Market outlook 2025: Winds of Change

จุดเปลี่ยนแนวโน้มตลาดหุ้นเรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากกว่าตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่า เรายังมีมุมมองบวกต่อบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนควรกระจายการลงทุนไปในหุ้นที่อยู่นอกกลุ่ม “Magnificent 7” เนื่องจากการเติบโตของกำไรในปี 2025
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดฉากปี 2025 ด้วยความเชื่อมั่นสูงสุดต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากการเก็บข้อมูลมุมมองเศรษฐกิจและการลงทุนในปีนี้จะพบว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองค่อนข้างไปทางเดียวกันโดยเฉพาะมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังได้ประโยชน์จากการแข่งขันในด้าน AI ส่งผลให้ในช่วงระหว่างเดือนโดยเฉพาะช่วงสัปดาห์ภายหลังที่โดนัลด์ ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาเดียวกัน ข่าวใหญ่จากจีนได้สั่นคลอนตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างรุนแรง DeepSeek โมเดลด้าน AI สตาร์ตอัปจากจีน ได้เปิดตัวแชตบอทรุ่นใหม่ที่สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีชั้นนำของสหรัฐฯ ในต้นทุนที่ต่ำกว่ามาก ข่าวนี้ส่งแรงกระเพื่อมไปยังตลาดทั่วโลก ซึ่งดัชนี NASDAQ ปรับตัวลดลงทันที -3% ในช่วงต้นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคม เนื่องจากนักลงทุนตั้งคำถามเกี่ยวกับเม็ดเงินลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI โดยเฉพาะ Data Center และพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนระบบคลาวด์และโมเดลปัญญาประดิษฐ์ ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องในกลุ่มเหล่านี้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง
ทั้งนี้เราจะยังไม่ด่วนสรุปว่าการมาของ DeepSeek จะทำให้สมมติฐานด้านต่างๆ เปลี่ยนไป แต่สิ่งนี้ทำให้เราตระหนักว่า 1. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นรวดเร็วและคาดการณ์ได้ยาก โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้าแบบก้าวกระโดด และการแข่งขันในอุตสาหกรรม IT มีความไม่แน่นอนสูง บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่เคยมีความได้เปรียบ อาจถูกท้าทายได้ตลอดเวลาโดยนวัตกรรมใหม่ ๆ 2. จีนเป็นมหาอำนาจด้านนวัตกรรมที่ไม่ควรมองข้ามจีนผลิตวิศวกรกว่า 4 ล้านคนต่อปี เทียบกับ 500,000 คน ในสหรัฐฯ ศักยภาพนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันด้านเทคโนโลยี ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อสมดุลอำนาจในอุตสาหกรรม AI และตลาดโลก
มุมมองการลงทุนในปี 2025
ในภาพใหญ่เราคาดการณ์ว่า รัฐบาลใหม่ในสหรัฐฯ จะมีบทบาทสำคัญในการคลี่คลายปัญหาหลายประเด็น ตั้งแต่สงครามในยูเครนไปจนถึงความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ขณะที่นโยบายทางการเงิน ภายหลังที่ธนาคารประเทศสำคัญเริ่มมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในหลายภาคส่วนอาจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ภาคธุรกิจมีงบดุลที่แข็งแกร่งขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคสหรัฐฯ เริ่มกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น ปัจจัยเหล่านี้อาจช่วยหนุนการเติบโตของสินเชื่อและกระตุ้นกิจกรรมของภาคเอกชน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด
อย่างไรก็ตามเรามีการปรับมุมมองต่อนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจมีข้อจำกัด เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง และได้รับแรงหนุนจากนโยบายการคลังของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งรวมถึงมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการเติบโตของสินเชื่อภาคครัวเรือนซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับเป้าหมาย จะทำให้เฟดต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปอีก อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว ความเสี่ยงด้านวินัยทางการคลังอาจส่งผลให้ตลาดต้องการส่วนชดเชยความเสี่ยง (Term premium) ที่สูงขึ้นในการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ
มุมมองตลาดตราสารหนี้
การปรับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทำให้เกิดโอกาสในการเข้าลงทุนโดยเฉพาะในตราสารหนี้ที่มีอายุตั้งแต่ 3-7 ปี ซึ่งจะมีความผันผวนที่น้อยกว่าเมื่ออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาวมีการปรับตัวสูงขึ้น ในส่วนของตราสารหนี้ภาคเอกชน หุ้นกู้ที่ได้รับการจัดอันดับ BBB ยังคงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุดในปัจจุบัน ขณะที่หุ้นกู้ High-Yield ของสหรัฐฯ แม้จะดูมีมูลค่าสูงเกินไป แต่ยังคงมีความน่าสนใจจากภาพเศรษฐกิจที่ยังขยายตัว การที่อัตราดอกเบี้ยลดลงในช่วงที่ผ่านมาก็มีส่วนช่วยลดความกังวลด้านการผิดนัดชำระหนี้ให้ลดลงด้วย
ตลาดหุ้น : จุดเปลี่ยนของแนวโน้ม
เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ มากกว่าตลาดหุ้นยุโรป เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งกว่า เรายังมีมุมมองบวกต่อบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่องแต่ทั้งนี้นักลงทุนควรกระจายการลงทุนไปในหุ้นที่อยู่นอกกลุ่ม “Magnificent 7” เนื่องจากการเติบโตของกำไรในปี 2025 คาดว่าจะกระจายตัวมากขึ้น เราเริ่มแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักในหุ้นวัฏจักรตั้งแต่ช่วงกลางปี 2024 และมองว่ายังสามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มนี้มากขึ้น เนื่องจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจซึ่งอาจรวมถึงการปรับลดภาษีนิติบุคคลและการผ่อนคลายกฎระเบียบภายใต้รัฐบาลใหม่
อย่างไรก็ตาม เราได้เข้าสู่ช่วงที่เปราะบางที่สุดของวัฏจักรตลาดที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเข้าใกล้จุดสูงสุด ซึ่งจะตามมาด้วยความเสี่ยงต่อการปรับฐานเริ่มเพิ่มขึ้น เราแนะนำนักลงทุนว่าใน ปี 2025 อาจเป็นปีของการรักษาเงินทุน (Capital Preservation) มากกว่าการเติบโตของเงินทุน (Capital Growth) หลังจากที่ตลาดเติบโตมาอย่างแข็งแกร่งในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้เราเริ่มต้นปีนี้ด้วยการคงสัดส่วนการลงทุนในตลาดหุ้น แต่มีแนวโน้มที่จะลดความเสี่ยงลงในช่วงเวลาที่เหมาะสมตลอดปี
ทั้งนี้ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงและขอคำแนะนำจากผู้แนะนำการลงทุนของท่านเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน ข้อมูลนี้จัดทำโดยอาศัยที่มาจากแหล่งข้อมูลสาธารณะซึ่งปรากฎขณะจัดทำ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปแต่ละขณะ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน