Bitcoin อยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง : ราคาที่จุดสูงสุดใหม่และสัญญาณที่นักลงทุนต้องจับตา

Bitcoin ทำสถิติสูงสุดใหม่ (ATH) ที่ 124,400 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับฐานลงมา ทำให้เกิดคำถามว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของวัฏจักรขาขึ้น หรือเป็นเพียงการพักฐานชั่วคราว แนวต้านสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตาคือระดับ 127,000 ดอลลาร์ ซึ่งหากผ่านไปได้อาจหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อ แต่หากไม่ผ่านอาจเสี่ยงต่อการปรับฐานที่รุนแรงขึ้น
KEY
POINTS
- Bitcoin ทำสถิติสูงสุดใหม่ (ATH) ที่ 124,400 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับฐานลงมา ทำให้เกิดคำถามว่าตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของวัฏจักรขาขึ้น หรือเป็นเพียงการพักฐานชั่วคราว
- แนวต้านสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตาคือระดับ 127,000 ดอลลาร์ ซึ่งหากผ่านไปได้อาจหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นต่อ แต่หากไม่ผ่านอาจเสี่ยงต่อการปรับฐานที่รุนแรงขึ้น
- ค่าความผันผวนแฝง (Implied Volatility) ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี เป็นสัญญาณที่อาจบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวของราคาครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น คล้ายกับเหตุการณ์ในอดีต
- การทำ ATH ครั้งนี้ถูกขับเคลื่อนโดยตลาดอนุพันธ์และการเก็งกำไรมากกว่าเงินทุนใหม่ที่ไหลเข้า ซึ่งเห็นได้จากข้อมูล Realized Cap ที่เติบโตช้าลง บ่งชี้ถึงความยั่งยืนที่อาจน้อยกว่ารอบก่อน
- สัญญาณ "Altseason" เริ่มปรากฏชัดขึ้น เมื่อเงินทุนเริ่มไหลออกจาก Bitcoin ไปยัง Altcoins ซึ่งในอดีตมักเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดอาจกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของวัฏจักรขาขึ้น
- แม้มีการปรับฐาน แต่พฤติกรรมการขายทำกำไรและขาดทุนยังอยู่ในกรอบปกติของตลาดกระทิง ไม่ได้สะท้อนถึงภาวะตื่นตระหนก (Panic Sell)
- การที่ราคา Bitcoin จะสามารถทรงตัวเหนือระดับ 120,000 ดอลลาร์ได้หรือไม่ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของตลาดในระยะต่อไป
ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลัง Bitcoin ทำจุดสูงสุดใหม่ (ATH) ที่ 124,400 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะปรับฐานลงมาอยู่ที่ระดับ 112,900 ดอลลาร์ ในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน ซึ่งมีความผันผวนของราคาที่มากกว่า 9% ในสัปดาห์เดียวทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่า การเคลื่อนไหวรอบนี้คือ สัญญาณที่ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของวัฏจักรขาขึ้น (late bull cycle) หรือเป็นเพียงการพักฐานชั่วคราวก่อนตลาดจะทำสถิติใหม่
บทวิเคราะห์นี้ได้กล่าวถึงปัจจัยทาง Technical Analysis และ ข้อมูลเชิงลึกจาก On-chain Data เพื่อประเมินว่าตลาดกำลังยืนอยู่ที่จุดไหน และสิ่งที่นักลงทุนควรจับตาต่อไปคืออะไร?
