เก่งแค่ไหน ก็ไม่รอด

เก่งแค่ไหน ก็ไม่รอด

คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ คือนักฟุตบอลรูปหล่อ ฝีเท้าเยี่ยม นิสัยสุภาพ และอ่อนโยนกับผู้คน เป็นที่รักใคร่ของแฟนๆทั่วโลก โรนัลโด้ ปัจจุบันอายุ 37 ปี สังกัดสโมสร Manchester United

และทีมเดียวกันนี้ โรนัลโด้ มีนักฟุตบอลรุ่นน้อง อีกคนหนึ่ง ที่เป็น ดาวรุ่งดวงใหม่ เขามีอายุเพียง 20 ปี ตำแหน่งศูนย์หน้า ทั้งสด แกร่ง และเก่งมาก โดดเด่นและโด่งดังมา ตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน

เมื่อ 3 วันก่อน นักฟุตบอลดังรวม 4 คน ของทีมนี้ นำโดย Ronaldo และอีก 3 คน คือ  David de Gea, Paul Pogba และ Marcus Rashford ได้ประกาศเลิกติดตาม ดาวรุ่งดวงนี้ ทางอินสตาแกรม.... ทั้งๆที่อยู่ในทีมเดียวกัน

เจ้านักฟุตบอลหนุ่มน้อย มีชื่อว่า “Mason Greenwood” ขณะนี้เขาโด่งดังไปทั่วโลก แต่ไม่ใช่เพราะได้รับความชื่นชม ในเรื่องฟุตบอลที่เก่งฉกาจ ตรงกันข้าม เขากำลังถูกประนาม จากทุกวงการของสังคม และ กำลังสูญเสียทุกอย่าง ที่เคยได้รับมาอย่างมากมาย.... 

NIKE สปอนเซอร์รายใหญ่ของเมสัน ประกาศว่า บริษัทขอสิ้นสุดความสัมพันธ์กับ เมสัน กรีนวู้ด และจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ส่วน  Cadbury ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการของ Manchester United ก็ประกาศว่า จะไม่นำ เมสันไปทำการตลาดสินค้าใดๆ ทั้งสิ้น

EA Sports บริษัทผู้พัฒนาสปอร์ตเกม ก็ตัด เมสัน ออกไปจากเกม FIFA 22 จากเวอร์ชั่นออฟไลน์ และในที่สุด ได้ออกมาประกาศย้ำว่า ถอดเขาออกจากเกมนี้ในทุกแพลตฟอร์ม

ส่วน แมนยู สโมสรต้นสังกัด ก็ได้ประกาศว่า ต่อจากนี้ไป เมสัน จะไม่ได้ลงเล่นในนามสโมสรอีกแล้ว และต่อมาได้ออกประกาศอีกครั้งว่า “เราขอย้ำว่า เมสันจะไม่ได้เข้าฝึกฝนกับเรา หรือลงเล่นในทีมเรา จนกว่าจะประกาศเป็นอย่างอื่น”

ส่วน TeamViewer พาร์ทเนอร์ของสโมสร ซึ่งเป็นผู้ผลิตเสื้อทีม และมีสัญญากันระยะเวลา 5 ปี มูลค่าสูงถึง 235 ล้านปอนด์ ก็ประกาศสนับสนุนการตัดสินใจของสโมสรแมนยูด้วย

เกิดอะไรขึ้น? เมสันเก่งขนาดนี้ ทำไมจึงโดนหนักขนาดนี้?

ที่ชีวิตของดาวดวงเด่น พลิกผันได้ขนาดนี้ ตอบง่ายๆและสั้นๆ ก็คือ ตัวเขาเป็นผู้กระทำ ส่วนผู้อื่นที่ผมกล่าวถึงทั้งหมด เป็นเพียงผู้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง  ซึ่งเป็นผลมาจากการ กระทำของเมสันทั้งสิ้น

เรื่องราวเริ่มจาก แฮเรียต ร็อบสัน แฟนสาวของเมสัน วัยเพียง 18 ปี หน้าตาน่ารัก ได้โพสต์ภาพของเธอ ลงอินสตาแกรมหลายภาพ ประกอบด้วยภาพที่เห็นบาดแผล และรอยฟกช้ำบนร่างกายของเธอ หลายแห่ง

ตั้งแต่รอยเลือดที่ไหลออกจากปาก ลงมาจนถึงหน้าอก รอยฟกช้ำที่น่องและเข่า  และที่สำคัญก็คือมีเทปเสียงสนทนาระหว่างเธอ กับผู้ชายที่เธอเรียกชื่อว่า “เมสัน” ด้วย

