G-Token: มิติใหม่ของพันธบัตรรัฐบาลไทย 

G-Token: มิติใหม่ของพันธบัตรรัฐบาลไทย 

G-Token คือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ออกโดยกระทรวงการคลัง โดยเป็นการแปลงสิทธิในพันธบัตรรัฐบาลให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้ผู้ถือมีสถานะเทียบเท่าเจ้าหนี้ของรัฐบาล

KEY

POINTS

  • G-Token คือโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ออกโดยกระทรวงการคลัง โดยเป็นการแปลงสิทธิในพันธบัตรรัฐบาลให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้ผู้ถือมีสถานะเทียบเท่าเจ้าหนี้ของรัฐบาล
  • G-Token แตกต่างจากพันธบัตรทั่วไปคือ ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียงหลักร้อยบาท มีอายุการถือครองสั้นกว่า (ไม่เกิน 3 ปี) และมีสภาพคล่องสูงกว่า โดยสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรองผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลได้ทันที
  • ข้อดีสำหรับนักลงทุนคือเข้าถึงง่าย สภาพคล่องสูง และคาดว่าค่าธรรมเนียมจะต่ำลง ขณะที่ภาครัฐสามารถลดต้นทุนการออกพันธบัตรและขยายฐานไปยังนักลงทุนรุ่นใหม่ได้
  • ความเสี่ยงแบ่งเป็น 2 ประเภทหลัก: 1) ความเสี่ยงด้านการลงทุน ซึ่งเหมือนกับพันธบัตรทั่วไป (เช่น ราคาในตลาดรองอาจผันผวนตามอัตราดอกเบี้ย) และ 2) ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี (เช่น การโจมตีทางไซเบอร์ หรือการทำกุญแจส่วนตัวหาย)
  • G-Token ไม่ใช่คริปโทเคอร์เรนซีเพื่อการเก็งกำไรเหมือน Bitcoin และไม่สามารถใช้ชำระค่าสินค้าได้ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต.
  • ล็อตแรกมีวงเงิน 5,000 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายช่วงปลายเดือนสิงหาคม ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ โดยให้ผลตอบแทนใกล้เคียงหรือสูงกว่าพันธบัตรออมทรัพย์ทั่วไป

ใกล้เข้ามาแล้วครับ สำหรับการออกจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลไทยในรูปแบบของ G-Token โดย G-Token ที่จะออกจำหน่ายนี้กำหนดวงเงินอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และอายุการถือครองไม่เกิน 3 ปี โดยจ่ายผลตอบแทนในอัตราดอกเบี้ยที่ได้จะใกล้เคียงหรือสูงกว่าพันธบัตรออมทรัพย์แบบธรรมดาทั่วไป โดยล็อตแรกคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ มีคำถามเข้ามามากเลยครับ ว่าตัว G-Token ที่ว่านี้คืออะไร มีความเสี่ยงแค่ไหน และ แตกต่างจาก พันธบัตรทั่วไป หรือ สินทรัพย์ดิจิตอล จำพวกเหรียญคริปโท

อย่างไร วันนี้ผมจะขอให้คุณปิติพงษ์ รุ่งเรืองวุฒิกุล CFP® ผู้เชี่ยวชาญในด้านการวางแผนการเงินของบริษัท Wealth Creation International Investment Advisory Security Co., Ltd. จะมาเล่ามุมมองเกี่ยวกับการลงทุนในทองคำให้ท่านผู้อ่านได้อ่านกันนะครับ

G-Token คืออะไร : G-Token คือ “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน” ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง โดยเป็นการแปลงสิทธิในพันธบัตรรัฐบาลให้อยู่ในรูปแบบดิจิทัลบนเทคโนโลยีบล็อกเชน โดย ผู้ถือ G-Token มีสถานะเทียบเท่าเจ้าหนี้ของรัฐบาลที่จะได้รับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยตามกำหนด

ในแง่ของ ความแตกต่างระหว่าง G-Token กับพันธบัตรออมทรัพย์แบบทั่วไป นั้นนอกจากในเรื่องของช่องทางการจำหน่ายที่จะต้องซื้อผ่าน แพลตฟอร์มดิจิตอลแล้ว ยังต่างกันในเรื่องของ ยอดซื้อขั้นต่ำ, อายุการถือครอง และ สภาพคล่องอีกด้วย โดยที่ หากเป็น G-Token จะมียอดซื้อขั้นต่ำที่ถูกกว่าโดยเริ่มต้นที่หลักร้อยบาทเท่านั้น และยังมีอายุการถือครองที่สั้นกว่า โดยอยู่ที่ 1-3 ปี และมีสภาพคล่องที่สูงกว่า สามารถซื้อขายผ่านตลาดรองผ่านแพลตฟอร์มดิจิตอลได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาดำเนินงานด้านทะเบียน งานเอกสารแบบเดิมที่กินเวลา 7-10 วัน 

