2026 Investment Outlook: ลงทุนอย่างไร...เมื่อโลกเคลื่อนสู่ยุค Physical AI

ปี 2026 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ขับเคลื่อนโดย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ Physical AI, คลื่นเงินลงทุนภาครัฐ และภูมิรัฐศาสตร์โลกที่แบ่งขั้ว ซึ่งสร้างโอกาสการลงทุนใหม่ในโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และความมั่นคง AI ได้เข้าสู่ยุคที่สร้างผลกำไรได้จริง ทำให้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ AI เช่น Data Center, พลังงาน และเซมิคอนดักเตอร์ เป็นโอกาสการลงทุนระยะยาว
KEY
POINTS
- ปี 2026 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างที่ขับเคลื่อนโดย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ Physical AI, คลื่นเงินลงทุนภาครัฐ และภูมิรัฐศาสตร์โลกที่แบ่งขั้ว ซึ่งสร้างโอกาสการลงทุนใหม่ในโครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และความมั่นคง
- AI ได้เข้าสู่ยุคที่สร้างผลกำไรได้จริง ทำให้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ AI เช่น Data Center, พลังงาน และเซมิคอนดักเตอร์ เป็นโอกาสการลงทุนระยะยาว
- กลยุทธ์การลงทุนในหุ้น ควรกระจายการลงทุนจากหุ้นสหรัฐฯ ที่ราคาสูงขึ้น ไปยังภูมิภาคอื่นที่มีโอกาสเติบโต เช่น ญี่ปุ่น, ยุโรป, เกาหลี, เวียดนาม รวมถึงหุ้นขนาดเล็กในสหรัฐฯ (US Small-cap)
- ในส่วนของตราสารหนี้ ควรเน้นลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพสูงที่มีอายุสั้น (Short-duration, High Quality Credit) ซึ่งให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลและความเสี่ยงต่ำกว่า ขณะที่ควรระมัดระวังพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว
- ธีมการลงทุนที่น่าสนใจในปี 2026 ได้แก่ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน AI (พลังงานและ Data Center), ความมั่นคงและการป้องกันประเทศ และทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความผันผวน
ปี 2026 ปีแห่งการ “เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง” ครั้งใหญ่ในรอบทศวรรษ เมื่อโลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วย 3 แรงส่งทรงพลัง: AI ที่จับต้องได้จริง (Physical AI) คลื่นเงินลงทุนภาครัฐขนานใหญ่ และภูมิรัฐศาสตร์โลกที่แบ่งขั้ว ภายใต้ความผันผวนนี้กลับซ่อนโอกาสการลงทุนระลอกใหม่ที่ไม่ได้จำกัดแค่หุ้นเทคโนโลยี แต่กระจายไปสู่โครงสร้างพื้นฐาน พลังงาน และความมั่นคง ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีโอกาสทำกำไรได้
AI เข้าสู่ยุค “ทำกำไรของจริง” (Physical AI & Hard Returns)
AI ได้ก้าวข้ามผ่านช่วง 'ขายฝัน' เข้าสู่ยุคแห่งการ 'ทำกำไรจริง' โดยยกระดับสถานะจากเพียงเทคโนโลยีทางเลือก สู่การเป็น 'ปัจจัยการผลิตหลัก' ที่กำลังปฏิวัติโครงสร้างอุตสาหกรรมทั่วโลก ตั้งแต่ Data Center, พลังงาน, เซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึง Healthcare และอื่นๆ นี่ไม่ใช่เพียงกระแสระยะสั้น แต่คือการลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจยุคใหม่ ที่เปิดโอกาสให้เงินลงทุนเติบโตได้ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ในมุมมองความเสี่ยง ตลาดกำลังแบกรับความคาดหวังที่สูงลิ่ว (High Expectations) ซึ่งหากการนำ AI ไปประยุกต์ใช้จริง (Adoption) เกิดขึ้นช้ากว่ากำหนด หรือสร้างผลกำไรได้ไม่คุ้มค่าการลงทุน ก็อาจกลายเป็นแรงกดดันย้อนกลับได้เช่นกัน
