ไวน์กรีซ ดื่มด่ำอารยะธรรมโบราณ

รู้จัก "ไวน์กรีซ" ไวน์ที่ผลิตจากหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์เก่าแก่ที่สุดในโลก มีประวัติศาสตร์การผลิตไวน์ยาวนานกว่า 6,500 ปี ปัจจุบันยังคงผลิตพันธุ์องุ่นพื้นเมืองโบราณ
KEY
POINTS
- กรีซเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีประวัติศาสตร์การผลิตไวน์ยาวนานกว่า 6,500 ปี
- ไวน์กรีกมีเอกลักษณ์ที่ผูกพันกับประวัติศาสตร์และตำนานโบราณ เช่น ไวน์ขาว "เรตซีนา" (Retsina) ที่หมักกับยางสน และไวน์แดง "ไลอ้อน ออฟ เนเมีย" (Lion of Nemea) ที่รู้จักในชื่อ "เลือดของเฮอร์คิวลีส"
- การผลิตไวน์เน้นใช้พันธุ์องุ่นพื้นเมืองโบราณที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น อายกริออร์ยีติโก (Agiorgitiko) และ อาซซีร์ตีโก (Assyrtiko) ซึ่งสะท้อนถึงมรดกและอารยธรรมอันยาวนาน
กรีซ (Greece) เป็นชาติหนึ่งที่ผลิตไวน์มายาวนานกว่า 6,500 ปี และเป็นหนึ่งในภูมิภาคผลิตไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ซึ่งไวน์ถูกผลิตในครัวเรือนหรือชุมชนในสมัยโบราณ
เมื่อการค้าไวน์แพร่หลายมากขึ้น ไวน์จึงถูกขนส่งจากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกปลายหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ไวน์กรีก มีชื่อเสียงสูงเป็นพิเศษในอิตาลีภายใต้จักรวรรดิโรมันในยุคกลาง ไวน์ที่ส่งออกจาก ครีต โมเนมวาเซีย และท่าเรืออื่นๆ ของกรีกมีราคาสูงในยุโรปตอนเหนือ
ทศวรรษที่ 1960 โลกรู้จักไวน์กรีซมากขึ้น หลังจากไวน์ เรตซีนา (Retsina) ได้สร้างความฮือฮาให้กับวงการไวน์ในยุโรป
จากนั้นปี 1963 กาแบร์กเนต์ โซวีญยอง แปลงแรกถูกปลูกขึ้นช่วง 1960-1970 ผู้ผลิตไวน์รายใหญ่ต่างพากันลงทุนผลิตไวน์ ทำให้อุตสาหกรรมไวน์ของกรีซแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว
ไวน์ที่ถือเป็นไวน์ประจำชาติกรีซมี 2 – 3 ชนิดคือ ไวน์ขาวเรตซีนา ทำจากองุ่นซาวาติอาโน (Savatiano) และโรดิติส (Rhoditis) นำไปหมักกับสมุนไพรที่มียางสน (Aleppo Pine) เป็นส่วนผสม เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไวน์ขาวตัวนี้มีรสฝาดผสมผสานกับสมุนไพร
ส่วนไวน์แดงคือ ไลอ้อน ออฟ เนเมีย (Lion of Nemea) เป็นไวน์แดงขึ้นชื่อของกรีซ รู้จักกันในนาม บลัด ออฟ เฮอร์คิวลีส (Blood of Hercules) หรือ “เลือดของเฮอร์คิวลีส”
ฉลากเป็นรูปเฮอร์คิวลีสหักคอสิงโตแห่ง Nemea ซึ่งเป็นเขตผลิตไวน์สำคัญทางใต้ของกรีซ ไวน์ตัวนี้มีประวัติว่าขณะที่ต่อสู้กับสิงโตนั้นเลือดของเฮอร์คิวลีสกระเซ็นออกมาสีแดงเข้มข้น ผู้ผลิตไวน์จึงตั้งชื่อตามนั้น ผลิตมากว่า 2,500 ปีจากองุ่นพื้นเมืองอายกริออร์ยีติโก (Agiorgitiko)
สำหรับ เรตซีนา ไวน์ขาวประจำชาติของกรีซ ที่ผลิตตามกรรมวิธีดั้งเดิม ผลิตมากว่า 2,000 ปี ถือเป็นอมตะไวน์ของกรีซ ทุกครั้งที่ตั้งบนโต๊ะจะมีการพูดคุยถึงไวน์ตัวนี้เสมอจนเรียกว่า โมราเลีย (Moralia = Table Talk) ผลิตจากเขตยูบีอา (Euboea) ซึ่งเป็นเกาะใหญ่อันดับ 2 ของกรีซและอยู่ทางภาคกลางตอนใต้ของประเทศ ใช้องุ่นซาวาเตียโน (Savatiano)
