากชายฝั่งตอนเหนือของประเทศเวเนซุเอลาออกไปประมาณ 65 กิโลเมตร
จริง ๆ แล้ว นักฟุตบอลกูราเซาเคยมาเมืองไทยและคว้าแชมป์ “ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 47” เมื่อ พ.ศ. 2019 หรือราว 6 ปีที่แล้ว
ก่อนหน้านั้นใครที่เกิดทันยุค "เขาทราย แกแล็คซี" เขาบินไปป้องกันแชมป์โลก รุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท ครั้งที่ 4 ที่เกาะกูราเซา และเป็นการชกนอกประเทศครั้งแรกของเขา ด้วยการชนะน็อก "อิสราเอล กอนเตรรัส" ชาวเวเนซุเอลา เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2529 หรือ 39 ปีที่แล้ว
สำหรับในแวดวงเครื่องดื่มต้องรู้จัก กูราเซา ซึ่งเป็นเหล้าหวานชนิดหนึ่งที่กลั่นและตกแต่งกลิ่นรสจากเปลือก ส้มลาราอาส (Larahas) ตากแห้ง ปลูกได้ดีเยี่ยมบนเกาะกูราเซา อันเป็นที่มาของชื่อเหล้าชนิดนี้นั่นเอง
ส้มลาราอาสนั้นสันนิษฐานกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากเมืองบาเลนเซีย (Valencia) ประเทศสเปน ที่ปลูกในบาเลนเซียรสจะหอมหวาน แต่เมื่อมีการนำเข้ามาปลูกบนเกาะกูราเซา สภาพของดินฟ้าอากาศทำให้รสชาติกลับไม่หวานเท่าที่ควร แต่เป็นประโยชน์มหาศาลสำหรับการทำลิเคียวร์
การนำส้มลาราอาสมาเป็นส่วนผสมที่ถือเป็นหัวใจของ คูราเซา (Curaçao) เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ในศตวรรษที่ 19 ณ บ้านแลนด์ฮุส โชโบโลโบ (Landhuis Chobolobo) ของ ครอบครัวซีเนียร์ (Senior) ซึ่งพวกเขาคิดทำเหล้าด้วยการเตรียมส้มอาราอาส ไว้เป็นหนึ่งในส่วนผสม
ขณะที่เตรียมส่วนผสมอย่างอื่นอยู่นั้น ผลส้มเกิดแห้งและมีน้ำมันหอมออกมา หลังจากแช่ในหม้อกลั่นพร้อมกับแอลกอฮอล์และน้ำหลายวัน จึงนำเปลือกส้มออกแล้วใส่เฮิร์บที่ให้ความเผ็ดลงไป เช่น พริกไทย จันทน์เทศ อบเชย ฯลฯ
ปรากฏว่าได้เหล้าที่รสชาติหอม หวาน ขมนิด ๆ แต่กลมกล่อม หลังจากนั้นจึงมีการพัฒนามาเรื่อย ๆ รวมทั้งการใช้เฉพาะเปลือก (Larahas peels) แทนที่จะแช่ส้มทั้งลูกเหมือนเดิม เป็นต้น
Landhuis Chobolobo ซึ่งเป็นตำนานหน้าหนึ่งของกูราเซานั้นก่อสร้างในช่วงต้นศตวรรษ 1800 บนพื้นที่ 2 ½ เอเคอร์ (1 เอเคอร์ = 2.6 ไร่)
ต้นศตวรรษที่ 1900 ได้ตกอยู่ในความครอบรองของตระกูล Jesurun ต่อมาในปี 1947 บริษัท N.V. Senior & Co. ของตระกูล Senior ก่อนจะกลายเป็นตำนานของ Curaçao Liqueur ที่สืบทอดมนต์ขลังและความยิ่งใหญ่มากระทั่งปัจจุบัน
ปัจจุบัน กูราเซา มีผู้ผลิตหลายสิบบริษัท ส่วนใหญ่แอลกอฮอล์ประมาณ 30% มีเกินกว่านั้นบ้างเล็กน้อย และถูกตกแต่งให้มีสีสันต่างๆ เช่น ขาว ฟ้า เขียว ส้ม และสีสันเหล่านี้กลายเป็นเสน่ห์สำคัญของการนำไปผสมเป็นเครื่องดื่มประเภทค็อกเทล (Cocktail)
เช่น บลู กูราเซา (Blue Curacao) เป็นคูราเซายอดนิยม อันดับ 1 บางคนบอกว่าเป็น “King of Curaçao” ใช้เป็นส่วนผสมของค็อกเทลกว่า 300 ชนิด
ไอศกรีมบลู กูราเซา
สาเหตุที่ Blue Curacao ได้รับความนิยมมากที่สุด อาจจะเป็นเพราะว่าเมื่อนำมาผสมค็อกเทลแล้ว สีออกฟ้า ๆ สวยงาม สบายตา น่าดื่ม เช่น
