สุขภาพจิต (Mental Health) สำคัญไม่น้อยไปกว่าการวางแผนการลงทุนที่ดี

นักลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนได้เหมาะสมแล้ว การถือต่ออย่างมีสติและพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนเฉพาะเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ การลงทุนตามแผนจะช่วยลดความผิดพลาดและลดเสี่ยงที่จะเสียโอกาสในการถือสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีหรือสินทรัพย์ที่นักลงทุนต้องถือให้นานพอตามคุณลักษณะของสินทรัพย์ประเภทนั้นๆ
ในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา นักลงทุนต้องเผชิญกับข่าวลบต่างๆ ที่ส่งผลต่อตลาดหุ้น โดยเฉพาะข่าวเกี่ยวกับสงครามการค้าและการตอบโต้ด้านภาษีระหว่างจีน-สหรัฐฯ ที่ในระดับที่สูงสุดในรอบหลาย 10 ปี ทำให้นักลงทุนกังวลว่าสิ่งนี้จะทำให้เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะสู่ภาวะถดถอย (Recession) ขณะเดียวกันสถาบันวิจัยชั้นนำทั่วโลกโดยส่วนใหญ่ทยอยปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจและการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนลง นอกจากนั้นยังเกิดความขัดแย้งครั้งใหม่ จากคู่ขัดแย้งเดิมอย่างอินเดีย-ปากีสถาน ส่งผลให้ราคาหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงถูกเทขายในขณะที่ทองคำซึ่งถูกมองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยปรับตัวขึ้นสูงทำจุดสูงสุดใหม่ ก่อนที่ราคาจะค่อยๆปรับลดลงมาในปัจจุบัน
นับจากเดือนวันที่ 2 เม.ย. จนถึงวันที่ 14 พ.ค. 2025 โดยเฉพาะในช่วงเดือน พ.ค. การเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ มีความคืบหน้าเชิงบวกและได้ข้อตกลงพักการขึ้นภาษีไปอีก 90 วัน โดยมีการปรับอัตราภาษีระหว่างกันลงมา สำหรับสหรัฐฯปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่เคยมีอัตราภาษี 145% ลงเหลือ 30% ส่วนจีนปรับลดอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ที่เคยเก็บที่อัตราภาษี 125% เหลือ 10% ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกและสินทรัพย์เสี่ยงต่างๆ ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ตลาดหุ้นโดยส่วนใหญ่ดัชนีกลับมายืนเหนือระดับก่อนวันที่ 2 เม.ย. 2025 ราวกับว่าความความเสี่ยงที่เคยเผชิญหรือปัจจัยลบที่นักลงทุนกังวลหมดไป
เรามองว่าปัจจัยเสี่ยงนี้ยังคงอยู่.. และสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ระลอกใหม่เพิ่งจะเริ่มขึ้น สำหรับอัตราภาษีหลังการเจรจาการค้าในอนาคตไม่มีทางกลับมาที่ระดับศูนย์ ทำให้ต้นทุนของภาคเอกชนทั่วโลกเพิ่มขึ้น การย้ายฐานการผลิตและการจับขั้วของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างกลุ่ม BRIC จะดำเนินคู่ขนานไปพร้อมกับการเจรจาการค้า ความเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อตลาดหุ้นและการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั้งหมด เพราะการปรับฐานของตลาดหุ้นแต่ละครั้งช่วยลดความตึงตัวของ Valuation หุ้นโลกที่ปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงนับตั้งแต่ต้นปี 2024
