กลยุทธ์การลงทุนฝ่าวิกฤตแฝด

วิกฤติครั้งนี้แม้จะสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น แต่สำหรับนักลงทุนที่มีการเตรียมตัวและกลยุทธ์ที่ชัดเจน กลับเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว ประสบการณ์จากอดีตแสดงให้เห็นว่าตลาดมักจะฟื้นตัวได้หลังจากเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ การเลือกหุ้นแบบเลือกสรรตามกลยุทธ์ Selective Buy การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม

ตลาดการเงินโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติคู่แฝดที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยจากวิกฤติคลิปเสียงมาบรรจบกับการยกระดับความขัดแย้งในตะวันออกกลางหลังสหรัฐอเมริกาโจมตีโรงผลิตนิวเคลียร์อิหร่าน วิกฤตินี้ได้สร้างผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจไทยและตลาดทุนโลก โดยดัชนีหุ้นไทยดิ่งสู่จุดต่ำสุดในรอบ 5 ปี ปรับตัวลงเกือบ 24% จนกลายเป็นตลาดที่แย่ที่สุดในโลก

วิกฤติการเมืองไทยจากการถอนตัวของพรรคภูมิใจไทย 71 ที่นั่ง ได้สร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองที่รุนแรง ทำให้เราวิเคราะห์ผลกระทบออกเป็น 3 สถานการณ์หลัก ได้แก่ (1) การยุบสภาทันที (ปรับลดความเป็นไปได้ลงเนื่องจากเป็นไปได้มากขึ้นที่รัฐบาลยังสามารถครองเสียงส่วนมากได้) ที่จะส่งผลกระทบต่อ GDP -0.5% จากการหยุดชะงักของงบประมาณ (2) การปรับครม.และยุบสภาหลังงบผ่าน (ปรับเพิ่มความน่าจะเป็นและเป็นกรณีฐาน) ที่ผลกระทบลดเหลือ -0.3% และ (3) การลาออกหรือถูกถอดถอนจากคดีธรรมาภิบาลหรือแรงกดดันนอกสภา (ความเป็นไปได้ปานกลาง) ที่อาจทำให้การเติบโตชะลอลง 0.3-0.5% ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจต้องเร่งลดดอกเบี้ยนโยบาย 50-75 basis points เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางแรงกดดันทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการชุมนุม 28 มิ.ย. และกระบวนการทางกฎหมายต่างๆ ที่อาจผลักดันสู่สถานการณ์ที่รุนแรงขึ้น

ด้านวิกฤติตะวันออกกลาง การที่สหรัฐโจมตีโรงผลิตนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2025 ได้เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอย่างมีนัยสำคัญ ราคาน้ำมันเบรนต์เริ่มต้นด้วยการพุ่งสูงถึง 5.7% ไปที่ 81.40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่กลับลดลงมาต่ำกว่า 77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อความกลัวเรื่องการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันในทันทีเริ่มลดลง อย่างไรก็ตาม รัฐสภาอิหร่านได้เรียกร้องให้ปิดช่องแคบเฮอร์มุซ ทำให้ความเสี่ยงของสถานการณ์วิกฤติเพิ่มขึ้น