- บลู คอสโมโปลิแทน (Blue Cosmopolitan) ส่วนผสมหลัก ๆ คือ Blue Curaçao, Absolut Citron Vodka, Maraschino Cheery, น้ำองุ่น, น้ำเชื่อม และน้ำตาล เป็นต้น
- บลู กามิกาเซ (Blue Kamikaze) ค็อกเทลยอดนิยมอีกแก้วหนึ่ง มีส่วนผสมไม่มากแต่สวยและอร่อย เช่น Blue Curaçao, วอดก้า, น้ำมะนาว และน้ำแข็ง
- บลู ฮาวายเอียน (Blue Hawaiian) มีส่วนผสมของ Blue Curaçao ไลท์รัม (Light Rum), น้ำสับปะรด, ครีม ออฟ โคโคนัท (Cream of Coconut), สับปะรดฝาน และเชอร์รี เป็นต้น
- นอกจากนั้นยังสามารถนำไปดัดแปลงได้อีกมากมาย รวมทั้งนำไปใช้เป็นส่วนผสมของอาหาร ไอศกรีมและของหวานหลาย ๆ อย่าง
ไวท์ กูราเซา
ไวท์ กูราเซา (White Curacao) เป็นคลาสสิกกูราเซา สีขาวใสราวตาตั๊กแตน เหมือนเหล้าขาวกลั่นทั่วไป เช่นเหล้าขาวของเรา วอดก้า ยิน และรัม เป็นต้น นิยมดื่มธรรมดามากกว่าจะนำมาผสมเป็นค็อกเทล ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีสีสัน
ขณะเดียวกันเหล้าสีขาวอย่างวอดก้าเมื่อนำมาเป็นส่วนผสมค็อกเทลจะได้รสชาติ ความหอมมากกว่าคูราเซา
อย่างไรก็ตาม มีค็อกเทลสีชมพูเรื่อๆ คล้ายแก้มสาววัยกระเตาะ ที่ชื่อ ร็อบ เลิฟ (Rob Love) ใช้ White Curacao ผสมกับ วอดก้า, สตรอว์เบอร์รี ไซรัป, สวีท เวอร์มุธ, น้ำมะนาว ฯลฯ
ค็อกเทลสีสันน่าชิมจากกูราเซา
ออเรนจ์ กูราเซา (Orange Curacao) เป็นคูราเซายอดนิยมรองจาก บลู กูราเซา สามารถนำไปผสมเป็นค็อกเทลสูตรต่างๆ ประมาณ 41-50 ชนิด เช่น
- Marlene Dietrich ผสมผสานจาก Blue Curacao, แคนาเดี้ยนวิสกี้ และ Angostura Bitters
- Cable Car มีส่วนผสมของ Orange Curacao, สไปซ์รัม, น้ำมะนาว และสวีท แอนด์ ซาวร์ มิกซ์
ดราย ออเรนจ์ กูราเซา (Dry Orange Curacao) คือ ออเรนจ์ กูราเซา ที่หมักบ่มไว้นานกว่าออเรนจ์ กูราเซา ธรรมดา และดีกรีเพิ่มอีก 5% เป็น 35% ค็อกเทลที่ใช้ Dry Orange Curacao เป็นส่วนผสมคือ
- คารา สปอซา (Cara Sposa) ผสมกับคอฟฟี ลิเคียวร์, วิปปิ้ล ครีม, เลมอนและน้ำตาล
- ขณะที่ ดาวน์ฮิลล์ ค็อกเทล (Downhill Cocktail) ทำให้หลายคนหัวทิ่มบ่อเหมือนชื่อ เพราะมีส่วนของของ คอนยัค, ยิน, Orange Curacao, ดราย เวอร์มุธ และสวีท เชอร์รี
กรีน กูราเซา
กรีน กูราเซา (Green Curacao) แม้จะไม่ได้เป็นหนึ่งเหมือน บลู กูราเซา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า กรีน กูราเซา ก็เป็นกูราเซาที่บาร์เทนเดอร์ขาดไม่ได้
- โดยเฉพาะ แคนาเดียน ซอมบี้ (Canadian Zombie) ค็อกเทลตระกูล “ซอมบี้” (Zombie) ที่รสชาติร้อนแรงมีส่วนผสมของ ไวท์รัม, ดาร์กดรัม, รัม 151 ปรู๊ฟ, Green Curacao, เกรนาดีน ไซรับ, น้ำส้มและน้ำมะนาว
- ขณะที่ คิง วิลลีย์ (King Willy) มี Green Curacao มิโดริ เมลอน ลิเคียวร์, เซเวน อัพ และเกรนาดีน เป็นต้น
กูราเซา เป็นชาติเล็กๆ แต่เรื่องฟุตบอลและเรื่องเหล้าหวาน เขายิ่งใหญ่กึกก้องโลก !







