นายแพทย์ใหญ่สหรัฐเตือนความเสี่ยงเป็นมะเร็งจากสุรา

ว่า การดื่มสุราพอประมาณ (ไม่เกิน 1 แก้วต่อวันสำหรับผู้หญิง และไม่เกิน 2 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย) จะไม่เป็นภัยอันตราย และอาจเป็นประโยชน์ด้วยสำหรับการดื่มไวน์แดง (ที่มีสาร Resveratrol)

นายแพทย์ใหญ่สหรัฐระบุว่า ได้มีการค้นพบว่าการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เป็นโรคมะเร็งมานานกว่า 40 ปีแล้ว และในช่วงที่ผ่านมา ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็นับวันจะมีแต่ชัดเจนยิ่งขึ้น

กล่าวคือ สามารถสรุปได้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์นั้นเป็นสาเหตุ (causal relationship) ของการเป็นมะเร็งอย่างน้อย 7 ชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านมในสตรี มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งช่องปาก มะเร็งลำคอ และมะเร็งกล่องเสียง 

และที่สำคัญคือ ความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งที่เต้านม ปากและลำคอนั้น นายแพทย์ใหญ่สหรัฐ ประเมินว่า อาจเกิดขึ้นได้ จากการดื่มแอลกอฮอล์น้อยกว่า 1 แก้วต่อวัน นอกจากนั้นยังมีงานวิจัยที่พบว่า การดื่มแอลกอฮอล์ 3 แก้วต่อวันหรือมากกว่า จะทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในกระเพาะอาหาร ตับอ่อน

ก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกที่ยุโรปได้ออกมารณรงค์ให้ผู้หญิงดื่มสุราน้อยลง เพราะพบว่าผู้หญิงที่ยุโรปเริ่มเป็นมะเร็งที่เต้านมเพิ่มขึ้นอย่างมากเพราะการดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะการดื่มไวน์ ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในยุโรป

ดังนั้น คำแนะนำอย่างเป็นทางการของสหรัฐ ณ วันนี้คือ ผู้ใหญ่ที่อายุ 21 ปีหรือมากกว่า ที่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างถูกกฎหมาย ควรตัดสินใจที่จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็ได้

หรือหากจะดื่มก็ควรดื่มอย่างจำกัดและระมัดระวัง คือ 2 แก้วหรือน้อยกว่าต่อวันสำหรับผู้ชาย และ 1 แก้วหรือน้อยกว่าต่อวันสำหรับผู้หญิง และไม่ได้มีการกล่าวว่า การดื่มแอลกอฮอล์ประเภทหนึ่งประเภทใด จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

๐ ตัวเลขเกี่ยวกับอันตรายจากการเป็นมะเร็งจากการดื่มแอลกอฮอล์

ที่สหรัฐอเมริกานั้น การดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุลำดับต้นๆ (leading cause) ของการทำให้เป็นโรคมะเร็งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ กล่าวคือ พบว่า ในปี 2562 มีคนที่เป็นโรคมะเร็งจากการดื่มสุรา 96,730 คน

ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย คือผู้หญิง 54,330 คน และผู้ชาย 42,400 คน สาเหตุหลักคือ ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง กล่าวคือ เป็นมะเร็งเต้านมมากถึง 44,180 คน ซึ่งผมเชื่อว่า หลายคนจะไม่ได้รับรู้ถึงข้อมูลที่สำคัญชิ้นนี้

จากจำนวนผู้ที่ “เป็น” มะเร็งเกือบ 100,000 คนต่อปีนั้น ก็มีผู้ที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งที่มีสาเหตุมาจากการดื่มสุราประมาณ 20,000 คนต่อปี

โดยนายแพทย์ใหญ่สหรัฐคำนวณออกมาว่า คนที่เสียชีวิตจากโรคมะเร็งดังกล่าวนั้น ทำให้อายุสั้นลงไปประมาณ 15 ปี โดยสำหรับผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์ และเป็นมะเร็งจนเสียชีวิตนั้นจะเสียชีวิตจากมะเร็งที่เต้านมมากถึง 60% สำหรับผู้ชายนั้น จะเสียชีวิตจากมะเร็งที่ตับ 33% และมะเร็งที่ลำไส้ 21%

นอกจากนั้นยังมีการประเมินอีกด้วยว่า แม้จะดื่มสุราในปริมาณที่แนะนำ (คือ 1 แก้วหรือน้อยกว่าต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 2 แก้วหรือน้อยกว่าสำหรับผู้ชาย) แต่ก็จะยังมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งอยู่ดี (ดังปรากฏในตาราง)

ดังนั้น จึงได้มีข้อเสนอให้ติดป้ายตักเตือนประชาชน ถึงความเสี่ยงของการดื่มแอลกอฮอล์บนขวดสุรา ซึ่งผมเชื่อว่า คงจะยังถูกต่อต้านอย่างแข็งขันจากผู้ที่จำหน่ายสุรา ก็ยังจะมีคนอีกจำนวนมากที่จะยังไม่เชื่อว่าการดื่มสุราในปริมาณที่จำกัดจะเป็นภัยอันตราย

ทั้งนี้ ในสหรัฐนั้นได้ทำการสำรวจการรับรู้ของประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้และพบว่า ผู้ใหญ่เพียง 45% เท่านั้นที่รับรู้ว่าการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดโรคมะเร็ง เทียบกับ 89% ที่รู้ว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง

ทำไมแอลกอฮอล์จึงทำให้เกิดโรคมะเร็ง นายแพทย์ใหญ่สหรัฐกล่าวว่า มีอย่างน้อย 4 สาเหตุคือ

1.แอลกอฮอล์จะแยกตัวออกมาเป็น acetaldehyde เมื่อเข้าไปในร่างกายของผู้ดื่ม สารนี้จะเข้าไปทำลายดีเอ็นเอของเซลล์ เมื่อดีเอ็นเอได้รับความเสียหาย ก็ย่อมจะไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน แต่ที่สำคัญคือ จะทำให้เซลล์กลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้

2.แอลกอฮอล์ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ (reactive oxygen species หรือ free radicals) ซึ่งจะทำให้เกิดการอักเสบ (inflammation) อันจะนำไปสู่การทำให้ทั้งดีเอ็นเอ และโปรตีนได้รับความเสียหายในอีกด้านหนึ่งด้วย

3.แอลกอฮอล์กระตุ้นฮอร์โมน estrogen ในผู้หญิงที่ดื่มสุรา ซึ่งพบว่า เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดมะเร็งในเต้านมผู้หญิง

4.สารที่ทำให้เกิดมะเร็งจากแหล่งอื่นๆ เช่น การสูบบุหรี่ จะละลายตัวลงไปในแอลกอฮอล์ กล่าวคือ แอลกอฮอล์จะเป็นพาหะนำเอาสารที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เข้าไปในเซลล์ในจำนวนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จะรวมถึงการเป็นพาหะให้กับสารก่อมะเร็งอื่นๆ เช่นที่เกิดจากอากาศ หรือแม้กระทั่งการเป็นโรคอ้วนด้วย

ในปี 2563 องค์การอนามัยโลกประเมินว่ามีคนเป็นโรคมะเร็งจากการดื่มสุราประมาณ 741,300 คนครับ