Jeff Bezos ขยายอาณาจักรอเมซอน

Jeff Bezos ขยายอาณาจักรอเมซอน

เจฟฟ์ เบซอส ซีอีโอบริษัทอเมซอน กำลังเป็นจุดสนใจและจับตามองจากธุรกิจในหลากวงการ เพราะความแรงของซีอีโอซึ่งเพิ่งเป็นเศรษฐีเบอร์ 1 อเมริกา

เจฟฟ์ เบซอส (Jeff Bezos) และบริษัทอเมซอน (Amazon.com) กำลังเป็นจุดสนใจและจับตามองจากธุรกิจในหลากวงการ เพราะความแรงของซีอีโอซึ่งเพิ่งขึ้นแท่นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของอเมริกาในปลายเดือนเม.ย. 2018 ด้วยสินทรัพย์กว่า 130,000 ล้านดอลลาร์

มีการประเมินว่าอเมซอนมีมูลค่าตลาดสูงกว่าคู่แข่งค้าปลีกรายใหญ่อย่างวอลมาร์ท (Walmart) ถึง 2.5 เท่า ทั้งที่ในปี 2017 วอลมาร์ทมียอดขายสูงกว่าอเมซอนถึง 3 เท่าและผลประกอบการที่สูงกว่ามากก็ตาม

เบซอสได้รับการยกย่องให้เป็นนักบริหารผู้มีวิสัยทัศน์เฉียบคมที่ผลักดันธุรกิจขึ้นสู่ความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม โดยแต่ละแพลตฟอร์มจะทำงานและให้บริการลูกค้าต่างกัน นับจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ (amazon.com) สู่แก็ดเจ็ตชื่อดังอย่างคินเดิล (Kindle) และเอคโค (Echo) ตลอดจนแพลตฟอร์ม Virtual Assistant อย่างอเล็กซา (Alexa) และบริการของคลาวด์คอมพิวติ้งแพลตฟอร์มอย่าง Amazon Web Services (AWS) หรือกระทั่งการเปิดบริษัทสร้างภาพยนตร์ขึ้นในปี 2010 โดยการคัดสรรสคริปต์ภาพยนตร์ผ่านวิธี Crowdsourcing ด้วยทีมโปรดักชั่นคุณภาพที่ชื่อว่า “Amazon Studios

บริการล้อมนวัตกรรม

กลยุทธ์ที่สำคัญของอเมซอนคือการให้บริการเป็นเลิศเพื่อผูกใจลูกค้า โดยอเมซอนได้เปิดให้บริการสมาชิก “อเมซอน ไพรม์ (Amazon Prime)” จนที่เป็นที่นิยมของสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2005 ที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์หลากหลายอาทิ การส่งสินค้าฟรีในเวลา 2 วัน (Free Two-Day Delivery) กับสินค้ากว่า 1 ล้านรายการ และเพิ่มการส่งฟรีในวันเดียว (Prime Free Same-Day และ One-Day Delivery) ให้กับสมาชิกในเมืองใหญ่กว่า 8,000 เมือง 

นอกจากนี้ สมาชิกยังสามารถชมวีดิโอ (Video Streaming) ภาพยนตร์และรายการทีวีกว่า 10,000 เรื่อง รวมถึงทีวีซีรีส์ที่สร้างเองและได้รับรางวัล Golden Globe อย่าง Transparent และ Mozart in the Jungle ตลอดจนบริการดนตรี (Music Streaming) กว่า 1 ล้านเพลงให้ฟังได้แบบไม่จำกัด

ล่าสุด อเมซอนได้ประกาศขึ้นค่าสมาชิกอเมซอนไพรม์ จากที่ขึ้นครั้งสุดท้ายในปี 2014 โดยขึ้นจาก 99 ดอลลาร์ต่อปีเป็น 119 ดอลลาร์ต่อปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. สำหรับสมาชิกใหม่ และเริ่มในวันที่ 16 มิ.ย. สำหรับผู้ต่อสมาชิก 

