ปรับเพื่อเป้าหมายอนาคต

ปรับเพื่อเป้าหมายอนาคต

หมั่นชื่นชมความสำเร็จของผู้อื่น ให้เวลากับการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอ

ท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจจนอาจบานปลายเป็นวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก การจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นสิ่งจำเป็น แต่บางครั้งสถานการณ์ภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมหรือจัดการอะไรได้ การหันกลับมาทบทวนตัวเองก็อาจเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน

การวางแผนไปสู่เป้าหมายในอนาคตจำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้ตัวเองให้มากที่สุด ช่วงเวลานี้จึงอาจเป็นช่วงเวลาที่ดีที่เราได้ทบทวนแผนและกลยุทธ์เพื่อปรับตัวรับความผันผวน ซึ่งสิ่งที่ควรคิดและให้ความสำคัญมีอยู่ไม่กี่ประการคือ

ประการแรก ใช้บทเรียนจากอดีตไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จหรือความล้มเหลวให้เต็มที่ นั่นคือต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าถ้าสำเร็จเป็นเพราะอะไร มีอะไรเป็นองค์ประกอบ เพื่อรู้แนวทางขยายผลต่อในอนาคต หรือถ้าล้มเหลวก็ต้องตอบได้ว่าล้มเหลวเพราะอะไรเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ

ประการที่สอง เลิกเชื่อในเรื่องโชคลางหรือฟ้าลิขิต เพราะความคิดเช่นนั้นอาจลดทอนความเชื่อมั่นในตัวเองลงเพราะไปให้น้ำหนักกับโชคชะตามากกว่าการพัฒนาความรู้ความสามารถของตัวเราเอง ดูได้จากคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตล้วนเป็นผู้กำหนดโชคชะตาของตัวเองทั้งนั้น

ประการที่สาม แยกแยะปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้กับปัจจัยที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เพราะการเสียเวลาไปกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้เป็นการสูญเปล่าและยังสร้างความวิตกกังวลโดยใช่เหตุ ในขณะที่ปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้เองอาจถูกละเลยจนทำให้เกิดปัญหาโดยไม่รู้ตัว

ประการที่สี่ หมั่นชื่นชมความสำเร็จของผู้อื่น เพราะการชื่นชมผู้อื่นเสมอเป็นการสร้างพลังเชิงบวก และก่อให้เกิดการเรียนรู้จากความสำเร็จของผู้อื่น ตรงกันข้ามกับความอิจฉาริษยาที่ทำให้เกิดอารมณ์เชิงลบ ไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกเชิงบวกใด ๆ ให้เกิดขึ้น

ประการที่ห้า ให้เวลากับการเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจอยู่นอกเหนือประสบการณ์ที่เรามีอยู่ การเรียนรู้ตลอดเวลา รวมถึงศึกษาความสำเร็จและความล้มเหลวของผู้อื่นอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก

ประการที่หก มองให้ลึกซึ้งถึงสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจผู้อื่น ไม่ใช่แค่วัตถุภายนอก เพราะคนที่จิตใจดีคิดถึงส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัวย่อมมีคุณค่ามากกว่าคนอื่นที่ไม่สนใจคนรอบข้าง การให้น้ำหนักกับคนที่ถูกต้องย่อมทำให้ได้รับผลตอบรับที่ดีกว่าเสมอ

ประการที่เจ็ด มีเป้าหมาย และจัดลำดับความสำคัญของงานเพื่อให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการเสมอ อย่าเสียเวลาไปกับเรื่องด่วนที่ไม่สำคัญ ซึ่งมักทำให้กลายเป็นงานเฉพาะหน้าจนเสียเวลางานอื่นๆ ที่มีความจำเป็นมากกว่า

ประการที่แปด ต้องหมั่นให้กำลังใจตัวเอง อย่าปล่อยให้ตัวเองจมกับความวิตกกังวล ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเครียดเกินความจำเป็นหรือนอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ ตรงกันข้ามกับคนที่รู้จักพึงพอใจในตัวเองซึ่งมักจะมีกำลังใจ และมีสุขภาพจิตที่ดีอยู่เสมอ

การเปลี่ยนความคิด อาจเปลี่ยนตัวเองให้ไปสู่เป้าหมายได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องทบทวนและหาทางปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