แหกคุก ยุคโควิด

แหกคุก ยุคโควิด

ยุคโควิด ใครๆก็พูดว่า นิว นอร์มอล ดังนั้น “แผนแหกคุก” ของนักโทษไทยที่กำลังคึกโครมในขณะนี้ จึงเป็นแบบนิว นอร์มอล

และอาจเป็นพลอตภาพยนตร์ไทย ได้เลยทีเดียว

ตั้งแต่ระเบิดนอกกำแพงคุก ล้มเสาธงเพื่อใช้ปีนหลบหนี มีเฮลิคอปเตอร์มารอรับ ชิงตัวนักโทษบนทางด่วน จับภรรยาผู้อำนวยการเรือนจำเป็นตัวประกัน ฯลฯ ซีนแบบนี้ คอหนังแอคชั่นชื่นชอบแน่ๆ

โชคดีที่ตำรวจสกัดแผนได้เสียก่อน ทุกอย่างจึงจบสิ้นลง เพื่อให้เข้าบรรยากาศ ผมจึงอยากจะเล่าเรื่องการแหกคุก ที่ไม่น่าเชื่อ และเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

เริ่มด้วย นักโทษอังกฤษ 3 คน เมื่อปี 1995 พวกเขา ช่วยกันจำ ว่า มาสเตอร์คีย์ ที่หัวหน้าผู้คุมถือใช้ไขประตูต่างๆ เป็นประจำนั้น รูปลักษณ์เป็นเช่นใด แล้วก็ช่วยกันสร้างกุญแจเลียนแบบ จากความทรงจำนั้นแหละ

นักโทษใช้กุญแจนี้ เปิดประตูในคุกได้ทุกประตู และหนีออกไปสำเร็จ แต่ก็ถูกจับได้ ในอีก 4 วันต่อมา

มาดู นักโทษเกาหลีบ้าง เมื่อปี 2012 เจ้าหนุ่มเกาหลีใต้ ใช้ความสามารถพิเศษหลบหนีออกจากคุกได้ แบบเหลือเชื่อ คือลูกกรงเหล็กด้านหน้าของห้องขังนักโทษ มีช่องเล็กๆตรงบริเวณพื้น ช่องนี้สูงจากพื้นเพียง 5.9 นิ้ว และกว้างเพียง 17.7 นิ้ว เพื่อใช้เป็นช่องให้ผู้คุมสอดถาดอาหาร เข้าไปให้นักโทษได้ แบบ พอดีๆ

เชื่อหรือไม่ว่านักโทษคนนี้ ใช้ “วิชาโยคะ” ที่ฝึกมา 23 ปี ลอดตัวออกจากห้องขัง ผ่านช่องอาหารที่เล็กนิดเดียวนี้ได้สำเร็จ โดยใช้เวลาเพียง 34 วินาที เท่านั้น จนได้รับสมญาว่าเป็น ฮูดินี่ เกาหลีแต่เขาก็ถูกจับได้ ในอีก 6 วันต่อมา

ที่บราซิล ปี 2012 มีนักโทษหนีคุกด้วยวิธีประหลาด คือเมื่อภรรยามาเยี่ยม เธอก็ถอดชุดที่เธอสวมใส่มา ให้นักโทษสามีเก็บไว้ ส่วนเธอเอง เปลี่ยนเป็นอีกชุดหนึ่งที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าถือ แล้วก็เดินออกจากคุกกลับบ้านไป

เจ้านักโทษคนนี้ โกนขนแขนและขนขา ใส่เล็บปลอม สวมวิก ทาลิปสติก และใส่ชุดที่ภรรยาเอาไปให้ แล้วเดินออกจากห้องขัง ผ่านผู้คุมไปได้ทุกด่านอย่างไม่น่าเชื่อ จนออกจากคุกได้สำเร็จ

แต่ตอนอยู่นอกคุก ขณะเดินไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ เจ้านักโทษเดินกะโผลกกะเผลก เพราะไม่คุ้นกับรองเท้าส้นสูง ทำให้ผิดสังเกตจนตำรวจบนท้องถนนขอตรวจ และจับได้ในที่สุด

แล้วก็ถึงเรื่องของ เจ้าพ่อค้ายาเสพติดเม็กซิโก ที่ชื่อว่า “El Chapo” เขาถูกจับเข้าคุกครั้งแรกเมื่อปี 2001 แต่หนีออกไปได้ง่ายๆโดยให้สินบนผู้คุม พอมีรถเข็นขนเสื้อผ้าใหม่ไปให้นักโทษ และนำเสื้อผ้าเก่าไปซัก เขาก็แอบซ่อนตัวในกองผ้านั้น แล้วหลบหนีออกไปได้

