ตื่นเถิดชาวไทย

ตื่นเถิดชาวไทย

คนไทยตระหนักถึงความจำเป็นของการวางแผนการเงินเพื่อรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยแนะให้เริ่มต้นจากการลงทุนในตนเอง มีวินัยการเงิน ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้ และไม่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยม

KEY

POINTS

  • ผู้เขียนเรียกร้องให้คนไทยตระหนักถึงความจำเป็นของการวางแผนการเงินเพื่อรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยแนะให้เริ่มต้นจากการลงทุนในตนเอง มีวินัยการเงิน ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้ และไม่ตกเป็นทาสของวัตถุนิยม
  • เตือนสติชนชั้นกลางที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินจากการใช้จ่ายเกินตัวตามค่านิยมใหม่ โดยเฉพาะการทุ่มเทส่งลูกเรียนต่างประเทศจนละเลยการวางแผนเพื่อวัยเกษียณของตนเอง
  • แนะให้ทุกช่วงวัยใช้ชีวิตอย่างพอดี โดยเฉพาะคนเริ่มทำงานให้ออมเงินเพื่อความมั่นคง และผู้ปกครองควรสอนลูกหลานให้มีวินัยการใช้เงิน ไม่ใช้ของแพงเกินตัว โดยยึดหลัก "รสนิยมต้องไม่เกินรายได้"
  • ชี้ว่าสาเหตุหลักของปัญหาคือ "ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น" ที่ถูกกระตุ้นโดยสื่อโซเชียล และทางรอดคือการมี "สติ" ซึ่งจะช่วยให้สามารถเก็บออมและลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคงได้
  • รณรงค์ให้คนไทยหันมาสนับสนุนสินค้าที่ผลิตในประเทศ (เมดอินไทยแลนด์) เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียนและสร้างงานในภาวะซบเซา

วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา เป็น “วันวางแผนการเงินโลก” (World Financial Planning Day) โดยกำหนดให้เป็นวันพุธของเดือนตุลาคม ในช่วงสัปดาห์ผู้ลงทุนโลก (World Investor Week) ของ IOSCO (International Organization of Securities Commissions) ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นสัปดาห์แรก หรือสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม โดยกำหนด วันวางแผนการเงินโลก ครั้งแรก ในปี 2017 ผู้ผลักดันให้เกิดวันนี้ขึ้นคือ Financial Planning Standards Board ซึ่งดิฉันได้ร่วมประชุมอยู่ด้วยในตอนเริ่มความคิดที่จะกำหนดวันนี้ขึ้นและนำเสนอ IOSCO ตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนการเงินที่มีต่อชีวิตของเรา

ในปีนี้จึงกำหนดไว้เป็นวันที่ 8 ตุลาคม ซึ่งสมาคมนักวางแผนการเงินไทย ได้จัดกิจกรรมในวันนี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

ท่านอาจจะได้อ่านข่าวพบข้อคิดที่ดิฉันได้กล่าวในงานไปแล้วเกี่ยวกับการดำรงชีวิตให้อยู่รอดในยุคนี้ ยุคที่มีปัจจัยเร่งทำให้การวางแผนการเงินและแผนชีวิตมีความจำเป็นมากขึ้น ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น เศรษฐกิจผันผวน เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การเตรียมรับมือจึงต้องวางแผนรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งดิฉันแนะนำให้พึ่งตนเอง โดยเริ่มต้นจาก “การลงทุนในตัวเอง” ซึ่งเป็นการลงทุนที่ดีที่สุด หาความรู้ที่ทันสมัยอยู่เสมอ มีทัศนคติในการดำรงชีวิตที่ถูกต้อง คือ เชื่อว่าความซื่อสัตย์คือรากฐานที่แท้จริงของความยั่งยืน ใช้ชีวิตอย่างมีวินัย ใช้จ่ายน้อยกว่าที่หาได้ เก็บออมให้เป็น ลงทุนอย่างมีเป้าหมายและมีหลักการ แต่ในขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่า “เงินไม่ใช่ทุกอย่าง” อย่าเป็นทาสของเงิน อย่าหลงในวัตถุ อย่าเป็นทาสของแบรนด์ เพราะคุณค่าที่แท้จริงของเรา อยู่ที่สิ่งที่เราเป็น ไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่เราครอบครอง

สัปดาห์นี้ ดิฉันจึงอยากมาเตือนสติของทุนท่านอีกครั้งหนึ่งว่า หากไม่ทราบว่าจะเริ่มวางแผนอย่างไร ลองทบทวนดูก่อนไหมว่า เราสามารถมีไลฟ์สไตล์ได้ประมาณไหน

โดยทั่วไปเรามักจะคิดว่า ชนชั้นกลางมีงานทำ มีบ้านอยู่ (ที่กำลังผ่อนชำระกับสถาบันการเงิน) มีการศึกษาสูงพอสมควร คือเรียนจบปริญญาตรี ปริญญาโท น่าจะมีความสุขพอสมควร

แต่ไม่เลยค่ะ ชนชั้นกลางจำนวนมาก หาเงินไม่พอกับที่ต้องการใช้

สาเหตุคืออะไร

ปัจจุบันเกิดค่านิยมใหม่ในการใช้ชีวิต ตั้งแต่การกินอยู่ ไปจนถึง การเรียนหนังสือ คือนิยมส่งลูกไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่เยาว์วัย ชนชั้นกลางบางครอบครัว ถึงกับต้องเปลี่ยนงานเพื่อให้รายได้เพียงพอต่อการส่งลูกไปเรียนต่างประเทศ บางครอบครัวขายทรัพย์สิน เพื่อให้ลูกมีชีวิต มีการศึกษาที่ทัดเทียมกับเพื่อนของลูก

