กลยุทธ์ปรับพอร์ต กองทุน ThaiESG รับมือตลาดหุ้นไทยผันผวน

กลยุทธ์ปรับพอร์ต กองทุน ThaiESG รับมือตลาดหุ้นไทยผันผวน

การเลือกลงทุนกับ บลจ.ที่มีกองทุน ThaiESG ให้เลือกครบทั้งลงทุนในตราสารทุน และ ตราสารหนี้ ตั้งแต่แรก ก็จะช่วยให้บริหารพอร์ตได้ง่ายขึ้น

ตั้งแต่ต้นปี 2025 เป็นต้นมา ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับความผันผวนสูง ทำให้กองทุนที่ลงทุนในหุ้นไทยหลายกองทุน รวมถึง กองทุน ThaiESG หลายๆ กองที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นไทย ต่างมีผลตอบแทนที่ลดลง นักลงทุนที่ถือกองทุนประเภทนี้จึงเผชิญกับภาวะขาดทุนและอาจกำลังมองหาทางออกที่เหมาะสมสำหรับการปรับพอร์ตลงทุน

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงการลงทุนควรพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยวันนี้ผมจะขอให้คุณปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล CFP® ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการเงินของบริษัท Wealth Creation International Investment Advisory Security Co., Ltd. 

จะมาเสนอตัวเลือกในการปรับพอร์ตให้กับทุกท่านได้อ่านกันครับ

วันนี้ผมจะขอเสนอรายละเอียดการจัดพอร์ตโดยมีทางเลือกในการปรับพอร์ต 4 วิธีการมาแนะนำ ได้แก่ 

(1) การสลับกองทุน ThaiESG ที่ลงทุนในหุ้น ที่ถืออยู่ไปยังกองทุน ThaiESG ที่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า 

(2) การสลับกองทุน ThaiESG ที่ถืออยู่ไปยังกองทุน ThaiESG ที่ถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่ากองเดิม 

(3) การเพิ่มสัดส่วนกองทุน ThaiESG ที่ลงทุนในตราสารหนี้ เพื่อลดความผันผวนลง 

(4) การทยอยซื้อถัวเฉลี่ยในกองทุนหุ้น ThaiESG เพื่อลดต้นทุนเฉลี่ยและรอการฟื้นตัวของตลาด ทั้งนี้การเลือกใช้วิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนสามารถรับได้ครับ

ทางเลือกที่ (1) การสลับกองทุนจากกองทุน ThaiESG ที่ลงทุนในหุ้นย้านไปลงในกองทุน ThaiESG ที่ลงในตราสารหนี้แทน (Switching) หากนักลงทุนไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากตลาดหุ้นในช่วงเวลานี้ การย้ายพอร์ตไปยังกองทุน ThaiESG ตราสารหนี้เป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตได้ โดยกองทุนตราสารหนี้มักมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอมากขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้ให้ผลตอบแทนสูงเท่ากองทุนหุ้น แต่ก็สามารถช่วยรักษามูลค่าพอร์ตและลดการขาดทุนได้ในระยะสั้น สำหรับการเลือกกองทุนปลายทางที่ต้องการจะ สลับไปนั้นให้พิจารณาจากค่าธรรมเนียมและเงื่อนไขในการ switch เป็นหลัก โดยการสลับกองทุนภายใน บลจ. เดียวกันก็จะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่าการสลับข้าม บลจ.รวมไปถึงขั้นตอนที่วุ่นวายน้อยกว่าด้วย 

แต่หากนักลงทุนต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ แต่ก็อยากจะลดความผันผวนของพอร์ต ในตลาดช่วงนี้ด้วยนั้น การเลือก (2) สลับไปลงในกองทุน ThaiESG ที่ถือสัดส่วนหุ้นที่น้อยลงกว่าเดิมก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่แนะนำครับ โดยกองทุน ThaiESG ที่เป็น กองทุนแบบผสมที่มีการลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ควบคู่กัน หากนักลงทุนเลือกย้ายไปยังกองทุนที่มีสัดส่วนตราสารหนี้ที่มากขึ้น ก็จะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และสำหรับใน ปี 2025 นี้ จะไม่มีกองทุน SSF ให้ลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีแล้ว ดังนั้นจะเหลือเพียงแค่ ThaiESG และ RMF เท่านั้นที่จะสามารถนำยอดเงินลงทุนมาใช้เพื่อการลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้นนักกลงทุนที่มีความประสงค์จะลงทุนเพิ่มในกองทุน ThaiESG อาจจะใช้วิธีการดังต่อไปนี้เพื่อปรับพอร์ตการลงทุนเพื่อลดความผันผวนร่วมกับ วิธีที่ (1) และ (2)ที่กล่าวมาแล้วได้ โดย (3) การเพิ่มกองทุน ThaiESG ที่ลงทุนในตราสารหนี้เข้าไปในพอร์ต โดยการซื้อเพิ่มสำหรับนำไปใช้ลดหย่อนภาษีในปี 2025 ทั้งนี้ นักลงทุนที่ยังต้องการลงทุนเพิ่มเติมแต่ไม่ต้องการรับความเสี่ยงจากตลาดหุ้นมากนัก ควรพิจารณากองทุนตราสารหนี้เป็นทางเลือกหลัก เนื่องจากการเพิ่มสัดส่วนกองทุน ThaiESG ตราสารหนี้ลงไปในพอร์ตการลงทุน จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตและลดโอกาสขาดทุนได้ 

(4) หากนักลงทุนมีมุมมองว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะดีดตัวกลับมาได้ และไม่อยากเสียโอกาสนี้ไป การซื้อถัวเฉลี่ยในกองทุนหุ้น ThaiESG ที่ลงทุนในหุ้นก็เป็น อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่นักลงทุนสามารถใช้เพื่อลดต้นทุนเฉลี่ยของการลงทุนในกองทุนหุ้น ThaiESG ได้ โดยการทยอยซื้อถัวเฉลี่ย (DCA) ในช่วงที่ตลาดปรับฐานลง วิธีนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาด และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้นเมื่อเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม การใช้กลยุทธ์นี้ควรทำอย่างมีวินัยและเป็นระยะยาว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ทั้งนี้ในการดำเนินตามกลยุทธ์ทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมานั้น นักลงทุนต้องไม่ลืมพิจารณา ค่าธรรมเนียมของแต่ละกองทุน รวมไปถึงเงื่อนไขการสลับย้ายกองทุน โดยเฉพาะบางกองทุนนั้นมีค่าธรรมเนียมในการสลับย้ายข้าม บลจ.ที่ค่อนข้างสูง หรืออาจจะย้ายไม่ได้เลยก็มี ดังนั้น การเลือกลงทุนกับ บลจ.ที่มีกองทุน ThaiESG ให้เลือกครบทั้งลงทุนในตราสารทุน และ ตราสารหนี้ ตั้งแต่แรก ก็จะช่วยให้บริหารพอร์ตได้ง่ายขึ้น ครับ