ปี 2569 เมื่อการลงทุนผันผวน “การจัดพอร์ต” จึงสำคัญกว่าการเลือกหุ้น

ในปี 2569 ที่ตลาดเผชิญความไม่แน่นอนสูง การสร้างพอร์ตการลงทุนที่ยืดหยุ่นและทนทาน (Resilience Portfolio) ผ่านการผสมผสานสินทรัพย์ที่เหมาะสม มีความสำคัญกว่าการพยายามจับจังหวะตลาดหรือเลือกหุ้นรายตัว
KEY
POINTS
- ในปี 2569 ที่ตลาดเผชิญความไม่แน่นอนสูง การสร้างพอร์ตการลงทุนที่ยืดหยุ่นและทนทาน (Resilience Portfolio) ผ่านการผสมผสานสินทรัพย์ที่เหมาะสม มีความสำคัญกว่าการพยายามจับจังหวะตลาดหรือเลือกหุ้นรายตัว
- การจัดพอร์ตเปรียบเหมือนการสร้างบ้าน โดยต้องเริ่มจาก "ฐานที่มั่นคง" ด้วยสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำอย่างพันธบัตรหรือกองทุนตราสารหนี้ เพื่อลดความผันผวนและรักษาเงินต้น
- สร้าง "แกนกลางของพอร์ต" (Core Portfolio) ด้วยหุ้นพื้นฐานดีที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอ หรือใช้กองทุนรวมและ ETF เพื่อการเติบโตในระยะยาวและกระจายความเสี่ยง
- เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนและลดการพึ่งพาตลาดเดียวด้วยการลงทุนในต่างประเทศผ่านเครื่องมืออย่าง DR (ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ) ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนต่อขยาย (Satellite) ของพอร์ต
- ใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง เช่น Inverse ETF หรือ Put Options เป็นเหมือน "ประกันภัย" ให้กับพอร์ต เพื่อช่วยชดเชยผลขาดทุนในช่วงที่ตลาดปรับตัวลงโดยไม่ต้องรีบขายสินทรัพย์หลัก
- ความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกหุ้นที่เก่งที่สุด แต่มาจากการจัดสรรสินทรัพย์ในพอร์ตให้ทำงานร่วมกันอย่างสมดุลเพื่อรับมือกับความผันผวน
ปี 2569 เป็นอีกปีที่นักลงทุนต้องเผชิญความไม่แน่นอนรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจโลก นโยบายประเทศมหาอำนาจ ความผันผวนของการเมืองในประเทศ และค่าเงินบาทที่แกว่งตัวแรง ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ การลงทุนด้วยการ “ทายดัชนี” หรือฝากความหวังไว้กับสินทรัพย์เพียงตัวเดียว อาจกลายเป็นความเสี่ยงที่สูงเกินจำเป็น จนทำให้ลังเลว่า “สถานการณ์แบบนี้ เหมาะจะลงทุน หรือ เริ่มลงทุนหรือไม่?”
คำตอบคือ ไม่จำเป็นต้องรอให้ทุกอย่างดูดี เพราะในโลกการลงทุน ช่วงเวลาที่ทุกอย่างชัดเจน ราคาก็มักจะปรับตัวขึ้นไปแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าจังหวะตลาด คือ การออกแบบพอร์ตการลงทุนให้ยืดหยุ่นและทนทาน (Resilience Portfolio) ด้วยการผสมผสานสินทรัพย์ลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อให้พอร์ตสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในหลายสภาวะตลาด เพื่อให้เข้าใจง่าย ลองเปรียบการจัดพอร์ตเหมือนกับ “การสร้างบ้าน” ที่ต้องค่อยๆ สร้างจากฐานรากขึ้นไปอย่างเป็นระบบ
บ้านที่แข็งแรงต้องเริ่มจาก “ฐานที่มั่นคง” ในพอร์ตการลงทุนจึงควรมีสินทรัพย์ที่ช่วยลดความผันผวน เช่น “พันธบัตร หรือ กองทุนตราสารหนี้” ทำหน้าที่เป็นฐานรองรับความเสี่ยง รักษาเงินต้นและสร้างรายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอ ช่วยให้อุ่นใจได้ว่า แม้ในยามที่ตลาดผันผวน เงินลงทุนส่วนหนึ่งจะยังคงมีเสถียรภาพ ด้วยเหตุนี้ พันธบัตรจึงเปรียบเสมือนพื้นดินและตอม่อที่รองรับน้ำหนักของบ้านทั้งหลัง
