บทเรียนจากการทดลองยาเพื่อยืดอายุสุนัข

26 ก.พ.ที่ผ่านมา Loyal ซึ่งเป็นสตาร์ตอัปที่กำลังทำการทดลองยาเพื่อยืดอายุสุนัขแถลงว่า ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ ให้ทำการทดลองยาเม็ดรสเนื้อวัว LOY-002 เพื่อยืดอายุสุนัขเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี (เทียบเท่ากับยืดอายุมนุษย์ 5-7 ปี)
การอนุมัติดังกล่าวเป็นการอนุมัติแบบมีเงื่อนไข บนความคาดการณ์ว่ายาดังกล่าวน่าจะมีประสิทธิผล (Reasonable expectation of expectedness, RXE)
การอนุมัติดังกล่าวเป็นการอนุมัติครั้งที่ 2 ในครั้งแรกบริษัท Loyal ได้รับอนุมัติให้ทดลองยา LOY-001 ซึ่งเป็นยาฉีดสำหรับสุนัขขนาดใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566
ยา LOY-002 นี้ เป็นยาเม็ดเพื่อทำการทดลองกับสุนัขอายุ 10 ปีขึ้นไป และน้ำหนักตัวตั้งแต่ 14 ปอนด์ขึ้นไป (สุนัขขนาดกลางและขนาดใหญ่) แต่เป็นสุนัขอายุมาก เพราะปกติสุนัขขนาดใหญ่ จะมีอายุค่าเฉลี่ย ( life expectancy) ประมาณ 10-13 ปี แต่สุนัขขนาดเล็ก จะมีอายุยืนกว่าสุนัขขนาดใหญ่ คือจะอายุยืนได้ถึง 15-20 ปี
การทดลองยา LOY-002 นี้จะรับสมัครสุนัขประมาณ 1,000 ตัวที่สหรัฐอเมริกา โดยจะทำการทดลองแบบ Double Blinded Placebo (สุ่มแบ่งสุนัข เป็น 2 กลุ่มเท่าๆ กัน มีสุนัขที่ได้ยาจริงและยาปลอม (placebo) โดยที่ทั้งเจ้าของและผู้ที่แจกยาไม่ทราบว่าสุนัขตัวใดได้ยาจริงหรือยาปลอม) และจะทำการทดลองเป็นเวลานานถึง 4 ปี โดยคาดหวังว่า สุนัขที่ได้รับยา LOY-001 จะมีอายุยืนและมีสุขภาพที่แข็งแรงยาวนานกว่าสุนัขที่ได้รับยาปลอมอย่างน้อย 1 ปี
ก่อนหน้านี้ ในปี 2562 มีการทดลองยายืดอายุสุนัขอีกการทดลองหนึ่งชื่อ Dog Aging Project ที่ได้รับงบประมาณ 29 ล้านดอลลาร์จาก National Institute of Health (NIH) ของสหรัฐ โดยผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยวอชิงตันและ Texas A&M โดยเปิดเผยว่า จะให้ยา Rapamycin ในระดับต่ำให้กับสุนัข แต่ต่อมาได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นอีก 7 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มจำนวนสุนัขที่เข้าร่วมให้มีทั้งหมด 580 ตัว
คาดว่าจะเริ่มงานวิจัยดังกล่าวได้ประมาณกลางปีหน้า ทั้งนี้ กำหนดเวลาทดลอง 3 ปี ในกรณีนี้ จะคัดเลือกสุนัขอายุ 7 ปีหรือมากกว่า และน้ำหนักตัวอย่างน้อย 20 กิโลกรัม แปลว่าจะเป็นสุนัขที่ตัวค่อนข้างใหญ่มาก
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับนำมาใช้เป็นแนวทางในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการมีอายุยืน (หรือไม่ยืน) ของมนุษย์ กล่าวคือ ผมมีข้อสังเกตดังนี้
1.การทดลองยาเพื่อยืดอายุสุนัขนี้ น่าจะมีการทำกันมากขึ้นไปอีกในอนาคต เนื่องจากมีเจ้าของสุนัขจำนวนมากที่พร้อมจะให้ความร่วมมือ และต้นทุนในการทำการทดลองจะต้องต่ำกว่าการทดลองในมนุษย์อย่างมาก
เพราะสุนัขอายุยืนเพียง 15 ปี เทียบกับมนุษย์อายุยืน 75 ปีและกฎระเบียบต่างๆ สำหรับการทดลองยายืดอายุสำหรับสุนัขย่อมจะมีความเข้มงวดน้อยกว่าสำหรับมนุษย์อย่างมาก ปัจจุบันยังไม่มีการทดลองเช่นว่านี้สำหรับมนุษย์เลย
2.สุนัขกับมนุษย์นั้น ดีเอ็นเอเหมือนกันประมาณ 84% ใกล้เคียงกับหนูทดลอง แต่สุนัขนั้นใช้ชีวิตทุกที่อยู่กับมนุษย์กินอาหารและมีกิจกรรมใกล้เคียงกับมนุษย์ จึงจะมีความใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่าหนูทดลองอย่างมาก
3.สุนัขมีปัญหาสุขภาพตอนสูงอายุไม่แตกต่างจากมนุษย์ เช่น เป็นโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ฯลฯ
การทำการทดลองยาเพื่อยืดอายุสุนัขนั้น จึงน่าจะทำได้สำเร็จง่ายกว่า และรวดเร็วกว่า การทำการทดลองกับมนุษย์อย่างที่เทียบกันไม่ได้
ที่สำคัญคือเมื่อทำสำเร็จแล้วคือ สมมุติว่ายาดังกล่าวยืดอายุสุนัขได้จริง ก็น่าจะให้ผลตอบแทนในเชิงของกำไรสำหรับเจ้าของยาได้ทันที (แตกต่างจากการทำยาเพื่อยืดอายุชีวิตหนูทดลอง) แต่แน่นอนว่าน่าจะเป็นการปูทางไปสู่การพัฒนายาดังกล่าว เพื่อนำไปใช้กับมนุษย์ได้อีกด้วย
ประเด็นที่น่าสนใจต่อมาคือ ยาที่ว่านี้คือยาอะไร และทำไมจึงจะสามารถทำให้อายุยืนได้ ในกรณีของยาของบริษัท Loyal นั้น แน่นอนว่าไม่มีการให้รายละเอียด เพราะต้องการปิดเป็นความลับสุดยอด
แต่ในกรณีของงานวิจัยของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และ Texas A&M ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก NIH นั้น ได้เปิดเผยตลอดมาว่าจะใช้ยา Rapamycin ในโดสต่ำอย่างต่อเนื่อง
สำหรับยา LOY-002 ของบริษัท Loyal นั้น ผมคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นยาประเภท Rapamycin เช่นกัน โดย Rapamycin เป็นยากดภูมิคุ้มกันใช้สำหรับคนที่ปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น การปลูกถ่ายไต คำถามคือทำไมยากดภูมิคุ้มกันจึงจะมีศักยภาพในการทำให้สุขภาพดี ปราศจากโรค เช่น โรคหัวใจ และทำให้อายุยืนยาวขึ้นอย่างมีคุณภาพ
เรื่องนี้ขอขยายความในตอนต่อไปครับ