New normal on New variant

New normal on New variant

เดือนสุดท้ายของปี 2564 ดูเหมือนความหวังกับบรรยากาศปลายปีอาจต้องสะดุดลงไม่น้อย การมาของโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron ช่วงต้นเดือน ธ.ค. สร้างความกังวลให้กับเศรษฐกิจโลกอีกระลอก

แม้ในเบื้องต้นจะประเมินว่า การระบาดสายพันธุ์นี้ไม่อันตรายต่อชีวตแต่สามารถระบาดได้รวดเร็ว ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังวางใจไม่ได้เพราะ โควิด-19 ถือเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงต่อสุขภาพอยู่ในเวลานี้

นั่นคือประเทศไทยเจอการระบาดแล้ว 5  สายพันธุ์ และสายพันธุ์ล่าสุดที่เข้ามาในไทย ยังแสดงให้เห็นว่าบรรยากาศทางเศรษฐกิจ ,การลงทุนและการใช้ชีวิตยังอยู่ภายใต้การครอบงำของโควิด-19 อยู่ต่อไปและอาจจะยาวต่อไปถึงปี 2565

อย่างไรก็ตามรอบนี้อาจไม่ได้รุนแรงถึงขั้นต้องกลับไป Lockdown เศรษฐกิจเหมือนครั้งก่อน แต่เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ใหม่และยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าผลกระทบต่อการติดเชื้อใหม่นี้รุนแรงเพียงใด ต้องรอดูผลกระทบด้านต่างๆอีกระยะ โดยเฉพาะความสามารถของป้องกันโรคของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน

เมื่อประเมินภาพทิศทางของตลาดการเงิน-การลงทุน ในเดือน ธ.ค. นี้ ทิศทางตลาดและสินทรัพย์ต่างๆ จะอ้างอิงอยู่กับกับปัจจัยหลักๆ ได้แก่

1.) สถานการณ์ระบาดสายพันธุ์ “Omicron” จะรุนแรงและส่งผลกระทบวงกว้างแค่ไหน รวมทั้งความสามารถของผู้ผลิตวัคซีนว่า จะผลิตวัคซีนตัวใหม่ออกมาปิ้องกันได้เร็วแค่ไหน หากสถานการณ์ไม่รุนแรงจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นและบรรยากาศเศรษฐกิจ แต่ถ้าหากสถานการณ์ควบคุมไม่ได้อาจจะส่งผลลบ โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวช้าลง และธุรกิจที่อ่อนแออยู่แล้วโอกาสที่จะล้มละลายจะมีสูงขึ้น

2.) นโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลังการประชุมในเดือนนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะกำหนดนทิศทางโดยอ้างอิงกับการระบาด ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อตัวเลขการจ้างงาน ดังนั้นอาจจะมีผลต่อการปรับลดปริมาณ QE ที่ช้าลงได้

3.) ทิศทางราคาน้ำมัน แม้กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ ยังไม่มีการเพิ่มกำลังการผลิตทำให้ราคาน้ำมันยังไม่ปรับลงไปมาก และมีแนวโน้มจะคงอยู่ในระดับสูงหากการระบาดไม่กระทบต่อการหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

 4.) Fund Flow การระบาดสายพันธุ์ใหม่ในช่วงแรก แน่นอนว่าทำให้นักลงทุนมีการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงและย้ายไปสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น พันธบัตรและทองคำ แต่หากการระบาดไม่รุนแรงและควบคุมได้คาดว่าเงินลงทุนจะกลับมา อย่างไรก็ตามในการะบาดเกิดขึ้นในช่วงต้นเดือน ธ.ค. แต่ช่วงปลายเดือน ต่างชาติจะเริ่มชะลอการซื้อเพราะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ดังนั้นตลาดหุ้นไทยอาจมีเงินลงทุนจากต่างชาติไม่มาก

แนวโน้มการลงทุนตลอดเดือน ธ.ค. จะขึ้นอยู่กับเรื่อง การระบาดของ "Omicron" เป็นหลัก KTBST SEC ประเมินว่าผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มต่างๆดังนี้ หากกรณี การระบาดรุนแรง (Worst case) จนมีการ lockdown เกิดขึ้น คาดว่าหุ้นกลุ่ม Domestic play ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเมืองจะได้รับผลกระทบมากขึ้น ได้แก่ กลุ่มสื่อโฆษณา , กลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน , กลุ่มขนส่ง , กลุ่มพลังงาน , กลุ่มธนาคาร , กลุ่มอุปโภคบริโภค และนิคมอุตสาหกรรม ส่วนกลุ่มหุ้นที่จะได้ปัจจัยบวกได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาล , กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม , กลุ่มไอที และกลุ่มที่เพิ่งพาการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

โดยรวมผลกระทบที่เกิดรอบนี้อาจไม่ได้แตกต่างจากช่วงที่ผ่านมานัก และมาตรการป้องกันต่างๆ ที่ดำเนินมาก่อนหน้าก็ยังคงพร้อมใช้อยู่ตลอดเวลา เพียงแต่ทำให้ธุรกิจบางส่วนและบรรยากาศการใช้ชีวิตอาจเกิดการชะงักงันได้ในช่วงสั้น และในด้านการลงทุนก็เชื่อว่านักลงทุนสามารถรับสถานการณ์เช่นนี้ได้ แต่นัยของสถานการณ์เช่นนี้บ่งบอกตอกย้ำว่าเราอาจต้องการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิมเพิ่มขึ้น เป็นแบบ New normal On New variant จนกว่าเราทุกคนจะมีสุขภาพแข็งแรงต้านทานโรคนี้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวัคซีนหรือยาชนิดใหม่ๆ การดูแลสุขภาพ การใส่หน้ากาก หลีกเลี่ยงสถานที่เสี่ยง ยังคงต้องทำ ยิ่งสายพันธุ์ใหม่ติดต่อง่าย เรายิ่งต้องระมัดระวังให้มากขึ้น

ปัจจุบันการแก้ปัญหาโควิด-19 ได้เดินมาถึงจุดที่สามารถรับมือกับการระบาดได้อย่างดีพอสมควรแล้ว การระบาดของสายพันธุ์  Omicron  จึงไม่ได้น่าตกใจมากจนเกินไป แต่การเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปให้เหมาะสมกับการป้องกัน คือ เรื่องสำคัญและเป็นความหวังของการฟื้นเศรษฐกิจและการลงทุนของไทยในปีหน้า