โควิด-19 ชี้ว่าเราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (3)

โควิด-19 ชี้ว่าเราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (3)

บทคัดย่อหนังสือ Covid-19: The Great Reset วันนี้มาจากเนื้อหาส่วนที่ 3-4 บทที่ 1 พูดถึงผลกระทบของโควิด-19และข้อคิดด้านสังคมและภูมิการเมือง

           โควิด-19มีผลกระทบสาหัสต่อด้านสังคมและทำให้สภาพที่แท้จริงในสังคมต่าง ปรากฏออกมาชัดเจนขึ้น เช่น การรักษาพยาบาล การประกันสังคม การบริหารจัดการของรัฐบาล ความเหลื่อมล้ำ ความฉ้อฉลของคนในภาครัฐและศรัทธาในสัญญาสังคม  สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่ปฏิกิริยาตอบสนองของสมาชิกในสังคม  การตอบสนองนั้นออกมาในรูปไหนและรัฐตั้งรับอย่างไรจะมีปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อไปอีก  ผลจะออกมาแบบไหนคาดเดาได้ยาก

            ก่อนการระบาดของโควิด-19 ความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งรุนแรงในสังคมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น  วิกฤติจากโควิด-19เป็นเสมือนเชื้อไฟที่ถูกโยนเข้าไปในกองเพลิง  ฉะนั้น เป็นไปได้สูงว่าประชาชนจะออกมาเรียกร้องหาความเป็นธรรมด้วยการใช้ความรุนแรงมากขึ้นซึ่งอาจนำไปสู่ความเสื่อมศรัทธาในรัฐบาลและความมั่นใจในสัญญาสังคมระหว่างภาครัฐกับประชาชน  ความเสื่อมศรัทธาและความขัดแย้งรุนแรงอาจสูงมากจนนำไปสู่ภาวะรัฐล้มเหลวในบางประเทศหากรัฐบาลไม่สามารถทำให้ประชาชนโดยทั่วไปพอใจได้โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาซึ่งมักมีปัญหาเรื่องความฉ้อฉลของคนในภาครัฐ

            ประวัติศาสตร์บ่งชี้ว่าโรคระบาดเอื้อให้ภาครัฐรวบอำนาจได้ง่ายขึ้น  นั่นหมายความว่าแนวคิดที่สหรัฐและอังกฤษพยายามทำมาหลายทศวรรษอาจถูกบังคับให้หมุนกลับหลัง กล่าวคือ ลดการใช้ระบบตลาดเสรีที่ดำเนินการโดยภาคเอกชนซึ่งมีผลกำไรเป็นตัวขับเคลื่อนเป็นฐานของการบริหารจัดการด้านต่าง ๆ รวมทั้งปัจจัยพื้นฐานและการรักษาพยาบาล  แต่เมื่อรัฐกลับไปทำสิ่งเหล่านั้นมากขึ้นย่อมเสี่ยงต่อการนำไปสู่การผูกขาดและการใช้อำนาจเผด็จการซึ่งมักมีข้อเสียมากจากการขาดประสิทธิภาพและความฉ้อฉล   

            สำหรับทางด้านภูมิการเมืองซึ่งเน้นหนักไปทางเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โควิด-19ระบาดท่ามกลางแนวโน้มที่บ่งชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของความขัดแย้งระหว่างประเทศ  ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้กับไวรัสซึ่งระบาดข้ามพรมแดนได้แบบไม่เลือกจึงยากลำมากมากขึ้นกว่าที่น่าจะทำได้  ภาวะนี้ทำให้ 4 ประเด็นเด่นชัดยิ่งขึ้น ได้แก่

  • การเดินสวนกันระหว่างกระบวนโลกาภิวัตน์กับกระแสชาตินิยม เมื่อเทคโนโลยีใหม่เอื้อให้โลกเชื่อมต่อกันได้แบบแทบไร้พรมแดน ความสะดวกในการสื่อสารและการค้าเอื้อให้โลกพัฒนาได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับสร้างความคาดหวังว่าการพัฒนาต่อไปจะทำได้อย่างราบรื่นขึ้นอีก  แต่กระบวนการนี้ถูกต่อต้านจากกระแสชาตินิยม  โควิด-19ช่วยเสริมจุดยืนของกระแสนี้ให้แข็งแกร่งขึ้น  การขัดแย้งกันของ 2 ฝ่ายคงจะนำไปสู่การจับกลุ่มกันของประเทศในแต่ละภูมิภาคตามแนวของสหภาพยุโรปและอาเซียน
  • ระบบความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังอ่อนแอลงเพราะกระแสชาตินิยมที่เข้มข้นขึ้น โควิด-19ทำให้ความอ่อนแอนี้เด่นชัดขึ้นอีกเนื่องจากแทนที่จะร่วมมือกันต่อต้านการระบาดของมัน ชาติต่าง ๆ กลับหันหลังให้กันมากขึ้น  ความอ่อนแอนี้บ่งชี้ว่าปัญหาที่โลกจะต้องร่วมมือกันแก้จึงจะสำเร็จจะแก้ยากมากขึ้น เช่น ความเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศและการก่อการร้ายข้ามชาติ
  • การช่วงชิงความเป็นใหญ่ระหว่างสหรัฐกับจีนเริ่มเป็นที่ประจักษ์อย่างแจ้งชัดมาชั่วระยะหนึ่งแล้ว โควิด-19กระตุ้นให้มันยิ่งเข้มข้นจนกลายเป็นสงครามเย็นเต็มรูปแบบ  ผู้เชี่ยวชาญเห็นไม่ตรงกันเรื่องใครผิดใครถูก ใครได้เปรียบจากการระบาดของโควิด-19และใครจะชนะในที่สุด  ส่วนผู้เขียนหนังสือมองว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในสงครามเย็นครั้งนี้  มันอาจจะจบลงด้วยสันติวิธี หรือด้วยสงครามร้อนก็ได้  
  • ปัญหาของประเทศกำลังพัฒนา จำนวนมากมีความเปราะบางอยู่แล้วจากปัจจัยต่าง ๆ รวมทั้งความเหลื่อมล้ำ ความยากจน ความฉ้อฉล และความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอก  ปัญหากำลังถูกซ้ำเติมอย่างหนักจากโควิด-19  การลดลงของการค้าขาย การท่องเที่ยวและเงินที่ส่งจากประชาชนผู้ออกไปทำงานในต่างประเทศกำลังทำเศรษฐกิจให้ถดถอยอย่างหนักจนเกิดความอดอยากมากขึ้น  ภาวะนี้มีโอกาสนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงอย่างกว้างขวางสูงจนส่งผลให้ประเทศปกครองไม่ได้กลายเป็นรัฐล้มเหลวและประชาชนดิ้นรนออกนอกประเทศเพิ่มขึ้น