โบโฌเลส์ นูโว สีสันที่กำลังจะหายไปจากเมืองไทย

รู้จักไวน์สด โบโฌเลส์ นูโว (Beaujolais Nouveau) หมักองุ่นทั้งลูกโดยไม่เติมยีสต์ ความนิยมในเมืองไทยก่อนและหลังฟองสบู่แตก พ.ศ.2540
KEY
POINTS
- รู้จักไวน์สด โบโฌเลส์ นูโว (Beaujolais Nouveau) หมักองุ่นทั้งลูกโดยไม่เติมยีสต์แห่งแคว้นเบอร์กันดี ประเทศฝรั่งเศส
- จอร์จ ดูเบิฟ (George Duboeuf) คือผู้ทำให้ไวน์โบโฌเลส์ นูโว ได้รับความนิยมด้วยการสร้างสรรค์ "เทศกาลไวน์โบโฌเลส์ นูโว" ในลักษณะ "เกมขนส่ง"
- ความนิยมของไวน์โบโฌเลส์ นูโว ในไทยในช่วงเศรษฐกิจก่อนและหลัง "ฟองสบู่แตก" ในปีพ.ศ.2540
..“Le Beaujolais Nouveau 2025 est Arrive !”
..."เลอ โบโฌเลส์ นูโว 2025 เอส์ เตฮรีเว !..."
...“ไวน์โบโฌเลส์ นูโว 2025 มาแล้วจ้า” !!!!!
...วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2025 เป็นวันแรกของการขายไวน์ "โบโฌเลส์ นูโว 2025" พร้อมกันทั่วโลก
โบโฌเลส์ นูโว (Beaujolais Nouveau) เป็นไวน์สด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไวน์แดง ทำจากองุ่น “กาเมย์” (Gamay) คนงานนับหมื่นคนจะระดมเก็บองุ่นด้วยมือ โดยไม่ใช้เครื่องจักรเพราะจะทำให้องุ่นช้ำส่งผลต่อความสดของไวน์
ตามกรรมวิธีแบบดั้งเดิมนั้น องุ่นที่เก็บแล้วจะถูกนำไปหมักโดยกระบวนการหมักแบบ มาเซอเรชั่น คาร์บอนิก (Maceration Carbonic) คือหมักองุ่นทั้งลูกโดยไม่เติมยีสต์ แต่ปล่อยให้องุ่นเริ่มเปื่อยยุ่ยเองด้วยยีสต์ธรรมชาติจากผลองุ่น และในสภาวะที่มีคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งกินเวลาไม่นาน ปัจจุบันมีหลายรายเติมยีสต์
จากผลการหมักดังกล่าวจะได้ไวน์ที่แทนนินต่ำ แอลกอฮอล์ไม่สูงมาก แต่มีความโดดเด่นตรง หอมกลิ่นผลไม้ หรือ ฟรุตตี้ (Fruity) และกลิ่นหอมบางอย่าง
ที่สำคัญไม่มีการบ่มถังไม้โอ๊ค นอกจากนั้นไวน์ยังพัฒนาตัวเองเร็ว จึงต้องดื่มขณะที่เป็นไวน์ใหม่ (Young Wine) และไม่ควรเก็บเอาไว้นาน อันเป็นที่มาของ นูโว (Nouveau) ที่มีความหมายว่า "ใหม่" (New)
โบโฌเลส์ (Beaujolais) เป็นเขตผลิตไวน์ที่อยู่ทางใต้ของแคว้นเบอร์กันดี เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นเบอร์กันดี มีฐานะเป็น AOC (Appellation d'Origine Contrôlée) ผลิตไวน์ขาวประมาณ 1% จากองุ่นชาร์โดเนย์ (Chardonnay)
