หุ้นไทยแย่ที่สุดในโลก

หุ้นไทยแย่ที่สุดในโลก

ตลาดหุ้นไทยกำลังวิกฤติอย่างหนัก สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ความล้มเหลวของตลาดหุ้นไทยที่อาการสาหัสแทบเกินเยียวยา แม้รัฐบาลจะหามาตรการเข้ามากอบกู้สถานการณ์

ด้วยการตั้งกองทุน “วายุภักษ์” ด้วยเม็ดเงินมหาศาลกว่า 1.5 แสนล้านบาท แต่สุดท้ายกลับช่วยพยุงดัชนีในตลาดหุ้นไทยได้แค่เล็กน้อย สะท้อนวิกฤติความเชื่อมั่นที่รุนแรงกว่าที่หลายฝ่ายประเมิน ตลาดหุ้นไทยมีแต่ดิ่งลง ดิ่งลงทุกวัน กลายเป็นตลาดที่มีผลงานแย่ที่สุดในโลกจาก 92 ดัชนี ที่สำนักข่าวต่างประเทศบลูมเบิร์กติดตาม ปรากฏการณ์นี้สั่นคลอนความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติมาก สะท้อนความล้มเหลวที่ไม่อาจปฏิเสธของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ขาดทิศทางและขาดพลังขับเคลื่อนที่เพียงพอ

วิกฤตินี้ส่อเค้าลางแย่กว่าที่เห็น เมื่อ “บิ๊กคอร์ป” ในตลาดหุ้นตัวใหญ่ๆ ต่างส่งสัญญาณชะลอแผนลงทุน วิกฤติในตลาดหุ้นไทยเป็นดัชนีหนึ่งในการตัดสินใจหยุดโครงการต่างๆ  ซีอีโอบิ๊กคอร์ปบางราย ถึงกับส่ายหัวเมื่อเห็น ภาวะตลาดหุ้นไทยวันต่อวัน นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทยต่อเนื่อง สะท้อนว่าประเทศไทยกำลังสูญเสียความน่าสนใจในฐานะหมุดหมายการลงทุนท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในภูมิภาคและโลก

ยิ่งเรากำลังมีคู่แข่งเขตเศรษฐกิจที่เป็นความร่วมมือกันของ 2 ประเทศ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ภายใต้ชื่อ Johor (อ่านว่า ยะโฮร์) หากเขาเดินเครื่องได้เต็มแรงเมื่อไหร่ ความน่าสนใจจะย้ายไปอยู่ที่เขตเศรษฐกิจนี้ทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย หากประเทศไทยยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ไร้ปัจจัยบวก ไร้แรงดึงดูด ทุกด้านอยู่ในอาการสาหัส เขตเศรษฐกิจอีอีซี (EEC) เราจะยังสู้เขาไหวไหม เรามีอะไรที่ดึงดูดนักลงทุนได้ดีกว่าเขาบ้าง 

กลับมาที่ตลาดทุนตลาดหุ้นไทย เราอาจต้องงัดยุทธศาสตร์การพลิกฟื้นความเชื่อมั่นที่ครอบคลุม ตั้งแต่ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ สร้างระบบนิเวศธุรกิจที่เอื้อต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมมูลค่าสูง ปรับปรุงกฎระเบียบที่ล้าสมัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต้องมีบทบาทเชิงรุกมากขึ้น ยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลกิจการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินตอบสนองความต้องการผู้ลงทุนและผู้ระดมทุน เพิ่มความโปร่งใส การเปิดเผยข้อมูลที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ 

วิกฤติตลาดหุ้นไทยครั้งนี้ ควรเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกภาคส่วนว่า การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนไม่อาจเกิดขึ้นได้จากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรืออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยวิสัยทัศน์ระยะยาว ความกล้าปฏิรูป และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เราไม่อาจปล่อยให้วิกฤตินี้ผ่านเลยไปโดยไม่เรียนรู้และเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้น ประเทศไทยอาจต้องเผชิญความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ในอนาคตอันใกล้