สร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเอง

สร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเอง

ความพยายามของผู้เกี่ยวข้องในการพยายามให้เงินดิจิทัลที่มีการกระจายศูนย์ หรือที่เรียกว่าเงินคริปโท เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนนั้น

ตอนนี้ริบหรี่ลงไปแล้วค่ะ จากความดัง ความใหญ่โต และความหวือหวาของตัวเอง และจากการสกัดกั้นของธนาคารกลางของชาติต่างๆ รวมถึงจากการที่หน่วยงานกำกับดูแล เช่น กลต. ของประเทศต่างๆต้องพยายามปกป้องผู้ลงทุน

ตามที่ดิฉันเคยเขียนไปหลายตอนแล้วว่า เงินดิจิทัลจะเติบโต ต้องสามารถใช้เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนได้ และตัวกลางในการแลกเปลี่ยนที่ดี จะต้องมีคุณสมบัติหนึ่งคือ ต้องไม่มีความผันผวนมาก

 

เงินคริปโทที่เคยรุ่งไปถึงขีดสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว (2564) ก็ถึงกับมีราคาร่วงลงมา 65 ถึง 70% ในช่วงเวลาหนึ่งปี  และบางตัวก็แทบจะไม่เหลือมูลค่าอะไร เนื่องจากผู้ลงทุนแย่งกันออกจากตลาด จึงทำให้เกิดการเทขายข้างเดียว แรกๆก็มีคนเข้าไปรับบ้าง โดยมากเป็นกลุ่มที่ตกรถ ไม่ได้สนใจในช่วงขาขึ้น แต่พอกลุ่มนี้หมดไป ก็ไม่มีกลุ่มใหม่เวียนเข้ามา ราคาจึงพลอยร่วงกันหมด

การล้มเซของสเตเบิ้ลคอยน์ (Stable Coin) ที่ผูกค่าไว้กับเงินดอลล่าร์สหรัฐ อย่าง Terra USD หรือชื่อย่อว่า UST ซึ่งราคาหลุดจาก 1 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมปีนี้ และเจ้าของก็ออกมาช่วยกอบกู้ ด้วยการเพิ่มการสร้างเหรียญน้องที่ชื่อ    ลูน่า (LUNA) เพื่อนำเงินมาตรึงราคาตัวพี่

แต่ก็ไม่สำเร็จ จนเหรียญลูน่า ลดค่าจาก 86 ดอลลาร์ เหลือ 0 ภายในเวลาไม่กี่วัน ส่งผลให้ต้องระงับการซื้อขายและออกจากกระดาน Binance ไปเมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2565  เรียกว่าไปอย่างรวดเร็ว  หากไปค้นดูข้อมูล ตอนนี้มีตัวใหม่ชื่อลูน่าเหมือนกัน แต่เป็นเวอร์ชั่นที่สองค่ะ

โศกนาฏกรรมในตลาดคริปโทจึงเกิดขึ้นระลอกแล้วระลอกเล่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ธนาคารกลางของสหรัฐเริ่มขยับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น

ยิ่งเกิดการล้มของตัวกลางที่เทรดเงินคริปโท โดยแพลทฟอร์มเทรดเงินคริปโทขนาดใหญ่อันดับสอง คือ FTX ยื่นขอเข้าสู่กระบวนการล้มละลายไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ก็ยิ่งทำให้คนในวงการเสียหายหนักขึ้น เพราะคนที่ตัดใจขายทิ้งก็ยังไม่ได้เงิน เลยยิ่งทำให้ผู้ลงทุนแตกตื่น ทั้งยังส่งผลกระทบถึงต่อเนื่องถึงผู้เกี่ยวข้อง เช่น BlockFi ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายและให้กู้ยืมเงินคริปโท เพิ่งยื่นขอพิทักษ์ล้มละลาย ไปสดๆร้อนๆเมื่อวันที่ 28 พ.ย.