ยางสนที่ใช้ทำไวน์ Retsina
ถ้าปีไหนที่แอสิดต่ำ จะมีการใช้องุ่นเขียวอีก 2 พันธุ์ผสมคือ แอสซีร์ติโก (Assyrtiko) และ โรดิติส (Rhoditis) นำไปหมักกับสมุนไพรที่มียางสน (Aleppo Pine) เป็นส่วนผสม เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไวน์ขาวตัวนี้มีรสฝาดผสมผสานกับสมุนไพร
เรตซีนา มีการผลิตทั่วไปในกรีซ แต่แหล่งผลิตสำคัญอยู่ที่ตำบลเมโซเยีย (Mesoyeia) ในอำเภออัตติกา (Attica) ใกล้กรุงเอเธนส์, อำเภอโบโอเตีย (Boeotia) และ ยูโบอน (Euboean)
ส่วนไวน์แดงเรียกว่า เรด เรตซีนา (Red Retsina) แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับสู้ไวน์ขาว
สหภาพยุโรป (European Union =EU) ได้พิทักษ์คำว่า "Retsina" สำหรับแหล่งผลิตของกรีซเท่านั้น ที่อื่นไม่สามารถใช้คำนี้ได้ แม้จะผลิตด้วยกระบวนการเดียวกันก็ตาม เช่น ในรัฐเซาท์ ออสเตรเลีย ประเทศออสเตรเลีย มีการผลิตไวน์ชื่อ เรซีนาเต็ด (Resinated) แต่ไม่สามารถใช้คำว่า Retsina ได้
จากปี 2009 ถึง 2016 ตลาดไวน์กรีซในหลาย ๆ ประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ โตขึ้นถึง 81.6% ในแคนาดาเพิ่มขึ้น 90.7% แม้แต่ในออสเตรเลียแหล่งผลิตไวน์แท้ ๆ ยังเติบโตขึ้น 104.9% ขณะที่อีก 2 ชาติพุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาลคือญี่ปุ่นโตขึ้นถึง 562% และจีน 555.9%
ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะราคาที่ไม่สูงเมื่อเทียบกับคุณภาพ เช่นในสหรัฐฯ ราคาเฉลี่ยลิตรละประมาณ 2.80 - 4.40 ยูโร ส่วนในจีนราคาไวน์กรีซเมื่อปี 2009 เฉลี่ยลิตรละ 1.75% เมื่อถึงปี 2016 ราคาเฉลี่ยลิตรละ 4 ยูโร ซึ่งถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพ
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของ National Inter-Professional Organisation of Vine and Wine of Greece (EDOAO) บอกว่า ไวน์กรีซ 84% ส่งขายในสหภาพยุโรปหรืออียู (EU)
ดารา นักร้อง ที่เคยนำเข้าไวน์กรีซ
ในยุคที่ไวน์กำลังเฟื่องฟูในบ้านเรา ประมาณ พ.ศ.2537- 2539 เคยมีการนำไวน์กรีซเข้ามาขายชื่อ คาวา ซานทาลิส (Cava Tsantalis) บริษัทที่นำเข้าเป็นของนักร้องติ๊ก ชีโร่ รสชาติดีมาก ใช้องุ่นพื้นเมือง ซีนอมาฟโร (Xynomavro) กับ กาแบร์กเนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) โดย คำว่า Cava หมายถึงไวน์ที่ต้องบ่มอย่างน้อย 3 ปี และบ่มในถังไม้โอ๊คอีก 6-12 เดือน
อีกยี่ห้อหนึ่งที่เคยมีผู้นำเข้าคือ ชาโต คาร์ราส (Chateau Carras) ที่ใช้กาแบร์กเนต์ โซวีญยอง (Cabernet Sauvignon) กับกาแบร์กเนต์ ฟรอง (Cabernet Franc) ในอัตรา 50-50 % นายจอห์น คาร์ราส (John Carras) ชาวมาซีโดเนีย เจ้าของชาโตแห่งนี้ ได้ชื่อว่าเป็นผู้กรุยทางให้ ไวน์กรีซ สู่ยุคใหม่ในช่วงทศวรรษ 1960
ต่อมาได้ทำไวน์ฉลาก 2 ชื่อ โดเมน คาร์ราส (Domaine Carras) เป็นไวน์ที่อร่อยมาก เจอที่ไหนรีบคว้าเลย..