อ้างอิงข้อมูลจาก Bloomberg Consensus ณ วันที่ 15 พ.ค. 2025 ดัชนี MSCI ACWI เทรดที่ระดับ Forward P/E ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า 19.1X เทียบเท่าระดับ +1.2 S.D. ของค่าเฉลี่ย P/E 10 ปี ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ อิงดัชนี S&P 500 เทรดที่ระดับ Forward P/E ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า 22.4X เทียบเท่าระดับ +1.3 S.D. ของค่าเฉลี่ย P/E 10 ปี ตามลำดับ (ด้าน Valuation ของดัชนีตลาดหุ้นโลก ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดในช่วงต้นปี 2025 และช่วงก่อนหน้า) ดังนั้นถึงแม้เราจะเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายประการ แต่โอกาสการลงทุนระหว่างปีก็เพิ่มขึ้นเช่นกันและเรายังคงชื่นชอบหุ้นสหรัฐฯ ในฐานะแกนหลักของพอร์ตการลงทุน (Core Portfolio) เพราะจุดเด่นที่สำคัญของตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือความแข็งแกร่งของภาคเอกชน (บริษัทจดทะเบียน) ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง และความมีประสิทธิภาพของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่สามารถตอบรับกับข่าวได้อย่างรวดเร็ว-ฟื้นตัวได้เร็วเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ขณะเดียวกันตลาดหุ้นในโซนเอเชียอาทิ ตลาดหุ้นจีน (ฮ่องกง), อินเดีย และเวียดนาม ล้วนแต่เป็นตลาดหุ้นที่มีความน่าสนใจและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ซึ่งนักลงทุนควรกระจายการลงทุนไปยังตลาดหุ้นดังกล่าวเพื่อลดการกระจุกตัวของการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลง ควบคู่กับการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ
บนความไม่แน่นอนและความผันผวนของตลาดหุ้นและสินทรัพย์การลงทุนต่างๆ ตลอดปี 2025 การบริหารจัดการความเสี่ยงด้วยการจัดพอร์ตการลงทุนและการทำ Asset Allocation เป็นพื้นฐานที่สำคัญ ควบคู่กับการบริหารจิตใจ (Mental Health) เพราะเมื่อเราเผชิญกับข่าวและปัจจัยลบต่างๆ การตัดสินใจที่รวดเร็วเกินไป โดยยังไม่เห็นรายละเอียดหรือพัฒนาการของเรื่องนั้นๆ ที่ชัดเจนพอ อาจทำให้การตัดสินใจมีโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาดเพิ่มขึ้น
สำหรับหนึ่งในประเด็นที่สำคัญของปีนี้คือ สงครามการค้าจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่? อ้างอิงการศึกษาของ Goldman Sachs Securities ในบทวิเคราะห์ “US Daily: Raising Our Growth Forecast and Lowering Our Recession Odds in the Wake of a US-China Trade Deal” as of 12 May 2025 ซึ่งเป็นบทวิเคราะห์ที่ออกมาหลังจากผลการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ มีพัฒนาการเชิงบวกมากขึ้นและดีกว่าที่ตลาดคาด Goldman Sachs ได้ปรับลดความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะ Recession เหลือ 35% จะเดิมที่ระดับ 45%
สอดคล้องกับมุมมองของ IMF ในรายงานเดือน เม.ย. 2025 ที่ IMF ได้รวมผลกระทบของสงครามการค้าเข้ามาแล้วในการประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจโลก เบื้องต้นถึงแม้ IMF จะมีการ Downgrade การเติบโตของเศรษฐกิจโลก-สหรัฐฯ ลง แต่ก็ยังประเมินว่าเศรษฐกิจโดยรวมยังมีเสถียรภาพ เช่นเดียวกับความเห็นของคุณเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่พูดในการประชุมเดือน พ.ค. 2025 โดยได้ย้ำถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานสหรัฐฯ
ดังนั้นสำหรับนักลงทุนที่มีการกระจายการลงทุนได้เหมาะสมแล้ว การถือต่ออย่างมีสติและพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนเฉพาะเมื่อเกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ การลงทุนตามแผนจะช่วยลดความผิดพลาดและลดเสี่ยงที่จะเสียโอกาสในการถือสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดีหรือสินทรัพย์ที่นักลงทุนต้องถือให้นานพอตามคุณลักษณะของสินทรัพย์ประเภทนั้นๆ