เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้คนกลาง ในอุตสาหกรรมสื่อ-สิ่งพิมพ์เ
เราต้องสอนให้เด็กรุ่นใหม่ ค้นข้อมูล และคิดเชิงวิเคราะห์ให้ได้ ไม่ใช่แค่ใช้กูเกิลเท่านั้น
การเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้เกิดการล่มสลายของคนกลางในอุตสาหกรรมแบบเดิมหลายๆ อย่างเช่นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และร้านค้าปลีก ซึ่งหนึ่งในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปมากคือ สื่อและสิ่งพิมพ์ต่างๆเ ดิมทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านในฐานะของคนที่ชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เล็ก สมัยเด็กเคยตั้งหน้าตั้งตารอรถมอเตอร์ไซค์มาส่งหนังสิอพิมพ์ที่บ้าน ชอบไปอ่านหนังสือในห้องสมุดอยู่ได้ทั้งวัน หรือชอบไปเดินตามร้านหนังสือมีความสุขกับการไปยืนเลือกอ่านหนังสือ ชอบค้นข้อมูลผ่าน Encyclopedia ก็เริ่มเห็นแล้ว ซึ่งโลกของดิจิทัลได้เปลี่ยนอุปนิสัยของผมไป ทำให้ตัวกลางในรูปแบบเดิมหลายๆอย่างเริ่มหายไป
ทุกวันนี้ ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ได้ตายจากผมไปแล้ว ผมไม่เคยตื่นเต้นต้องมารอคนมาส่งหนังสือพิมพ์เหมือนเดิม โลกโซเชียลทำให้ผมทราบข่าวตรงจากผู้สื่อข่าวจากสนามข่าวผ่าน Tweeter หรือออนไลน์ต่างๆ ข่าวที่ลงในหนังสือพิมพ์เป็นข่าวที่ทราบมาก่อนแล้ว หนังสือพิมพ์วันนี้ ผมเน้นที่จะอ่านบทความ บทวิเคราะห์ ผมยังซื้อหนังสือพิมพ์อยู่แต่ไม่ใช่เป็นกระดาษแบบเดิมแล้วแต่กลายเป็น e-Book อ่านผ่านคอมพิวเตอร์หรือแทบเล็ต ใช่ครับ คนกลางที่เป็นแผงหนังสือหรือคนส่งหนังสือพิมพ์กำลังหายไปแล้ว
นอกจากนี้ ร้านหนังสือที่ดีๆที่น่าอ่านก็มีให้เลือกน้อยลง ในร้านหนังสือวันนี้แทบไม่มีนิตยสารหรือหนังสือให้เลือกหนังสือตามชั้นก็เน้นเรื่องธุรกิจ การเล่นหุ้น หรือวิธีการรวยทางลัด นอกนั้นก็เป็นหนังสือท่องเที่ยว ส่วนหนังสือคอมพิวเตอร์ ประวัติศาสตร์ สังคมก็น้อยลงไปเรื่อยๆ ผมยังไปนั่งทานกาแฟ แถวร้านหนังสือตามห้างขนาดใหญ่ก็เพื่อไปอ่านหนังสือผ่านแทบเล็บเพราะมีหนังสือที่เป็นรูปเล่มให้เลือกซื้อน้อยลง
ร้านหนังสือเปลี่ยนไปอยู่ในโลกออนไลน์ หากอยากได้หนังสือดีๆ ก็ต้องซื้อตรงจาก Amazon.com อ่านผ่าน Kindle App แถมบางเล่มยังสามารถซื้อไฟล์เสียงได้ แล้วก็สั่งด้วยเสียงของเราเปิดฟังอัตโนมัติผ่าน Amazon Echo ในยามที่ต้องการได้ หนังสือก็มีให้เลือกมากมายไม่จำกัด อีกทั้ง ยังมีเนื้อหาใหม่ๆตลอดเวลา ส่วนร้านหนังสือคอมพิวเตอร์ของผมก็ย้ายมาอยู่ที่ Safari Book Online มีหนังสือด้านเทคโนโลยีให้ผมเลือกอ่านเป็นพันๆเล่ม ผมจ่ายเป็นรายปีอ่านแบบไม่จำกัด แถมยังมีวิดีโอหลักสูตรคอมพิวเตอร์ต่างๆให้เรียน
ที่สำคัญสุดหนังสือเทคโนโลยีเหล่านี้ใหม่มากๆบางครั้ง ผู้เขียนยังเขียนเสร็จไม่ครบทุกบทยังไม่ตีพิมพ์เป็นเล่มขายแต่ผมก็ได้อ่าน e-Book ที่เป็น Early Edition หรือ Pre-Print แล้ว
จากคนชอบค้นข้อมูลทาง Encyclopedia ก็กลายเป็นค้นดู Wikipedia หรือ Google แม้อินเทอร์เน็ตจะมีข้อมูลมากมาย หลายแหล่งอาจไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความโชคดีที่ได้ฝึกทักษะในการอ่าน ในการค้นข้อมูล สรุปย่อความและคิดวิเคราะห์ตั้งแต่เด็กจึงพอมั่นใจตัวเองได้ในระดับหนึ่งว่ามีหลักการในการหาข้อมูลที่พอเชื่อถือได้ จากทักษะตั้งแต่ในยุคอนาล็อกไม่ได้ตามกระแสโซเชียลที่กดClick, LikeและShare
ล่าสุดผมเห็นข่าวงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติในปีนี้ คนเริ่มเงียบเหงาลง มีคำถามว่าหนังสือก็ตายแล้วหรอ? สำหรับผมเนื้อหา (Content) ยังไม่มีวันตายและเชื่อว่าในโลกยุคปัจจุบันผู้คนต้องการบริโภคเนื้อหาที่ถูกต้องและแม่นยำกว่าเดิมคนที่ต้องการเนื้อหาดีๆยังต้องจ่ายเงินแต่ช่องทางอาจเปลี่ยนไปอาจไม่ใช่เป็นกระดาษเป็นเล่มแบบเดิม แต่อาจเป็นการซื้อบนโลกออนไลน์แบบทันทีทันใด อ่านจากอุปกรณ์ใดก็ได้ และเนื้อหาต้องทันสมัย
สำคัญสุดวันนี้ถ้าเราอยากให้ลูกหลานเราอ่านเนื้อหาดีๆต้องเก่งภาษาอังกฤษเพราะมีเนื้อหามากมายในโลกออนไลน์ ที่จะรอแปลมาเป็นไทยก็อาจไม่ทันโลกแล้ว และสำคัญสุดในยุคเทคโนโลยีดิจิทัลเราต้องสอนให้เด็กรุ่นใหม่ ค้นข้อมูล และคิดเชิงวิเคราะห์ให้ได้ว่าข้อมูลใดถูกต้อง ไม่ใช่แค่สอนการใช้กูเกิลเท่านั้นครับ