บทสนทนานั้น มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางในสื่อต่างๆ แต่ผมเลือกที่จะ ไม่นำมาแปลให้คุณอ่าน เพราะเป็นถ้อยคำที่หยาบคาย ก้าวร้าว และป่าเถื่อน เพียงแต่จะสรุปสั้นๆว่า ผู้ชายที่เธอเรียกว่า เมสัน พยายามจะมีสัมพันธ์ทางเพศกับเธอ แต่เธอปฎิเสธ และตอนท้ายมีเสียงเขาพูดว่า

“ถ้าแกผลักฉันออกอีกครั้ง แกจะได้รู้ว่า ผลเป็นเช่นใด”

ผลก็คือภาพการถูกทำร้ายร่างกาย ที่แฮเรียตนำลงในอินสตาแกรมนั่นแหละครับ แล้วแบบนี้ เมสันจะรอดหรือครับ น่าเสียดายนะครับ อนาคตอันรุ่งโรจน์ที่รออยู่ข้างหน้า ดับสนิทในทันที

เพราะเพื่อนนักฟุตบอลเก่งๆหลายคนในทีมเดียวกัน ตัดสัมพันธ์กับเขา และ สปอนเซอร์ สโมสร และพาร์ทเนอร์ของสโมสร ก็ประกาศตัดสัมพันธ์ เมสันหมดสิทธิลงเล่นฟุตบอล จนกว่าการสอบสวนจะสิ้นสุดลงว่าเป็นเช่นใด

สรุปง่ายๆก็คือ ทุกฝ่ายประนามการกระทำอันรุนแรง และป่าเถื่อนของ เมสัน ซึ่งไม่มีใครยอมรับได้

ถ้าดูทรงแล้ว ผมว่าเมสันน่าจะไปต่อไม่ได้เลยครับ เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับเมสันไว้แล้ว และตั้งข้อกล่าวหา ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย รวมทั้งข้อหาขู่ฆ่า อีกด้วย และเมื่อหลักฐานมีชัดเจนขนาดนี้ จะมีโอกาสรอดเหลือสักกี่เปอร์เซนต์กันเชียว

ทั้งหมดนี้ เราคงต้องติดตามข่าวกัน แบบวันต่อวัน ไปอีกระยะหนึ่ง ล่าสุดเมื่อวานนี้ ตำรวจได้ให้ประกันตัว และหลังจากออกมาจากการถูกควบคุมตัว เมสันก็รีบเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยที่บ้าน รวมทั้งจ้าง รปภ. ส่วนตัวอีก 2 คนด้วย

ผมคิดว่าเรื่องนี้ ควรจะนำมาเล่าสู่กันฟังครับ เพื่อให้คนจากทุกวงการ ได้ถอดบทเรียน

ก็คงหนีไม่พ้นประเด็นเรื่อง คนเก่ง กับ คนดี แหละครับ เพราะเมสันนั้น เก่งฉกาจ แบบไม่มีใครปฎิเสธ แต่เกียรติยศถูกลบล้างทิ้งไปทั้งหมด เมื่อสังคมได้ทราบว่าเขา ไม่ใช่ คนดี

คนเก่ง อาจจะเก่งโดยกำเนิด ที่เรียกว่า พรสวรรค์ หรือ เก่งด้วยความพยายาม ที่เรียกว่า พรแสวง หรือเก่งมากๆเพราะมีทั้งสองอย่าง ก็ได้ ส่วน คนดี จะดีเพราะมีติดตัวมาตั้งแต่ร้องอุแว้ เลยหรือไม่ ตรงนี้คงต้องทำวิจัยกันเยอะครับ

แต่ผมคิดว่า น่าจะ ดี เพราะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ดี และได้รับคำสอน พร้อมได้เห็นตัวอย่างที่ดี ที่สำคัญที่สุดก็คือ มีพ่อแม่และครู ที่สอนดีและประพฤติดี และ มีหัวหน้างานที่ประพฤติดีด้วย

ในชีวิตการทำงานของเรานั้น คำพูดที่ว่า “ทำตัวให้เป็นตัวอย่าง” หรือ Leading by Example น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด เพราะถ้าหากหัวหน้างาน ทำตัวให้พนักงานได้เห็นว่า “อย่างนี้ทำได้ อย่างนี้ไม่ทำ” เพียงแค่นี้ พนักงานก็ได้เห็น และเรียนจากชีวิตจริงแล้ว

วันนี้ เราคงต้อง ตั้งคำถาม ไปยัง ผู้นำทุกแห่ง และทุกวงการ ว่าท่านทำตัวให้เป็นตัวอย่างนทางที่ดีหรือยัง ถ้าท่านได้ทำเป็นประจำอยู่แล้ว คุณผู้อ่านก็คงจะช่วยกันขอบคุณแทนสังคม

แต่ถ้าท่านยังไม่ได้ทำ หรือกลับทำในทางตรงกันข้าม...

วันนี้ยังเริ่มได้ทันนะครับ