นอกนั้นเป็นไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ กาเมย์ และส่วนใหญ่เป็นไวน์แดงไลท์บอดี้ แอสิดค่อนข้างสูง แทนนินค่อนข้างต่ำ แต่มีความหอมหวลของผลไม้ เช่น เรดเบอร์รี เชอรี และสตรอว์เบอร์รี
เทศกาลเฉลิมฉลอง “โบโฌเลส์ นูโว” กำเนิดมาจากบาร์ คาเฟ่ และร้านอาหารประเภทบริสโทรท้องถิ่นในอำเภอโบโฌเลส์ และ ลียง (Lyon) ซึ่งทุกๆ ฤดูใบไม้ร่วง ไวน์โบโฌเลส์ นูโว จะถูกรินจากถังของเจ้าของไวน์ต่างๆ ใส่เหยือก แล้วแห่แหน เพื่อเฉลิมฉลอง และถือเป็นการพักของไวน์เมกเกอร์และคนที่ทำงานเกี่ยวกับไวน์ที่เหนื่อยมาทั้งปี
กระทั่งวันที่ 13 พฤศจิกายน 1951 ไวน์ "โบโฌเลส์ นูโว" จึงเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ หลังจากได้รับ AOC (Appellation d'Origine Contrôlée) ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 1937
เทศกาลการเฉลิมฉลองหลังการเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นนี้เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในกรุงปารีส ตั้งแต่ช่วงกลางของปี 1800 เป็นต้นมา
ร้านอาหารจำนวนมากจะสั่ง โบโฌเลส์ นูโว คราวละหลาย ๆ บาร์เรลไปให้ชาวเมืองได้ดื่มกินพร้อมฉลองเทศกาลแห่งความสนุกสนาน เมื่อถึงเวลาที่กำหนดก็จะพากันตะโกน “Le Beaujolais Nouveau est arrivé!” พร้อม ๆ กัน ก่อนจะแพร่หลายไปทั่วโลก พร้อมยอดขายปีละกว่า 50 ล้านขวด
หลังปี 2005 เป็นต้นมามีการกำหนดประโยคใหม่ขึ้นมาว่า “It’s Beaujolais Nouveau Time”
แต่นั่นสำหรับประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ขณะที่ชาวโบโฌเลส์ก็ยังยึดประโยคเดียว และถือเป็นประโยคแห่งมนต์ขลัง
“Le Beaujolais Nouveau est Arrive !”
เทศกาลไวน์โบโฌเลส์ นูโว สมัยใหม่นั้น คิดค้นขึ้นมาโดย จอร์จ ดูเบิฟ (George Duboeuf / เสียชีวิตในปี 2020) เจ้าของฉายา คิง ออฟ โบโฌเลส์ (King of Beaujolais) เขาคิดค้นเป็นแบบเกมส์การแข่งขัน คือแข่งกันว่าไวน์โบโฌเลส์ นูโว ของผู้ผลิตรายใดจะส่งไปถึงปารีสก่อนกัน
มีการโฆษณาไว้ล่วงหน้าให้ชาวปารีสตั้งตาคอยจับเวลาว่าของใครมาถึงก่อน เมื่อมาถึงก็ให้ทุกคนในร้านอาหาร บาร์ ฯลฯ ส่งเสียงโห่ร้องพร้อมกันว่า… Le Beaujolais Nouveau est arrive! ..
