รีบรู้ รีบทำ ก่อนประกัน Copayment มีผลบังคับใช้

รีบรู้ รีบทำ ก่อนประกัน Copayment มีผลบังคับใช้

หากคุณเป็นคนที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ เราะแนะนำให้ทำประกันสุขภาพให้เสร็จก่อน มีนาคม 2568 จะทำให้คุณมีประกันสุขภาพที่ไม่ติดเงื่อนไข Copayment ส่วนท่านที่มีความจำเป็นจะต้องซื้อประกันสุขภาพหลัง มีนาคม 2568 นั้นย่อมหลีกเลี่ยงเงื่อนไข Copayment ได้ยาก

ในช่วงที่ผ่านมา หลายๆท่านน่าจะได้ยินการประกาศเรื่อง เงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่ายของผู้เอาประกัน (Copayment) จาก สมาคมประกันชีวิตไทยกันมาไม่มากก็น้อยใช่มั้ยครับ หลายๆคนก็คงมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ และ มีคำถามว่า กรมธรรม์ที่ตนเองถืออยู่นั่นจะโดนเรื่องนี้ไปด้วยหรือไม่ ก่อนอื่นผมต้องขอบอกก่อนเลยนะครับ ว่ากรมธรรม์ประกันชีวิตที่แนบสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพที่ทุกท่านถืออยู่นั่นหากมีผลบังคับก่อน 1 มีนาคม 2568 นั่น จะไม่มีเงื่อนไข Copayment และในส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมนั่น ผมจะขอให้คุณปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล CFP® ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการเงินของบริษัท Wealth Creation International Investment Advisory Security Co., Ltd. จะมาเล่าให้ทุกท่านได้ทราบเพิ่มเติมเพื่อวางแผนประกันสุขภาพของท่านต่อไป

“เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าในเดือนมีนาคม 2568 ที่จะถึงนี้ ประกันสุขภาพในประเทศไทยจะนำเงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่ายของผู้เอาประกัน (Copayment) เข้ามาใช้สำหรับลูกค้าที่เริ่มทำประกันสุขภาพตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 เป็นต้นไป ซึ่งการที่บริษัทประกันนำเงื่อนไข Copayment มาใช้นั้นย่อมจะส่งผลในหลายๆ ด้านตามมาและ ในมุมของตัวผู้เอาประกันเดิม และผู้ที่ต้องการจะทำประกันสุขภาพเพิ่มนั้น จะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง ผมได้สรุปมาให้แล้วครับ

แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนว่า การมีส่วนร่วมจ่ายของผู้เอาประกัน (Copayment) นั้นคืออะไร และมีเงื่อนไขอย่างไร โดย Copayment นั้นก็คือ การที่หากผู้เอาประกันได้ใช้สิทธิค่ารักษาพยาบาล และเมื่อมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น ผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่ายในค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้น ตามอัตราส่วนที่บริษัทประกันได้กำหนดไว้ เช่น หากระบุว่า เป็น Copayment 20% นั่นหมายความว่า หากมีค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวครั้งนั้นอยู่ที่ 100,000 บาท กรณีนี้ผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่ายด้วย 20,000 บาท และทางประกันจะจ่ายค่ารักษาให้เพียง 80,000 บาทนั่นเอง 

โดยเงื่อนไขของ Copayment ที่จะนำมาใช้ในเดือนมีนาคม 2568 นั้นจะใช้สำหรับประกันสุขภาพ โดยจะเกิดเงื่อนไข Copayment ได้จาก 3 กรณีได้แก่ 

กรณีแรก มีการเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง (Simple Disease) หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป และมีอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันสุขภาพ เมื่อมีเงื่อนไขครบตามนี้ ผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่าย (Copayment) เป็นจำนวน 30% ของทุกค่ารักษาในปีถัดไป

กรณีที่สอง คือมีการเคลม โรคทั่วไป แต่ไม่นับรวม การผ่าตัดใหญ่ และโรคร้ายแรง โดยมีจำนวนการเคลมมากว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และ อัตราการเคลมมากว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ เมื่อมีเงื่อนไขครบตามนี้ ผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่าย (Copayment) เป็นจำนวน 30% ของทุกค่ารักษาในปีถัดไป

กรณีสุดท้าย หากการเคลมมีการเข้าเงื่อนไขทั้ง 1 และ 2 ทางผู้เอาประกันจะต้องร่วมจ่าย (Copayment) เป็นจำนวน 50% ของทุกค่ารักษาในปีถัดไป