ทางด้านพันธุ์องุ่นของกรีซ ซึ่งออกเสียงยากสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยและเป็นองุ่นพื้นเมืองเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่องุ่นสายพันธุ์คลาสสิกจากฝรั่งเศสก็มีการปลูกด้วยเช่นกัน
องุ่นพันธุ์พื้นเมืองของกรีซที่น่าทำความรู้จักเช่น อายกริออร์ยีติโก (Agiorghitiko / Aghiorghitiko) หรือ มาฟโร เนแมส (Mavro Nemeas) เป็นองุ่นแดงปลูกแพร่หลายในเขตคาบสมุทรเปโลปอนเนส (Peloponnese) ทางตอนใต้ของกรีซ ใช้ทำไวน์หลายสไตล์ตั้งแต่ไวน์แดงรสนุ่มนวล ไวน์แดงฟูลบอดี้ และโรเซฟรุตตี้
โดยอายกริออร์ยีติโกคุณภาพดีเยี่ยมจะมาจากพื้นที่อากาศเย็น เช่น คูตซี (Koutsi) และอาสโปรคัมโบส แวลลีย์ (Asprokambos Valley) ในเขตเนแม (Nemea)
ไวน์ AOC Nemea
อายกริออร์ยีติโก เป็น1 ใน 2 พันธุ์องุ่นที่กรีซผลิตส่งออกตลาดต่างประเทศ อีกพันธุ์หนึ่งคือ ซีโรมาฟโน (Xynomavro)
ที่สำคัญ ไวน์ที่ผลิตจากองุ่น อายกริออร์ยีติโก เท่านั้น ที่อนุญาติให้ระบุ AOC Nemea ซึ่งเป็นเขตผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงของกรีซ อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของคาบสมุทรเปโลปอนเนส (Peloponnese) นั่นเอง
องุ่นอาซซีร์ตีโก
ส่วนองุ่นเขียวที่น่าสนใจคือ อาซซีร์ตีโก (Assyrtiko) เป็นองุ่นเขียวที่สำคัญที่สุดของกรีซ และเป็นองุ่นอเนกประสงค์ทำไวน์ดรายหรือหวานก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้จะสุกเต็มที่ แต่แอสิดยังค่อนข้างสูง ลักษณะคล้ายกับรีสลิ่ง (Riesling)
"อาซซีร์ตีโก" เป็นองุ่นโบราณบางแห่งต้นองุ่นอายุกว่า 80 -100 ปี เนื่องจากเป็นองุ่นที่รอดพ้นจากการกัดกินของฟีลล็อกซีราที่ทำลายต้นองุ่นในยุโรปแทบราบเรียบในช่วงศตวรรษที่ 18
ดังนั้นต้นที่ปลูกอยู่ในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นต้นจริง ไม่ได้ติดต่อตาเหมือนพันธุ์อื่นๆ นิยมปลูกตามเกาะต่าง ๆ โดยเฉพาะเกาะซานโตรินี (Santorini) ที่ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไปทางใต้ประมาณ 200 กิโลเมตร ซึ่งดินส่วนใหญ่มีส่วนผสมของลาวาและเถ้าภูเขาไฟ
การดื่ม ไวน์กรีซ อย่านำไปเปรียบกับชาติยุโรปอย่างฝรั่งเศส อิตาลี สเปน เยอรมนี ฯลฯ เพราะสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ให้คิดว่า "ดื่มไวน์กรีซเสมือนดื่มด่ำอารยะธรรมโบราณ" เท่านั้น ไวน์จะอร่อย !