จอร์จ ดูเบิฟ เป็นคนที่มีหัวทางด้านตลาดสูง นอกจากคิดค้น “เทศกาลไวน์โบโฌเลส์ นูโว” แล้ว ไวน์โบโฌเลส์ นูโวของเขายังให้ผู้คนมีส่วนร่วม หนึ่งในจำนวนนั้นคือการประกวดออกแบบฉลากข้างขวด
”โบโฌเลส์ นูโว” เป็นไวน์ที่ดื่มง่ายกว่าไวน์แดงทั่วๆ ไป เพราะมีฟรุตตี้สูง จึงต้องเสิร์ฟในอุณหภูมิเย็นๆ ประมาณ 12-13 องศาเซลเซียส ขณะที่ไวน์โบโฌเลส์ทั่วไปจะเสิร์ฟประมาณ 15-16 องศาเซลเซียส
สิ่งสำคัญ 3 ประการของไวน์โบโฌเลส์ นูโวคือ
- ประการแรกโบโฌเลส์ นูโวจะ ดื่ม (Drink) กันอย่างจริงจังมากกว่าจะ จิบ (Sip / Taste) เหมือนไวน์ทั่วไป
- ประการที่สองจะ "ไม่มีการวิจารณ์" โบโฌเลส์ นูโว เพราะถือเป็นไวน์แห่งการเฉลิมฉลอง จึงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงพิธีรีตองใด ๆ
- ประการที่สาม โบโฌเลส์ นูโว จะมีคุณภาพสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 3-4 สัปดาห์ (ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษา) หลังวางตลาด จากนั้นคุณภาพจะเริ่มถดถอยลง
ไวน์โบโฌเลส์ นูโว มีการควบคุมคุณภาพ (Appellation d'Origine Contrôlée = AOC) อยู่ 2 เกรด
เกรดแรกคือ โบโฌเลส์ เอโอซี (Appellation Beaujolais Controlee) เป็น AOC ของเขตโบโฌเลส์โดยรวม ทำจากองุ่นที่ปลูกในไร่องุ่นบนที่ราบทางตอนใต้ของพื้นที่ ได้รับการอนุมัติมาประมาณปี 1985 เป็นต้นมา
เกรดที่สองคือ โบโฌเลส์ วิลลาจ นูโว (Appellation Beaujolais-Villages Nouveau Contrôlée) เป็นไวน์ระดับเอโอซี - ตำบล - หมู่บ้าน ซึ่งเป็นที่เล็กกว่า Appellation Beaujolais Controlee โดยเป็นพื้นที่บนเนินทางตะวันตกเฉียงเหนือของเขตโบโฌเลส์ แน่นอนเป็นไวน์มาตรฐานสูงกว่า มีคุณภาพสูงขึ้นมาเนื่องจากสภาพของดินฟ้าอากาศหรือแตฮรัวร์ดีกว่า รสชาติเข้มข้นขึ้น และราคาแพงขึ้นมาเล็กน้อย
สมัยก่อน ไวน์โบโฌเลส์ นูโว มีเพียงไวน์แดงอย่างเดียว (อาจจะมีขาวเล็กน้อย) ต่อมาสำนักงานเอโอซี (AOC = Appellation d'Origine Contrôlée) ฝรั่งเศส ได้อนุญาตให้เขตโบโฌเลส์ สามารถผลิต ไวน์โบโฌเลส์ นูโว โรเซ (Beaujolais Nouveau Rose) ได้อีกด้วย ปัจจุบันมีผู้ผลิตออกมาหลายราย
สีสันของโบโฌเลส์ นูโว
ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นชาติแรกที่ได้ลิ้มรส "โบโฌเลส์ นูโว" เพราะจากการกำหนดวันแรกการดื่มคือ วันพฤหัสบดีที่สามของเดือนพฤศจิกายน จะเริ่มนับตามเวลาของดวงอาทิตย์ขึ้น ซึ่งทำให้ชาติทางตะวันออก ได้เป็นผู้เริ่มวันใหม่ก่อนชาวยุโรปและสหรัฐอเมริกา
นอกจากนั้น ญี่ปุ่นยังเป็นชาติที่ดื่ม โบโฌเลส์ นูโว มากที่สุดในทวีปเอเชีย และมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย
คนญี่ปุ่นบอกว่าการได้ดื่มโบโฌเลส์ นูโว เป็นการบ่งบอกถึงความมีรสนิยมของคนดื่ม ขณะที่หนุ่มสาวบอกว่าการได้ดื่มโบโฌเลส์ นูโว ถือว่าโก้มาก