ครั้งแรกเพียงแค่นี้ แต่ครั้งที่สองของเขา เป็นข่าวระบือลือลั่นไปทั่วโลก เพราะเมื่อปี 2015 El Chapo ถูกจับขังเดี่ยวในเม็กซิโก มีกล้องโทรทัศน์ติดตาม 24 ชั่วโมง กล้องจับภาพเห็นเขาเดินเข้าไปอาบน้ำ ในส่วนที่เป็นห้องน้ำภายในห้องขังเดี่ยว แต่แล้วก็ไม่เห็นเขาออกมาอีกเลย พอเจ้าหน้าที่ตามเข้าไปดู ก็พบกับสิ่งมหัศจรรย์

เขาไต่ตัวลงช่องเล็กๆ จากพื้นห้องน้ำลงสู่ใต้ดิน ซึ่งเมื่อลงไปแล้ว ก็มีอุโมงค์ที่ไม่ใช่อุโมงค์เล็กๆหรือมืดๆ แต่กว้างขวางมาก มีรางรถซึ่งใช้ในการขนส่งดินที่ขุดแล้ว เอาออกไปทิ้งนอกคุก มีไฟฟ้าให้แสงสว่าง มีรถมอเตอร์ไซด์ สำหรับใช้ในการขับขี่หลบหนี และอุโมงค์นี้ไปโผล่ที่บ้านหลังหนึ่ง ห่างจากคุกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ซึ่งสร้างไว้หลอกคนว่าเป็นบ้านชาวนา

ผมเคยเล่าเรื่องนี้ไปแล้ว ในช่วงที่เกิดเหตุการณ์ (https://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/635143) แต่วันนี้จะบอกว่า ในที่สุดเขาก็ถูกตำรวจเม็กซิโกตามจับได้ และส่งไปดำเนินคดีที่อเมริกา วันนี้ El Chapo ถูกขังตลอดชีวิตใน คุกพิเศษ (Supermax) ที่มีมาตรการสูงกว่า คุกที่ปลอดภัยสูงสุด (Maximum Security) เสียอีก

 คราวนี้ ผมขอเล่าเรื่องสุดท้ายก็แล้วกัน เพราะแผนหลบหนีที่ตำรวจไทยสกัดไว้ได้เมื่อสัปดาห์ก่อน จะมีการใช้ เฮลิคอปเตอร์ ด้วย เรื่องนี้เกิดที่ฝรั่งเศส เมื่อปี 2001 นักโทษคนหนึ่งปีนขึ้นหลังคาคุก ก่อนที่จะมีเฮลิคอปเตอร์ บินมาพาหนีออกไปได้สำเร็จ

 สองปีต่อมา เขาใช้เฮลิคอปเตอร์บินกลับมาที่คุกเดิม ช่วยนักโทษอีก 3 คน ให้หนีออกไปได้ นี่ก็ครั้งที่สองละ แต่มีครั้งที่สามด้วยครับ เพราะอีก 4 ปีต่อมาขณะติดคุก เขาก็ให้เพื่อนนอกคุก จี้เฮลิคอปเตอร์บินไปช่วย เขายืนรออยู่บนหลังคาคุกเหมือนเดิม และหนีออกจากคุกได้สำเร็จอีกครั้ง ก่อนจะถูกจับตัวได้ที่ประเทศสเปญ

สามครั้ง สามครา หนีด้วยเฮลิคอปเตอร์ ทั้งสิ้น

สำหรับแผนหลบหนีของ นักโทษไทย คนนี้ ถ้าหากลูกน้องเก่ายอมร่วมแผนด้วย เราคงมีโอกาสเห็น เฮลิคอปเตอร์ เหมือนฉากหลบหนีที่ฝรั่งเศสนั่นเลยครับ

เรื่องที่ผมเล่า มันสะท้อนว่า หนึ่ง ไม่มีใครอยากอยู่ในคุก เพราะไม่สะดวกสบายและมีเสรีภาพจำกัด สอง ไม่ว่านักโทษจะหนีคุกได้สำเร็จด้วยวิธีใด ก็มักถูกตามจับได้เสมอ และ สาม ถ้าไม่อยากเข้าคุกหรือหนีคุก ก็ต้องไม่ทำเรื่องที่นำตนเองไปสู่คุก

พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า เราต้องดับทุกข์ที่ต้นเหตุแห่งทุกข์ เรื่องส่วนใหญ่ที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ (และเหตุแห่งคุก) มักหนีไม่พ้นเรื่อง ทรัพย์ศฤงคาร กิเลศตัณหา ยาเสพติด และขาดสติ

ไม่รู้ว่าเรื่องของนักโทษไทยคนนี้ จะจบลงอย่างไร แต่อย่าส่งเรื่องนี้ให้เขาอ่านจะดีกว่า เพราะอาจไปกระตุ้นให้เขาคิดถึง “เฮลิคอปเตอร์” รอบสองและรอบสาม เหมือนนักโทษฝรั่งเศสคนนั้น เดี๋ยวผมจะพลอยถูกจับไปด้วย ในฐานะผู้สมรู้ร่วมแนะ

แล้วจะไม่มีคนเขียน ศุกร์ เว้น ศุกร์ให้คุณอ่านนะ