สมัยก่อน เกิดโศกนาฏกรรม ชาวนาขายที่ดิน เพื่อส่งลูกเรียน พอลูกเรียนจบ ก็แต่งงานมีชีวิตอยู่ในเมืองใหญ่ ไม่สนใจกลับไปช่วยดูแลพ่อแม่ ซึ่งก็ต้องลำบากต่อไปตลอดชีวิต

เช่นกันค่ะ ผู้ที่พอจะมีฐานะอยู่บ้าง ทราบหรือไม่ว่า หากท่านทุ่มทรัพยากรทุกอย่างให้กับลูก ท่านกำลังทำผิด ท่านวางแผนเพื่อตัวเองแล้วหรือยัง ท่านจะอยู่อย่างไรหลังเกษียณ เงินเก็บที่ท่านมีซึ่งควรจะนำไปลงทุนเพื่อให้งอกเงย ถูกใช้ไปกับปัจจุบันหมด ท่านวาดภาพชีวิตของท่านออกไหม

ดิฉันไม่ได้จะแนะนำให้ท่านเลิกส่งลูกเรียน แต่แนะนำให้ “ทำทุกอย่างแต่พอดี” อย่าทำเกินตัว สุภาษิตโบราณบอกว่า “เห็นช้างขี้ ไม่ต้องขี้ตามช้าง” โรงเรียนดีๆในประเทศไทยมีอยู่มากมาย มหาวิทยาลัยต่างๆก็พยายามปรับปรุงหลักสูตรกันอย่างเต็มที่ หากต้องการให้ลูกมีประสบการณ์ในต่างประเทศ ไปทุนแลกเปลี่ยนนักเรียน เป็นวิธีการที่ดีทีเดียว เพราะนอกจากจะได้เรียนแล้ว เด็กยังได้อยู่กับครอบครัว มีความอบอุ่น มีสายสัมพันธ์กับคนอื่นในครอบครัวอุปถัมภ์ ที่สามารถยึดโยง ที่สามารถเหนี่ยวรั้งไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ เยาวชนที่อยู่โรงเรียนประจำหรือหอพักมักจะมีความเหงาซ่อนอยู่ในจิตใจค่ะ

สำหรับผู้ที่เริ่มทำงานใหม่ ต้องออมเพื่อความมั่นคงของชีวิต อย่าเอาการบริโภคเป็นตัวตั้ง ทราบค่ะว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนล่อตาล่อใจ ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าไรก็สามารถหมดไปได้อย่างรวดเร็ว หากไม่ยับยั้งชั่งใจตัวเอง ใช้ของดีราคายุติธรรม ซึ่งประเทศไทยมีเยอะมาก

ในภาวะเศรษฐกิจซบเซาในปัจจุบัน อยากรณรงค์ให้เราหันมาใช้สินค้าที่ผลิตในไทย มาร้องเพลง “เมดอินไทยแลนด์” กันให้กระหึ่มอีกครั้ง ดูป้ายสินค้า และมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้าไทย ก็จะช่วยให้อุตสาหกรรมของเราแข่งขันได้ คนมีงานทำ เศรษฐกิจจะได้ไม่ซบเซา การซื้อสินค้าราคาถูกที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซื้อมาแล้วใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งสิ้นเปลืองกว่าซื้อของดีๆราคายุติธรรมอีกค่ะ

ส่วนผู้มีฐานะ จะเลือกใช้แบรนด์แพงๆระดับโลกอย่างไร ก็สามารถทำได้ แต่ควรจะฝึกให้ลูกหลานรู้จักและเข้าใจในการเปรียบเทียบก่อนซื้อด้วย ที่สำคัญ เยาวชนที่ยังไม่มีรายได้ ไม่ควรใช้ของราคาแพง เพราะเมื่อเขาหารายได้เอง เขาจะมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ซึ่งท่านก็จะบอกว่าไม่เป็นไร พ่อแม่จ่ายให้ แต่ท่านกำลังทำร้ายเขา ทำให้เขาไม่มีวินัยในการใช้เงิน ไม่มีวินัยในการดำรงชีวิต

อย่าลืมนะคะ ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหน “รสนิยมต้องไม่เกินรายได้”

สรุปสาเหตุของปัญหาการไม่มีความสุขของชนชั้นกลางส่วนใหญ่คือ “ความอยากได้ อยากมี อยากเป็น” ซึ่งถูกกระตุ้นมากขึ้นจากสื่อต่างๆโดยเฉพาะสื่อในโลกโซเชียล

การมี”สติ”เท่านั้น ที่จะทำให้ท่านรอด ทำให้ท่านสามารถเก็บออม และลงทุนเพื่อความมั่นคงและมั่งคั่งในชีวิตอนาคตได้ และท่านที่เป็นผู้ปกครอง สมควรเป็น”สติ”ให้กับลูก ท่านที่อยู่ในฐานะที่สบายแล้ว สมควรเป็น “สติ”ให้กับคนรอบข้าง

วันนี้ดิฉันอาสาเป็น“สติ” ให้กับท่านค่ะ