หรือถ้าจะสรุปให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ หากในปีที่ผ่านมามีการเคลมที่ไม่ใช่ผ่าตัดใหญ่หรือ โรคร้ายแรงตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป ก็แทบจะเจอเงื่อนไข Copayment ในปีต่อไปค่อนข้างแน่ เพราะค่ารักษาพยาบาลยังไงก็น่าจะเกิน 400% ของค่าเบี้ยอยู่แล้วครับ

และหากเราโดนเงื่อนไข Copayment ไปแล้วนั้น ในปีต่อมา มีโอกาสที่บริษัทประกันจะยกเลิก Copayment ให้หรือไม่นั้น ตามเงื่อนไขจะระบุไว้ว่า ในปีที่เกิดเงื่อนไข Copayment นั้น (ปีที่ผู้ทำประกันต้องร่วมจ่าย) อัตราการเคลมเป็นอย่างไร หากอัตราการเคลมของผู้เอาประกันลดลงตามเงื่อนไขของบริษัทประกัน บริษัทประกันจะพิจารณายกเลิก Copayment ให้

อ่านมาถึงตรงนี้ก็พอจะสรุปได้ว่า ประกันสุขภาพที่จะขายต่อไปนี้จะไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้อีกต่อไป เครื่องมือทางการเงินที่ชื่อว่าประกันสุขภาพแบบใหม่นี้ จะถูกวางไว้ในแผนเพื่อใช้ในกรณีที่เจ็บป่วยรุนแรง หรือโรคร้ายแรงเป็นหลัก เพราะ หากนำไปใช้ในเรื่องที่ไม่จำเป็น จะทำให้เกิดเงื่อนไข Copayment และหากติดเงื่อนไข Copayment ในยามที่ต้องเคลมค่ารักษาพยาบาลจากโรคร้ายแรง ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ต้องออกเองจำนวนมาก ซึ่งก็จะมากระทบกับแผนการเงินด้านอื่นๆ ด้วย 

กลับมาที่ในมุมของผู้เอาประกัน ว่าควรจะรับมืออย่างไร โดยก่อนอื่นจะต้องแบ่งผู้เอาประกันออกเป็น 3 กลุ่มได้แก่ ผู้ที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้วก่อนเดือนมีนาคม 2568 , กลุ่มผู้ที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ และ กลุ่มที่จะทำประกันสุขภาพหลังมีนาคม 2568

สำหรับ ผู้ที่มีประกันสุขภาพอยู่แล้ว หากประกันสุขภาพที่ถืออยู่ออกโดยบริษัทประกันชีวิต คุณไม่มีเรื่องให้ต้องกังวลเพราะเงื่อนไข Copayment จะไม่นำมาบังคับใช้กับกรมธรรม์ที่ออกก่อน มีนาคม 2568 แต่หากประกันสุขภาพที่คุณมีออกโดย บริษัทประกันภัย คุณอาจจะต้องรีบเปลี่ยนไปทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันชีวิตให้ทันก่อนมีนาคม 2568 แทน เพราะ ประกันที่ออกโดยบริษัทประกันภัยจะป็นสัญญาแบบปีต่อปี ดังนั้นในรอบต่อสัญญาหลังมีนาคม 2568 ก็มีโอกาสที่กรมธรรม์ใหม่จะเพิ่มเงื่อนไข Copayment เข้ามา

หากคุณเป็นคนที่ยังไม่มีประกันสุขภาพ เราะแนะนำให้ทำประกันสุขภาพให้เสร็จก่อน มีนาคม 2568 จะทำให้คุณมีประกันสุขภาพที่ไม่ติดเงื่อนไข Copayment ส่วนท่านที่มีความจำเป็นจะต้องซื้อประกันสุขภาพหลัง มีนาคม 2568 นั้นย่อมหลีกเลี่ยงเงื่อนไข Copayment ได้ยาก เราแนะนำให้ซื้อในส่วนของอนุสัญญาคุ้มครองการเจ็บป่วยจากโรคร้ายแรงเข้าไปด้วย โดยเงื่อนไขตัวนี้จะนำมาช่วยจ่ายในส่วนที่คุณต้องร่วมจ่าย หากคุณเกิดป่วยด้วยโรคร้ายแรงแต่กรมธรรม์ดันเข้าเงื่อนไข Copayment พอดี”