เมื่อมีฐานที่มั่นคงแล้ว พอร์ตควรมี “หุ้นพื้นฐานดี” มีโมเดลธุรกิจแข็งแรง และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ทำหน้าที่เป็นแหล่งรายได้หลักและ “แกนกลางของพอร์ต (core portfolio)” เพื่อสร้างโอกาสเติบโตและกระแสเงินสดในระยะยาว หุ้นกลุ่มนี้เปรียบเสมือนโครงสร้างหลักของบ้าน ที่ช่วยให้พอร์ตเติบโตไปพร้อมเศรษฐกิจ สำหรับผู้เริ่มต้น การเลือกลงทุนผ่านหุ้นปันผล หรือการลงทุนที่ช่วยกระจายความเสี่ยงตั้งแต่แรก เช่น กองทุน และ ETF ซึ่งจะช่วยลดภาระในการตัดสินใจและความกดดันจากความผันผวนรายวัน
นอกจากหุ้นในประเทศ ผู้ลงทุนยังสามารถเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนด้วยการลงทุนในหุ้นต่างประเทศหรือธีมการลงทุนระดับโลก ผ่านเครื่องมืออย่าง “DR (ตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ)” ซึ่งช่วยให้เข้าถึงบริษัทชั้นนำทั่วโลกได้ด้วยเงินลงทุนไม่สูง ส่วนนี้ทำหน้าที่เหมือนการต่อเติมบ้าน หรือที่เรียกว่า “Satellite” ที่จะช่วยเพิ่มผลตอบแทนและมูลค่าให้พอร์ตในระยะยาว ทั้งยังลดการพึ่งพาตลาดใดตลาดหนึ่งมากเกินไป ซึ่งปัจจุบัน DR ที่สามารถซื้อขายได้ในตลาดหุ้นไทยมีมากกว่า 200 หลักทรัพย์ ครอบคลุมทั้งตลาดอเมริกา เอเชีย ยุโรป ตอบโจทย์เทรนด์เทคโนโลยีและเมกะเทรนด์สำคัญของโลก
แม้จะออกแบบและสร้างบ้านออกมาได้แข็งแรงทนทานรองรับได้ทุกสถานการณ์แค่ไหน การทำประกันภัยให้กับบ้านก็ยังมีความสำคัญ เช่นเดียวกับโลกการลงทุน แม้พอร์ตจะถูกออกแบบมาอย่างดี แต่ตลาดก็ยังมีช่วงขาลง “เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงอย่าง Inverse ETF หรือ Put Options ใน TFEX (ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า)” สามารถทำหน้าที่นี้ได้ การใช้เครื่องมือเหล่านี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเก็งกำไร แต่เป็นการใช้เงินเพียงส่วนน้อยเพื่อคุ้มครองพอร์ตหลัก หากตลาดปรับตัวลง มูลค่าหุ้นอาจลดลงบางส่วน แต่กำไรจากเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้จะเข้ามาช่วยชดเชย ทำให้ผู้ลงทุนสามารถถือสินทรัพย์ดีๆ ผ่านช่วงผันผวนไปได้โดยไม่ต้องรีบขายขาดทุน
ท้ายที่สุด ความสำเร็จของการลงทุนไม่ได้อยู่ที่ว่าใครเลือกหุ้นเก่งที่สุด แต่อยู่ที่ใครสามารถจัดพอร์ตให้ทำงานร่วมกันได้อย่างสมดุล กระจายการลงทุนให้แต่ละสินทรัพย์มีหน้าที่ชัดเจน คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดภายใต้โลกการเงินที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นสร้างพอร์ตลงทุนในปี 2569 ไม่จำเป็นต้องเริ่มด้วยเงินก้อนใหญ่ การค่อยๆ เริ่มต้นด้วยเงินจำนวนไม่มาก เรียนรู้พฤติกรรมตลาด และปรับพอร์ตตามประสบการณ์ คือวิธีที่ปลอดภัยและยั่งยืน โดยผู้ที่สนใจสามารถศึกษาวิธีเริ่มลงทุน การวางแผนจัดพอร์ตทางเลือกและเครื่องมือการลงทุนต่างๆ เพิ่มเติม ได้ที่www.setinvestnow.comแหล่งรวมความรู้การลงทุนที่ครบครันสำหรับทุกคน