หลายองค์กรและกองทุนบริหารความเสี่ยงหลายกอง ซึ่งเคยสนับสนุนหรือเข้าไปลงทุนในเงินคริปโท หรือลงทุนในแพลทฟอร์มเหล่านี้ ก็ประกาศลดค่าการลงทุนที่ถือไว้เป็นศูนย์ เพื่อหยุด ไม่ให้ผู้ลงทุนในกองทุนของตนเองแตกตื่นอยากขายสินทรัพย์ออกเนื่องจากกลัวราคาตกอีก เพราะเมื่อเป็นศูนย์แล้วก็ตกลงไปต่ำกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว หากไม่ได้กู้มาลงทุน ส่วนกลุ่มที่กู้มาลงทุนก็ถูกบังคับขายกันไปจำนวนมาก

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกราค่ะ แต่เลิกราแบบนี้ก็เจ็บปวด  ผู้ลงทุนจึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองด้วยการหาความรู้ ด้วยการสอบถาม และต้องลงทุนด้วยความเข้าใจ

หลักทรัพย์และตราสารการเงินใหม่ๆจะต้องมีออกมาอีกเรื่อยๆ ผู้ลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจสิ่งที่กำลังพิจารณาลงทุน  ดิฉันขอฝากเทคนิคในการพิจารณา คือ ก่อนที่เราจะตัดสินใจเป็นเจ้าของสินทรัพย์อะไร เราต้องถามตัวเองด้วยคำถามต่อไปนี้

1.    จะเอาไปทำอะไร มีประโยชน์ใช้สอยไหม มีผลตอบแทนไหม
2.    มีสินทรัพย์อื่นที่มีประโยชน์ใช้สอยเหมือนกัน หรือคล้ายกัน มาเปรียบเทียบไหม ถูกกว่าไหม ดีกว่าไหม
3.    มีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาหรือไม่ แพงไหม เรามีเงินบำรุงรักษาไหม
4.    เป็นเจ้าของแล้วได้ผลตอบแทนไหม ผลตอบแทนอยู่ในรูปอะไร (สำหรับดิฉัน ถ้าผลตอบแทนเป็นแต้มเอาไปเล่นเกม ดิฉันก็ไม่อยากได้) ผลตอบแทนนั้นสมเหตุสมผลหรือไม่ (ถ้าสูงแบบไม่น่าเชื่อก็มักจะเป็นแชร์ลูกโซ่ เพราะเอาเงินคนใหม่มาจ่ายคนเก่า)
5.    ถ้าเราไม่ชอบแล้ว เบื่อแล้ว สามารถขายต่อได้ไหม (มีตลาดรอง ตลาดมือสอง) มูลค่าตกลงไปมากไหม
6.    ที่สำคัญและคนมักจะลืมคือ “ความเสี่ยงของตัวกลาง” หลายครั้งทรัพย์สินที่ซื้อต้องฝากไว้กับตัวกลาง หากตัวกลางล้มละลาย หรือเป็นอะไรไป ทรัพย์สินเราจะหายไปด้วยหรือไม่
7.    ไม่ว่าในยุคสมัยใด เราต้องพึงระวังอย่าให้ถูกหลอก อย่าให้ถูกโกง
8.    ข้อสุดท้ายไม่ต้องถามแต่ต้องเตือนตัวเองว่า “อย่าโลภ” ความโลภทำให้หน้ามือตาลาย ไม่รอบคอบ

เทคนิคนี้ เขียนไว้ในหนังสือ “เงินไม่ใช่ทุกอย่าง แต่ทุกอย่างเริ่มต้นที่เงิน” คู่มือสานฝันให้เป็นจริง ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1  หากท่านสนใจหลักการและเทคนิคในการออมเงิน ลงทุน และใช้ชีวิต อยากแนะนำหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นคู่มือพื้นฐานการลงทุนที่มีประโยชน์ หนังสือพิมพ์ 4 สีทุกหน้า จำนวน 218 หน้า ราคาเล่มละ 200 บาท ช่วงพรีออเดอร์มีลดราคาพิเศษ สอบถามมาทาง email ที่ [email protected] ได้นะคะ  อยากเชิญชวนซื้อแจกคนทั่วๆไปที่สนใจยกระดับฐานะของตนเอง รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปมอบเป็นทุนการศึกษาให้เด็กที่ลำบากค่ะ