เราได้คาดการณ์ความน่าจะเป็นของ 3 สถานการณ์ในตะวันออกกลาง โดย (1) สถานการณ์ฐาน (40%) ที่ราคาน้ำมันขึ้นชั่วคราวก่อนตกลง คาดเศรษฐกิจไทยเติบโต 1.4% เงินเฟ้อ 0.5% (2) สถานการณ์เลวร้าย (40%) ที่สถานการณ์ลากยาวทำให้น้ำมันดิบมีราคาสูงกว่า 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลต่อเนื่อง เราคาดการเติบโตชะลอเหลือ 1.2% ขณะท่เงินเฟ้อพุ่ง 0.8% และ (3) สถานการณ์วิกฤติ (20%) คาดเศรษฐกิจเติบโตเพียง 1.0% เงินเฟ้อพุ่ง 1.0% หากอิหร่านตัดสินใจปิดช่องแคบเฮอร์มุซ ราคาน้ำมันอาจทะลุ 130-140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจะแบ่งขั้วอย่างชัดเจน ภาคการขนส่งและโลจิสติกส์จะได้รับผลกระทบเชิงลบมากที่สุด โดยสายการบินเผชิญต้นทุนเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 20-35% และคาด NPL ในภาคการขนส่งจะเพิ่มขึ้น ขณะที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมันจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากราคาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำที่สูงขึ้น บริษัทพลังงานทดแทนก็จะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นจากความต้องการลดการพึ่งพาน้ำมันนำเข้า

ตลาดหุ้นไทยคาดการปรับตัวแบ่งตามสาขาอย่างชัดเจน กลุ่มหุ้นพลังงานและปิโตรเคมีจะมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มการบิน ขนส่ง และค้าปลีกจะอยู่ภายใต้แรงกดดันรุนแรง ตลาดตราสารหนี้จะเห็นการไหลเข้าของเงินลงทุนจากนักลงทุนที่ต้องการหลบภัย ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทจะเผชิญแรงกดดันจากการไหลออกของเงินทุนต่างชาติ อาจอ่อนค่าลงสู่ 35.5 บาทต่อดอลลาร์ในไตรมาส 4

ในสภาวะความไม่แน่นอนสูง เราแนะนำกลยุทธ์ “Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ได้แก่ หุ้น Earning Play (ADVANC, TRUE, CPALL, BTG, CPF), หุ้น SET50 ที่มี SETESG Rating A พร้อม Div. Yield ตั้งแต่ 5% (PTT, KTB, BBL, HMPRO), หุ้นเป้าหมาย ThaiESGX (ADVANC, BDMS, CPALL, PTT, BCH, BTG, AP) และหุ้นตั้งรับรายได้ในประเทศ (BCH, CPALL, GULF, MTC, OR, TRUE) รวมถึง Trading Ideas สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงสูงในกลุ่มพลังงาน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และภาวะดอกเบี้ยขาลง

ตัวชี้วัดสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ที่เข้าสู่เกณฑ์เฝ้าระวังที่ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สถานการณ์ช่องแคบฮอร์มุซและการตอบโต้ของอิหร่านในช่วง 2-3 วันข้างหน้า การไหลของเงินทุนต่างชาติในตลาดเกิดใหม่ และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อดอลลาร์ การติดตามเหล่านี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้ทันท่วงทีและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

วิกฤติครั้งนี้แม้จะสร้างความไม่แน่นอนในระยะสั้น แต่สำหรับนักลงทุนที่มีการเตรียมตัวและกลยุทธ์ที่ชัดเจน กลับเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว ประสบการณ์จากอดีตแสดงให้เห็นว่าตลาดมักจะฟื้นตัวได้หลังจากเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ การเลือกหุ้นแบบเลือกสรรตามกลยุทธ์ Selective Buy การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และการเตรียมความพร้อมที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นจะเป็นกุญแจสำคัญในการนำทางผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้

ขอให้นักลงทุนโชคดี

 - รวมทุกช่องทาง InnovestX official ให้คุณได้ติดตามข้อมูลข่าวสารการลงทุนรอบโลก คลิก : https://linktr.ee/InnovestX 

- เปิดบัญชีลงทุน InnovestX วันนี้! เปิดครั้งเดียวลงทุนได้ครบทั้งจักรวาลการลงทุน

โหลดเลย คลิก https://innovestx.onelink.me/23if/ek1n76zm

- ติดตามบทวิเคราะห์การลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมจาก InnovestX คลิก : https://bit.ly/respublisher

#InnovestX #InnovestXResearch #InnovestXApp #จักรวาลการลงทุนในมือคุณ

*ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้