บทวิเคราะห์ชี้ว่า ระดับแนวต้านสำคัญที่ 127,000 ดอลลาร์ของ Bitcoin ซึ่งข้อมูลระบุว่าเป็น ค่าเฉลี่ยต้นทุนผู้ถือครองระยะสั้น (Short-Term Holder Cost Basis) ที่ระดับ +1σ (บวกหนึ่งซิกมา) ซึ่งในอดีตทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญของแต่ละรอบวัฏจักร โดยหาก Bitcoin สามารถทรงตัวเหนือระดับแนวต้านนี้ได้สำเร็จ จะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่น และอาจหนุนให้ราคาฟื้นไปแตะโซนถัดไปที่ 144,000 ดอลลาร์ แต่หากไม่สามารถทรงตัวที่แนวต้านนี้ได้ ความเสี่ยงจากแรงขายของนักลงทุนระยะสั้นอาจกดดันให้ตลาดเข้าสู่การปรับฐานที่รุนแรงมากขึ้น
ความผันผวนต่ำสุดในรอบหลายปี: สัญญาณก่อนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
อีกประเด็นสำคัญที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามคือ ค่า Implied Volatility (IV) ของตลาด options ที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดอาจกำลังอยู่ในระยะของการพักฐานก่อนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ โดยหากย้อนดูข้อมูลในอดีต ช่วงที่ IV ต่ำเช่นนี้มักเกิดขึ้นก่อนการขาขึ้นครั้งสำคัญของ Bitcoin เช่นในปี 2020 ก่อนที่ราคาจะวิ่งจาก $10,000 ไป $40,000 ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน หรือในปี 2023 ก่อนราคาขึ้นแตะ $70,000 ดังนั้น สัญญาณใน ครั้งนี้อาจเป็นปัจจัยหนุนในการผลักดันราคาในอนาคตได้
เงินทุนใหม่เริ่มชะลอ: Realized Cap โตเพียง 6% ต่อเดือน อ้างอิงจาก
บทวิเคราะห์นี้ยังชี้ว่าข้อมูล Realized Cap หรือมูลค่าตามราคาซื้อขายจริงบนเครือข่าย ขยายตัวเฉลี่ยเพียง ~6% ต่อเดือน ต่างจากการทำ ATH ในรอบก่อน (มี.ค. และ ธ.ค. 2024) ที่เคยโตได้ถึง ~13% ต่อเดือน บ่งชี้ว่าเม็ดเงินใหม่ที่ไหลเข้าสู่ตลาดชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
สิ่งนี้สะท้อนว่า การทำ ATH ครั้งนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยเงินทุนใหม่เช่นเดียวกับรอบก่อนหน้า แต่เกิดจากแรงเก็งกำไรและ Leverage ในตลาดอนุพันธ์เป็นหลัก ทำให้ความยั่งยืนของการปรับตัวขึ้นของราคาครั้งนี้ยังเป็นที่ถกเถียงอยู่มากในหมู่นักลงทุน
อีกสัญญาณที่นำมาวิเคราะห์ คือ การขายทำกำไร ที่โดยมากแล้วมักเกิดขึ้นมหาศาลในช่วงที่ราคา BTC ขึ้นทำสถิติ ATH ใหม่ แต่ ATH ในครั้งนี้กลับมีการปรับลดลงของระดับการขายทำกำไรที่สามารถเห็นได้จาก Volatility-Adjusted Net Realized Profit/Loss Metric ที่สะท้อนให้เห็นว่าเหล่านักลงทุนเลือกที่จะถือ BTC มากกว่าการเทขายออกในทันที
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจาก Glassnode ยังพบว่ามีปริมาณการขายขาดทุนที่ถูกบันทึกมากกว่า 112 ล้านดอลลาร์ต่อวันในช่วงการปรับฐานล่าสุด แม้ว่าตัวเลขนี้จะสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้า แต่หากมองในภาพใหญ่แล้ว ยังถือว่าอยู่ในกรอบปกติของ local corrections หรือการปรับฐานระยะสั้นที่มักเกิดขึ้นระหว่างวัฏจักร bull market
เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีต เช่น ในเดือนสิงหาคม 2024 ที่เกิดวิกฤต “Yen Carry Unwind” ที่นักลงทุนต้องเผชิญกับการขาดทุนในปริมาณที่มากกว่าปัจจุบันหลายเท่า หรือในช่วง “Trump Tariff Tantrum” ระหว่างเดือนมีนาคม–เมษายน 2025 ก็มีแรงขายแบบ Capitulation ที่รุนแรงกว่ามากตัวเลขขาดทุนในรอบนี้ที่ยังต่ำกว่าระดับเหล่านั้น แสดงให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงทนแรงกดดันของตลาดได้ และยังไม่ใช่ภาวะของ panic sell
