ตลาดหุ้นไทยเดือนส.ค. 68 เข้าสู่โหมดพักฐาน

ตลาดหุ้นไทยเดือนส.ค. 68 เข้าสู่โหมดพักฐาน

หลักทรัพย์บัวหลวง มองว่า “การปรับฐานเป็นจังหวะสะสม” โดยคาดว่าไตรมาส 3 ปี 2568 จะเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทย สะท้อนผลกระทบเต็มที่จากมาตรการภาษี ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 เป็นต้นไปสู่ปี 2569 หากความเสี่ยงทางการเมืองไม่ลุกลาม และมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ไม่กระทบรุนแรงกว่าคาด เราคาดว่าตลาดจะค่อย ๆ ฟื้นตัวสู่เป้าหมาย SET Index สิ้นปี ในกรอบ 1,280 (กรณีฐาน) เราคาดว่าการนำตลาดรอบนี้จะมาจาก หุ้น Global Play ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก มากกว่าหุ้น Domestic Play ที่ยังเผชิญแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศ

KEY

POINTS

  • หลังจากดัชนี SET ปรับตัวขึ้นแรงในเดือนก.ค. ตลาดในเดือนส.ค. มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบมากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนต้องประเมินผลกระทบที่แท้จริงจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ
  • แรงส่งทางเศรษฐกิจจากการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าและการเร่งสต็อกที่เคยหนุนการส่งออกมีแนวโน้มชะลอตัวลง
  • ปัจจัยในประเทศยังคงเปราะบาง ทั้งการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนที่สูง และการแข่งขันจากสินค้าจีน ซึ่งจำกัดการปรับขึ้นของตลาด (upside) ในระยะสั้น
  • นักวิเคราะห์มองว่าการปรับฐานนี้เป็น "จังหวะสะสม" โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 ปี 2568 ก่อนจะเริ่มฟื้นตัว

ตลาดหุ้นไทย (Thai Equities) ในเดือนก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ดัชนี SET พุ่งขึ้นจากความคาดหวังต่อข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ - ไทย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเพิ่มเติมบรรยากาศในประเทศดีขึ้นหลังความตึงเครียดทางการเมืองผ่อนคลาย และการแต่งตั้ง “วิทัย รัตนากร” เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ สร้างความหวังต่อท่าทีด้านนโยบายการเงินที่ Proactive มากขึ้น

โดยกลุ่มหุ้นที่โดดเด่น ได้แก่ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แรงหนุนจากความต้องการที่เกี่ยวข้องกับ AI/ศูนย์ข้อมูล และความชัดเจนด้านภาษีสหรัฐฯ, กลุ่มขนส่ง รับอานิสงส์จากนโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้าแบบเหมาจ่ายและแผนปรับขึ้น PSC, กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้แรงหนุนจากราคาปูนซีเมนต์ที่สูงขึ้น, การคาดหวังการลดอัตรา Repo ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงิน ขณะที่กลุ่มค้าปลีกมีกำไรผสมผสาน ความเสี่ยงด้านกัมพูชามีจำกัด เนื่องจากสัดส่วนกำไรจากกัมพูชาต่ำ 

ตลาดหุ้นไทยเดือนส.ค. 68 เข้าสู่โหมดพักฐาน

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนส.ค. 68 หลังจากที่ดัชนี SET ปรับตัวขึ้นแรงในเดือนก.ค. จากระดับ Valuation ที่ต่ำระดับวิกฤติ ผสานกับความคาดหวังความคืบหน้าของข้อตกลงภาษีระหว่างประเทศ, สัญญาณบวกทางการเมืองภายในประเทศ และความหวังต่อนโยบายการเงินเชิงรุกจากผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ เรามองว่าในเดือนส.ค. ตลาดอาจเข้าสู่ “โหมดพักฐาน” โดยมีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบมากขึ้น จากความจำเป็นที่นักลงทุนต้องประเมิน “ความจริง” ของผลกระทบทางเศรษฐกิจจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ ที่เริ่มมีผลชัดเจนขึ้น

ในระยะข้างหน้า อาจเริ่มเห็นแรงส่งจากคำสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าและการเร่งสต็อกที่เคยหนุนการส่งออกและกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอลง โดยเฉพาะเมื่อผนวกกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังเปราะบาง ทั้งจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวช้า (นักท่องเที่ยวจีนยังหายไป) และภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่การแข่งขันจากสินค้าราคาถูกของจีนเริ่มกดดันผู้ประกอบการ SME ในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้อาจยังจำกัด “upside” ของตลาดในระยะสั้น

อย่างไรก็ตาม ทีม Wealth Research หลักทรัพย์บัวหลวง มองว่า “การปรับฐานเป็นจังหวะสะสม” โดยคาดว่าไตรมาส 3 ปี 2568 จะเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทย สะท้อนผลกระทบเต็มที่จากมาตรการภาษี ก่อนจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 เป็นต้นไปสู่ปี 2569 หากความเสี่ยงทางการเมืองไม่ลุกลาม และมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ไม่กระทบรุนแรงกว่าคาด เราคาดว่าตลาดจะค่อย ๆ ฟื้นตัวสู่เป้าหมาย SET Index สิ้นปี ในกรอบ 1,280 (กรณีฐาน) เราคาดว่าการนำตลาดรอบนี้จะมาจาก หุ้น Global Play ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลก มากกว่าหุ้น Domestic Play ที่ยังเผชิญแรงกดดันจากอุปสงค์ในประเทศ

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน Selective Accumulation เน้นหุ้นที่มีคุณสมบัติครบ 3 ประการ ได้แก่ 1. คาดการณ์กำไรเติบโตในไตรมาส 2 ปี 68 และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อในไตรมาส 3 ปี 68 2. ไม่มีการปรับลดประมาณการกำไรอย่างมีนัยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และ 3. มีปัจจัยเฉพาะที่หนุนการฟื้นตัวอย่างชัดเจน

กลุ่มหุ้นแนะนำ เช่น กลุ่มห้างสรรพสินค้า (CPN), กลุ่มค้าปลีกสินค้า IT/สินค้าจำเป็น (COM7, CPALL), กลุ่มปิโตรเคมี/วัสดุก่อสร้าง (PTTGC, SCC), กลุ่มสื่อสาร (ADVANC), กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF), กลุ่มโรงแรมต่างประเทศ (MINT), กลุ่มแพคเกจจิ้ง (SCGP), กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA), กลุ่มเครื่องดื่ม (OSP)