สำหรับ ข้อดีของ G-Token ในแง่ของนักลงทุน ก็คือ ความง่ายในการเข้าถึงของผู้ลงทุน เพราะสามารถใช้เงินลงทุนเพียงหลัก 100 ถึงหลักพันบาทก็สามารถที่จะเริ่มลงทุนได้ นอกจากนั้น การลงทุนผ่าน G-Token ยังมีสภาพคล่องที่สูงกว่าการลงทุนในพันธบัตรแบบเดิม เพราะสามารถทำการซื้อขายในตลาดรองได้ทันที ไม่ต้องไปทำเรื่องผ่านสถาบันการเงินหรือโบรกเกอร์ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายได้ต่ำลงอีกด้วย และสุดท้ายแล้วด้วยการที่ใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน ทำให้การยืนยันความเป็นเจ้าของทำได้อย่างแม่นยำ ตรวจสอบได้ 

ในทางกลับกัน G-Token ก็ยังมีผลดีต่อรัฐบาล ในแง่ของการช่วยลดต้นทุน ในการออกพันธบัตร และค่าธรรมเนียมของตัวกลางลงไปได้ และยังเพิ่มการขยายฐานของนักลงทุนออกไปให้เข้าถึงกลุ่มนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมาก่อนได้ จากเงื่อนไขยอดขั้นต่ำในการลงทุนที่ไม่สูงมากนัก

และในมุมความเสี่ยงของ G-Token นั้นจะแบ่งได้เป็นหลักๆ 2 ประเภทนั่นคือ ความเสี่ยงจากการลงทุน และ ความเสี่ยงจากตัวเทคโนโลยี 

โดยความเสี่ยงจากการลงทุนนั้น หากเป็น G-Token พันธบัตรรัฐบาล ความเสี่ยงก็จะไม่ต่างจากพันธบัตรรัฐบาลแบบทั่วไปเลย ก็คือจัดอยู่ในกลุ่มตราสารหนี้ ความเสี่ยงต่ำที่มีรัฐบาลเป็นลูกหนี้ การซื้อแล้วถือจนครบสัญญาก็จะได้ดอกเบี้ยตามหน้าตั๋วมาเรื่อยๆ และเมื่อครบสัญญาก็จะได้เงินต้นคืน แต่หากต้องการขายออกไปก่อนจะครบสัญญาก็จะต้องดูที่ราคาของ พันธบัตรนั้นในตลาดรองว่า ตั้งราคาซื้อขายกันอยู่ที่เท่าไร ทั้งนี้หากดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับตัวสูงขึ้น ราคาพันธบัตรที่ซื้อขายในตลาดรองก็จะมีราคาที่ต่ำลงทำให้อาจจะขาดทุนได้ ในทางกลับกันหากดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับตัวลดลง ราคาซื้อขายในตลาดรองก็จะมีราคาที่สูงขึ้น แต่หากถือต่อไปจนครบกำหนดก็จะได้ดอกเบี้ยตามหน้าตั๋วนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจาก ปริมาณความต้องการซื้อ ความต้องการขายในตลาดรอง ที่อาจจะส่งผลต่อราคาพันธบัตรได้เช่นเดียวกัน

ในส่วนของความเสี่ยงจากตัวเทคโนโลยีนั้น ตัวระบบทั้งหมดจะพึ่งพิงความปลอดภัยของแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลและกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ของผู้ลงทุนเอง ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงจาก การโจมตีทางไซเบอร์ หรือการทำกุญแจส่วนตัว (Private Key) สูญหาย อาจนำไปสู่การสูญเสียสินทรัพย์ลงทุนได้

สำหรับความเข้าใจที่ผิดของหลายๆคนเกี่ยวกับ G-Token ก็คือคิดว่า G-Token จะเป็นคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อการเก็งกำไร แต่ความจริงแล้วนั้น G-Token ไม่ใช่ คริปโทเคอร์เรนซีเพื่อการเก็งกำไรเหมือน Bitcoin และ ไม่สามารถ นำไปใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการแทนเงินบาทได้ และจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ซื้อได้ที่ไหน เมื่อไร ผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร : ทั้งนี้ การจำหน่าย G-Token จะขายผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เป็นหลัก โดยคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ในช่วงปลายเดือน สิงหาคม และผลตอบแทนคาดว่าจะจ่ายในอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้เคียงหรือสูงกว่าพันธบัตรออมทรัพย์ทั่วไป

และสำหรับการขายหรือซื้อในตลาดรองนั้น จะสามารถทำได้ผ่านช่องทางของบริษัทหลักทรัพย์ 16 แห่ง และ ICO Portal อีก 5-6 แห่ง อิงจากการให้ข่าวของ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)

จะเห็นได้ว่า G-Token นั้นเป็นสินทรัพย์ลงทุนแบบใหม่ที่น่าสนใจโดยเมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลแบบเดิมที่ ต้องใช้เงินในการลงทุนที่สูงกว่า สภาพคล่องน้อยกว่า นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยระยะเวลาการถือครองของ G-Token จะถูกกำหนดให้ไม่เกิน 3 ปี ดังนั้น หากผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้นผ่านการลงทุนในพันธบัตรที่มีระยะเวลามากกว่า 3 ปี ก็ยังคงมีตัวเลือกเป็นพันธบัตรแบบเดิมนั่นเองครับ