ขอคิดดังๆ เรื่อง Cryptocurrency ด้วยคน
ขอคิดดังๆ เรื่อง Cryptocurrency ด้วยคน
ช่วงนี้ไปไหนก็จะได้ยินแต่คนพูดเรื่อง Bitcoin และ ICO (Initial Coin Offering) คนที่ไม่ค่อยรู้ก็จะถามว่ามันคืออะไร น่าลงทุนไหม คนที่พอจะรู้เรื่องบ้าง ก็จะมีความคิดเห็นไปหลายทาง บางคนก็บอกว่าเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ บางคนก็บอกว่าอย่าไปยุ่งกับของพวกนี้ เพราะเป็นสิ่งหลอกลวง ไม่มีมูลค่าจริง ลงทุนไว้มีแต่เจ็บตัว
ในมุมมองของผม Bitcoin หรือ เหรียญดิจิตัลสกุลแรกของโลก ถือเป็นนวัตกรรมทางการเงินที่โดดเด่นที่สุดที่เกิดขึ้นในยุคนี้ เพราะเป็นครั้งแรกที่เราสามารถโอนเงินทางอินเตอร์เน็ตด้วยตัวเองไปให้ใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ โดยไม่ต้องผ่านสถาบันการเงิน หรือตัวกลาง เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของ Bitcoin ที่ว่านี้คือ Blockchain ซึ่งจัดว่าเป็นเทคโนโลยีระดับ “Game Changer” เพราะนอกจากจะใช้ในการโอนเงิน ยังสามารถประยุกต์ใช้เพื่อทำงานแทนตัวกลางได้เกือบจะทุกประเภท
อีกข้อดีของ Bitcoin คือการจุดประกายให้เกิดนวัตกรรมตามมาอีกมากมาย เช่นการสร้างเหรียญดิจิตัลอีกหลากหลายประเภท แม้แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็กำลังศึกษาที่จะออกสกุลเงินดิจิตัลของตัวเองเพื่อใช้ในการโอนเงินระหว่างธนาคาร นอกจากนั้น ยังมีการเอาเทคโนโลยี Blockchain ไปใช้ในธุรกิจจริงเพื่อลดขั้นตอนการทำธุรกรรม เช่น ตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลีย อยู่ระหว่างการพัฒนา Blockchain Platform เพื่อใช้แทนศูนย์กลางชำระราคาซื้อขายหุ้น
ICO หรือการระดมทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพ ด้วยการออกเหรียญดิจิตัลสกุลใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่ถูกคิดค้นขึ้นหลังการมาของ Bitcoin คนที่ไม่เห็นด้วยกับ ICO มองว่าเป็นเหมือนการเสกเงินจากอากาศ เพราะการสร้างเหรียญดิจิตัลสามารถทำได้โดยไม่ต้องมีสินทรัพย์อะไรหนุนหลังเลย ซึ่งก็จริง แต่เหรียญเหล่านั้นก็จะไม่มีมูลค่าอะไรในระยะยาว ส่วนเหรียญที่จะมีมูลค่า คือเหรียญที่ออกโดยสตาร์ทอัพที่มีการคิดค้นนวัตกรรมจริง ด้วยการพัฒนา Blockchain Platform ประเภทใหม่ๆ ที่ใช้ Smart Contracts เพื่อทดแทนรูปแบบการทำธุรกิจในปัจจุบัน ดังนั้น เหรียญที่มีมูลค่า คือเหรียญที่มีธุรกิจหนุนหลังอยู่
ที่คนส่วนใหญ่มักพูดถึงแต่ด้านลบของ Bitcoin น่าจะเป็นเพราะยังรับไม่ได้กับเงินที่มีเพียง Computer Codes หนุนหลังอยู่ อีกทั้งอัตราแลกแปลี่ยนก็ผันผวนสูง โดยเฉพาะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาที่มีนักเก็งกำไรเข้ามาซื้อขายเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาขึ้นลงอย่างรุนแรง ความนิยมในการใช้ Bitcoin แทนเงินสกุลจริง จึงเริ่มลดลง ข่าวคราวเรื่องแฮกเกอร์เข้ามาขโมยเงินที่เก็บไว้ในบัญชีของ Cryptocurrency Exchanges หลายแห่ง รวมทั้งการที่คนที่เข้ามาซื้อขาย Bitcoin ไม่ต้องระบุตัวตนที่แท้จริง ทำให้สามารถฟอกเงินได้อย่างอิสระ ก็เป็นเรื่องที่บั่นทอนความน่าเชื่อถือของ Bitcoin ไปมาก
ICO เลยได้รับหางเลขไปด้วย เพราะหลายประเทศเริ่มคุมกำเนิดการระดมทุนวิธีนี้ ด้วยมองว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน มีการยกสถิติว่า 90% ของโครงการที่ระดมทุนด้วย ICO มีโอกาสล้มเหลวสูง บางประเทศขอความร่วมมือไม่ให้ธนาคารพาณิชย์ยุ่งเกี่ยวกับเหรียญดิจิตัลเป็นต้น
โดยส่วนตัว ผมเชื่อว่าเหรียญดิจิตัลที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการโอนสินทรัพย์ที่มีมูลค่าค่าระหว่างกันในวงจำกัด เพื่อทดแทนตัวกลาง เช่น ที่แบงก์ชาติกำลังจะทำ หรือ ที่หลายๆ สตาร์ทอัพที่ระดมทุนด้วย ICO กำลังพัฒนาอยู่ เช่น ซื้อขายไฟฟ้ากันเองภายในหมู่บ้าน คือ นวัตกรรมที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการทำธุรกรรมได้จริง ส่วนเงินดิจิตัลประเภทที่ออกมาเพื่อทดแทนเงินสกุลทั่วไป เช่น Bitcoin อาจต้องใช้เวลาอีกนานในการสร้างการยอมรับ ประเด็นสำคัญคือการประเมินมูลค่าเหรียญเหล่านี้ยังทำได้ยาก
ในด้าน ICO ผมมองเราไม่ควรปิดกั้น เพราะเป็นการกระตุ้นให้สตาร์ทอัพไทยคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain ในการสร้างโมเดลธุรกิจแห่งอนาคต ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญที่จะทำให้เราก้าวไปสู่ ประเทศไทย 4.0 อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะ Blockchain คือเทคโนโลยีของยุคต่อไป การลงทุนใน ICO มีความเสี่ยงสูงจริง เพราะเป็นการลงทุนในช่วง “Idea” หรือ “Concept” ผู้ลงทุนจึงต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และยอมรับความเสี่ยงว่าธุรกิจอาจล้มเหลว Fraud คือปัญหาใหญ่ของ ICO ซึ่งการออกกฏหมายมาควบคุมเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรออกกฏหมายที่เข้มงวดเกินไปจนทำให้ ICO ที่มีนวัตกรรมดีๆ ไม่สามารถระดมทุนได้ในประเทศไทย