กล่าวอีกนัยหนึ่ง แม้จะมีสัญญาณว่าความเชื่อมั่นเริ่มสั่นคลอน แต่การปรับฐานครั้งนี้ยังอยู่ในกรอบที่ถือว่าเป็นภาวะปกติสำหรับวัฏจักรขาขึ้น มากกว่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกภาวะการล้มเหลวของตลาด
สิ่งที่โดดเด่นในวัฎจักรรอบนี้คือบทบาทของตลาดอนุพันธ์ที่โดดเด่นกว่าตลาด Spot อย่างชัดเจน ระดับ Open Interest ของ Bitcoin Futures อยู่ที่ราว 67,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก และระหว่างการปรับฐานของราคา ก็มีสัญญากว่า 2,300 ล้านดอลลาร์ถูกปิดออกไป
สะท้อนว่าการเคลื่อนไหวของราคาครั้งนี้ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยนักลงทุนที่ซื้อขายจริงในตลาด spot เป็นหลัก แต่เกิดจากการเก็งกำไรและ Leverage ในตลาดอนุพันธ์ ซึ่งทำให้การแกว่งตัวของราคามีความรุนแรงและเสี่ยงต่อภาวะ Liquidation Cascade หรือราคาร่วงลงมาแบบโดมิโนนั่นเอง
ข้อมูลของ Glassnode ยังชี้ว่าโครงสร้างตลาดกำลังเปลี่ยนไป เงินทุนกำลังไหลออกจาก Bitcoin ไปยัง Altcoins มากขึ้น
• Bitcoin Dominance ลดลงจาก 65% เหลือเพียง 59% ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน
• ราคา Ethereum ปรับตัวขึ้นถึง 25.5% ภายในสัปดาห์เดียว ขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 4,300 ดอลลาร์ ห่างจากจุด ATH เพียง 12.5%
• XRP ปรับบวก 16.2%, Solana +13.6%, และ Dogecoin +25.5% ในสัปดาห์เดียวเช่นกัน
นี่เป็นลักษณะของการเข้าสู่ช่วง Altseason ที่นักลงทุนแห่หมุนเงินเข้าหาสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูงกว่า Bitcoin เพื่อตามหาผลตอบแทนที่มากกว่า ซึ่งในอดีตมักเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดอาจกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของวัฏจักร
หากเปรียบเทียบกับวัฏจักรในอดีตอย่างปี 2015–2018 และ 2018–2022 จะเห็นว่าภาวะตลาด ณ ปัจจุบันอาจยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด และยังมีศักยภาพในการปรับตัวขึ้นต่อไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต่างออกไปอย่างชัดเจนคือแรงขับเคลื่อนจากตลาดอนุพันธ์และกระแสเก็งกำไรในเหรียญกลุ่ม Altcoins ที่สูงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แม้จะเป็นปัจจัยบวกในเชิงราคา แต่ก็อาจเป็นปัจจัยที่หนุนให้ความเสี่ยงด้านความผันผวนและการปรับฐานรุนแรงมีมากขึ้นกว่าเดิม
การคงระดับของราคา Bitcoin ที่โซนเหนือ 120,000 ดอลลาร์ ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของตลาด หากราคาสามารถทรงตัวเหนือระดับดังกล่าวได้อย่างมั่นคง ย่อมมีโอกาสสูงที่ตลาดจะเดินหน้าสร้างสถิติใหม่ แต่หากราคาปรับลดลงต่ำกว่าระดับนี้ก็อาจกลายเป็นสัญญาณเปิดทางสู่การปรับฐานที่รุนแรงและยืดเยื้อยิ่งขึ้น
หมายเหตุ: บทวิเคราะห์นี้ไม่ได้จัดทำขึ้นเพื่อให้คำแนะนำด้านการลงทุน ข้อมูลทั้งหมดจัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและการศึกษาเท่านั้น ท่านไม่ควรใช้ข้อมูลที่ปรากฏในรายงานนี้เป็นพื้นฐานในการตัดสินใจลงทุน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
Source:
https://insights.glassnode.com/the-week-onchain-week-33-2025/
https://insights.glassnode.com/the-week-onchain-week-32-2025/