อเมซอนได้เปิดเผยว่า มีสมาชิกอเมซอนไพรม์กว่า 100 ล้านรายทั่วโลก ซึ่งในปี 2017 มีสมาชิกเพิ่มมากที่สุดและมีจำนวนสินค้าส่งให้กับสมาชิกอเมซอนไพรม์กว่า 5,000 ล้านชิ้น ประมาณการว่าสมาชิกไพรม์แต่ละรายจับจ่ายเงิน 2,500 ดอลลาร์ต่อปีมากกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 4 เท่า และหมายถึงยอดขาย 60% ให้กับเว็บไซต์ นอกจากอเมซอนเปิดให้บริการสมาชิกไพรม์ในอเมริกาแล้ว ยังเปิดให้บริการนี้ในประเทศเยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น อิตาลี อินเดีย และเม็กซิโก

อเมซอนได้จัดตั้งฝูงบิน Prime Air หรือ Amazon Air เพื่อจัดส่งสินค้าอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพึ่งเพียงบริการจาก UPS หรือ FedEx โดยในปี 2017 อเมซอนได้ลงทุน 1,500 ล้านดอลลาร์และใช้พนักงานกว่า 2,000 คนในการสร้าง Prime Air Hub ที่สนามบินในเมือง Hebron รัฐเคนทักกี โดยมีฝูงบินโบอิง 767 จำนวน 40 ลำ จึงนับเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างระบบโลจิสติกส์ที่มาเสริมการขนส่งสินค้าด้วยขบวนรถบรรทุกและเรือขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายและคัดแยกสินค้ากว่า 145 แห่งทั่วโลก

ก้าวย่างสู่อวกาศ

ซีอีโอของอเมซอนไม่ได้มีความฝันด้านอวกาศน้อยไปกว่าอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของ SpaceX โดยในปี 2000 เบซอสได้ก่อตั้งบริษัทของตนเองขึ้นใหม่มีชื่อว่า “บลู ออริจิน (Blue Origin)” ให้เป็นบริษัทเอกชนที่ต้องการนำมนุษย์ออกสู่ห้วงอวกาศ และเพื่อเปิดโอกาสให้มนุษย์สามารถอาศัยและเก็บเกี่ยวแหล่งพลังงานใหม่จากอวกาศ โดยมี Motto ว่า “Step by Step, Ferociously,” เพื่อทุกย่างก้าวที่ทรหดมั่นคง

Blue Origin ได้พัฒนาเทคโนโลยีจรวดที่เน้นในด้าน Vertical Takeoff and Vertical Landing (VTVL) โดยบริษัทได้มีการทดสอบการยิงจรวดที่ชื่อ “New Shepard” มาตั้งแต่ปี 2015 จนล่าสุดเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมาได้มีการทดสอบส่งจรวดในรัฐเทกซัสเป็นครั้งที่ 8 และเรียกปฏิบัติการครั้งนี้ว่า “Mission 8” โดยจรวดสามารถร่อนกลับมาลงจอดยังแท่นรับ (Reusable) ได้ในลักษณะเดียวกับ Falcon 9 ของ SpaceX ตลอดจนมีแผนการสร้างจรวด “New Glenn” ซึ่งเป็นจรวดแบบ 2 หรือ 3 ตอน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7 เมตรที่จะสร้างเสร็จก่อนปี 2020 เพื่อเป็นก้าวสำคัญในการพามนุษย์ไปอาศัยและทำงานในอวกาศตามความฝันในวัยเยาว์ของซีอีโอคนเก่งแห่งอเมซอน

โอกาสและเส้นทาง

การที่อเมซอนมีความหลากหลายและไม่ได้ติดอยู่บนแพลตฟอร์มหรือ Ecosystem เดียวเหมือนกับเฟซบุ๊ค กูเกิล เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) หรือแอ๊ปเปิ้ล สร้างความคล่องตัวให้กับอเมซอนในการขยายการให้บริการและแข่งขันได้ในแต่ละแพลตฟอร์ม ช่วยขยายโอกาสและความหลากหลายทางธุรกิจให้กับอเมซอนจนกลายเป็นบริษัทผู้นำด้านดิจิทัลและบริการที่สามารถท้าทายธุรกิจหลายแขนง ไม่เพียงแต่ห้างสรรพสินค้า แฟชั่นเสื้อผ้า หนังสือ คอนเทนท์ แก็ดเจ็ต โลจิสติกส์ แพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวติ้ง Big Data, AI การเงิน หรือกระทั่งเทคโนโลยีด้านอวกาศ จนทำให้เบซอสผู้กล่าวขวัญให้เป็นผู้นำดิจิทัลคนสำคัญในเวลานี้