แต่วิกฤติโบโฌเลส์ นูโวได้ก่อตัวเกิดขึ้นแล้ว เดือนกรกฏาคม 2568 บริษัท เมอร์เซียน จำกัด (Mercian) ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องดื่มในเครือกิริน โฮลดิ้งส์ (Kirin Holdings) ประกาศจะยุติการนำเข้าและจำหน่ายไวน์โบโฌเลส์ นูโว (Beaujolais Nouveau) จากฝรั่งเศส ตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2025 เป็นต้นไป เป็นการปิดฉากการทำตลาดไวน์โบโฌเลส์ นูโว ซึ่งเป็นไวน์ยอดนิยมในอดีตที่ยาวนานกว่า 40 ปี
สาเหตุหลักมาจากความนิยมของผู้บริโภคที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับต้นทุนการนำเข้าและค่าขนส่งทางอากาศที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไร
ข้อมูลระบุว่า ยอดนำเข้าไวน์ดังกล่าวของญี่ปุ่นในปี 2024 ลดลงเหลือเพียง 1 ใน 7 ของช่วงที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปี 2004
อย่างไรก็ตามบริษัท เมอร์เซียน ได้หันมาสนับสนุนไวน์ที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นแทน ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าและมีคุณภาพดีขึ้นเป็นที่ยอมรับในระดับสากล และมีแผนจะเปิดตัวไวน์นูโวญี่ปุ่น 3 ชนิดใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2568
ก่อนหน้านั้นยักษ์ใหญ่อย่างอาซาฮี (Asahi) และซัปโปโร (Sapporo) ก็ได้ยุติการจำหน่ายไวน์โบโฌเลส์ นูโวไปก่อนหน้าแล้ว
หนึ่งในกิจกรรมในเมืองไทยปี 2007
ในเมืองไทยยุคที่เศรษฐกิจพองเป็นลูกโป่ง ประมาณปี 2537 – 2539 เคยมีการสั่ง โบโฌเลส์ นูโว (Beaujolais Nouveau) ขึ้นเครื่องบินมาจากฝรั่งเศส พอลงสนามบินดอนเมืองปุ๊บก็ลำเลียงขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาลงที่ดาดฟ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นที่ฮือฮากันมาก กิจกรรมล่าสุดที่ผมเคยร่วมด้วยคือ โบโฌเลส์ นูโว วินเทจ 2007 มีการส่งมาทางเรือ ขึ้นที่ท่าน้ำสี่พระยา
หลังฟองสบู่แตกปี 2540 ก็แทบไม่มีกิจกรรมอีกเลย แต่ก็มีผู้นำเข้าสั่งมาขายประมาณ 7-8 ยี่ห้อ ก่อนจะค่อย ๆ หายไป เพราะคนไทยชอบไวน์หนักแน่น ซึ่งตรงกันข้ามกับโบโฌเลส์ นูโว ประกอบกับภาษีไวน์ อายุการขายสั้น การเก็บรักษายากกว่าไวน์ทั่วไป ฯลฯ
ณ วันนี้ปี 2025 มีผู้นำเข้ามาขายอย่างเป็นกิจลักษณะเพียง 2 เจ้าเท่านั้น และจำนวนไม่มากเหมือนก่อน คือบริษัท อิตัลไทย นำเข้า จอร์จ ดูเบิฟ (George Duboeuf) ซึ่งเป็นการนำเข้ามาโดยตลอดกว่า 25 ปีไม่เคยเปลี่ยนแปลง
อีกเจ้าหนึ่งคือบริษัทในเครือร้าน Wine in Love นำเข้า "เมซง ฟรองซัวส์ มาร์ตนอต์" (Maison Francois Martenot)
สำหรับเมืองไทยคงต้องบอกว่า...โบโฌเลส์ นูโว ในเมืองไทย แทบจะเป็นเพียงอดีต !!... แต่อย่างไรก็ตามเมื่อคิดจะซื้อ ก็อย่าไปคิดถึงเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น ให้คิดเพียงว่า "ปีหนึ่งดื่มครึ่งเดียว" ดื่มเพื่อศึกษา ดื่มเรียนรู้ ดื่มเพื่อจดจำก่อนที่จะหายไปจากเมืองไทย ....แล้วท่านจะดื่มอย่างมีความสุข..!!!







