SET Index ไปต่อแค่ไหนและควรเลือกหุ้นยังไง..?

SET Index ไปต่อแค่ไหนและควรเลือกหุ้นยังไง..?

คาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้อาจจะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครนรวมทั้งเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในหลายประเทศ แต่กว่า 1 เดือนของสถานการณ์สงครามในยูเครนผลกระทบไม่ได้ขยายวงไปสู่ประเทศต่างๆ และต่อเศรษฐกิจโลกมากนัก รวมทั้งประเทศไทยและบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นด้วย

แม้ตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. จะเกิดความผันผวนตามตลาดโลก แต่ยังปรับตัวขึ้นในทิศทางขาขึ้นได้ต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยซึ่งมีแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติอยู่เป็นระยะ จนช่วงต้นเดือน เม.ย. ดัชนีสามารถกลับมายืนที่ระดับ 1,700 จุด

จุดแข็งของตลาดหุ้นไทยคือการเติบโตของกำไรในกลุ่มหลักซึ่งสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของกำไรตลาดทั้งหมดได้แก่ กลุ่มพลังงาน , ธนาคารและค้าปลีก นั้นมีความแข็งแกร่งแม้จะมีปัจจัยภายนอกกดดัน และ KTBST SEC คาดว่ากำไรตลาดในไตรมาสแรกปีนี้จะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

แต่แม้ว่า SET Index จะได้แรงซื้อจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ แต่สถานการณ์สงครามยูเครนที่มีการเจรจากันก็ตามแต่การสู้รบนั้นยังไม่จบลงและอาจจะยืดเยื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องติดตาม ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยที่ซื้อ-ขายที่ระดับ 1,700 จุด บนระดับ Forward P/E ปี 2022 ที่ 18.82 เท่า ถือว่าเป็นระดับราคาที่ไม่ถูกแต่ก็ไม่แพง ดังนั้นการเลือกหุ้นเข้าลงทุนจึงมีความสำคัญ

ดังนั้นสถานการณ์สงครามในยูเครน แม้ว่านานาประเทศเตรียมที่คว่ำบาตรต่อประเทศเพิ่มขึ้น แต่มีสัญญาณในเชิงบวกเรื่องการถอนทหารรัสเซียบางพื้นที่ รวมถึงการเจรจาที่ทางด้านยูเครนเริ่มตอบรับข้อเสนอของทางรัสเซียบางข้อ เช่น การวางตัวเป็นประเทศเป็นกลาง  KTBST SEC มองว่า จุดจบของสงครามและความขัดแย้งครั้งนี้ จะเกิดขึ้นเป็นลำดับตั้งแต่ การเจรจา ประกาศหยุดยิง ไปจนถึงการพบกันของผู้นำของรัสเซียกับยูเครน และมีการทำข้อตกลงร่วมกันในท้ายที่สุด  แต่ลำดับทั้งหมดจะเกิดขึ้นเมื่อไรนั้นต้องติดตาม ซึ่งในช่วงระหว่างนี้แน่นอนว่าอาจจะมีความแน่นอนที่กระทบต่อบรรยากาศของเศรษฐกิจและตลาดสินทรัพย์ต่างๆ เช่น ราคาน้ำมันรวมถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ได้ 

ดังนั้นด้วยปัจจัยตัวแปรดังกล่าว ในช่วงเดือนนี้เราควรเลือกลงทุนอย่างไรดี .?

ด้วยมุมมมองว่า ประเทศไทยยังเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติ ด้วยกระแสเงินลงทุน (Fund flow) ที่เข้ามาซื้อทั้งในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น โดยเฉพาะกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่หรือกลุ่ม Big Cap ที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมา และเป็นสนใจของนักลงทุน

KTBST SEC เลือกหุ้นใน 2 กลุ่มมาแนะนำ นั่นคือ 1.) หุ้นกลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาล (หุ้น JR )  กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า (หุ้น EA) และ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี หุ้น (BE8)

2.) กลุ่มหุ้นที่ราคาปรับตัวลงมามาก ได้แก่ ธนาคาร ( หุ้น KBANK)  , อิเล็กทรอนิกส์ (หุ้น KCE)  กลุ่มเครื่องดื่ม (หุ้น CBG) และกลุ่มแพกเกจจิ้ง (หุ้น SCPG)

ตลาดหุ้นไทยยังเดินหน้าต่อไปได้สะท้อนว่า SET Index ก้าวข้ามปัจจัยลบต่างๆ แต่นักลงต้องพิจารณาเลือกลงทุนให้เหมาะทั้งการลงทุนระยะสั้นและระยะยาวนะครับ และเดือน เม.ย. นี้จะมีวันหยุดยาวในช่วงวันสงกรานต์ แต่สถานการณ์ต่างประเทศอาจมีความเคลื่อนไหวที่สำคัญเกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องสงครามยูเครนให้ต้องติดตาม ... ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จในการลงทุนและมีความสุข สุขภาพแข็งแรงในช่วงวันสงกรานต์ครับ