Macro Policy ภาครัฐเดินหน้าอัดฉีด และเงินเฟ้อไม่ลงง่าย
มหาอำนาจเศรษฐกิจโลกกำลังขับเคลื่อนด้วยพลังจากนโยบายการคลัง (Fiscal Power) ขนานใหญ่ เริ่มจาก สหรัฐฯ ที่ได้รับแรงส่งจากกฎหมาย “One Big Beautiful Bill Act” (OBBBA) ซึ่งเน้นมาตรการลดภาษีและจูงใจการลงทุน เพื่อดึงเม็ดเงินกลับประเทศ และกระตุ้นการจ้างงาน ทางฝั่ง ยุโรป ได้รับแรงหนุนจากการปฏิรูปการคลัง (Fiscal Reset) ครั้งประวัติศาสตร์ของเยอรมนี ที่เตรียมอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 5 แสนล้านยูโร เพื่อยกเครื่องโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคง ขณะที่ ญี่ปุ่น กำลังเข้าสู่วงจรเศรษฐกิจขาขึ้น จากนโยบายรัฐที่สนับสนุนภาคครัวเรือนควบคู่กับค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น คลื่นเงินลงทุนภาครัฐเหล่านี้คือกุญแจสำคัญที่จะจุดชนวนรอบการลงทุนใหม่ในหลายอุตสาหกรรม และเป็น Tailwind ที่นักลงทุนสามารถตามรอยได้
Geopolitics: กระแสโลกแบ่งขั้ว โอกาสในความขัดแย้ง
กระแสโลกแบ่งขั้วที่บีบให้แต่ละประเทศต้องเร่งสร้างความมั่นคงผ่านระบบนิเวศของตนเอง ได้ก่อให้เกิดการย้ายฐานการผลิตครั้งใหญ่เพื่อลดความเสี่ยง (De-risking) สิ่งนี้จุดชนวน ‘คลื่นการลงทุนลูกใหม่’ (New Investment Wave) ที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีพลังงานสะอาด นิวเคลียร์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ (Defense) พร้อมเปิดโอกาสมหาศาลให้กับกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากกระแส Friend-shoring โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ต้นน้ำอย่างเซมิคอนดักเตอร์และแร่ธาตุหายาก (Rare Earth)
Investment Strategy: จัดพอร์ตอย่างไรในปี 2026?
เมื่อทั้ง 3 ปัจจัยเกิดขึ้นพร้อมกัน ปี 2026 จึงเป็นปีที่เต็มไปด้วยโอกาสลงทุนที่มาจากการเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจโลก มองว่าหุ้นสหรัฐฯยังดูดี แต่ความคุ้มค่าเริ่ม “ตึง” มากขึ้นเรื่อย ๆ ควรกระจายบางส่วนไปสู่หุ้นภูมิภาคอื่น ได้แก่ ญี่ปุ่น ยุโรป เกาหลี เวียดนาม รวมถึงกลุ่ม US Small-cap ที่ราคาไม่แรงเท่าหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ และมักฟื้นตัวในช่วงที่ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง
สำหรับตราสารหนี้โลกมองว่าเป็นยุคทองยังไม่จบ โดยเฉพาะตราสารที่มี duration สั้น และ High Quality Credit คาดว่ายังให้ผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลและเสี่ยงต่ำกว่า ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลระยะยาวต้องระวังมากขึ้นเพราะหนี้สาธารณะทั่วโลกสูงขึ้น ซึ่งทำให้ความเสี่ยงด้านเสถียรภาพตลาดพันธบัตรสูงกว่ารอบก่อนๆ
มีหลายธีมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะที่เสริมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับ AI (พลังงานและ Data Center) ความมั่นคงทางการเมือง–การทหาร และยังมองบวกกับ ทองคำ เพราะเป็นกันชนหลักของพอร์ตในช่วงที่เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง และอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯมีแนวโน้มปรับตัวลดลง
ปี 2026 เป็นปีที่ต้อง “เลือกเฟ้น” มากกว่า “ตามน้ำ” โอกาสจะเกิดในกลุ่มที่เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างโลก ตั้งแต่ AI Infrastructure พลังงาน การป้องกัน และทองคำในฐานะแหล่งพักความเสี่ยงในยุคที่โลกแกว่งแรงกว่าเดิม







