ยิงตรง ฟันเปรี้ยง! เมื่อจับเข่าคุยกับทูตเกาหลีเหนือประจำไทย*
ก้าวแรกที่ได้สัมผัสกับเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำประเทศไทย คุณมุนซองโม (Mun Song Mo) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็เห็นรอยยิ้มที่เป็นมิตร
ทักทายกันอย่างเป็นกันเองแม้จะเป็นการพบครั้งแรก
แต่เมื่อนั่งลงพูดคุยเรื่องเกาหลีเหนือกับสหรัฐอเมริกา ท่านก็ขึงขังจริงจังมุ่งมั่นตั้งใจ
ประกาศอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เกาหลีเหนือต้องการสันติภาพ แต่ถ้าหากเราถูกคุกคาม เราก็พร้อมจะทำสงคราม และหากทำสงคราม เราจะชนะอย่างแน่นอน เพราะวันนี้เรามีระเบิดไฮโดรเจนแล้ว!”
“เราต้องการสันติภาพ แต่ก็พร้อมทำสงครามกับอเมริกา”!
การสัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่การเผชิญหน้าระหว่างเกาหลีเหนือ (ชื่อทางการคือ Democratic People’s Republic of Korea หรือ DPRK สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแห่งเกาหลี) กับสหรัฐยังไม่มีวี่แววว่าจะเข้าสู่กระบวนการเจรจาเพื่อหาทางออกอย่างไร
ผมถามท่านทูตว่ามีโอกาสที่จะเกิดการเจรจาหรือไม่?
ท่านทูตจากเปียงยางตอบอย่างไม่ลังเล (ผ่านล่ามที่เป็นเลขานุการเอกประจำสถานทูต) ว่า
“เราจะเจรจาได้อย่างไรกับประเทศที่มีผู้นำ (หมายถึงโดนัลด์ ทรัมป์) ที่ไปประกาศในที่ประชุมสหประชาชาติว่าเขาจะทำลายเกาหลีเหนืออย่างราบคาบ (totally destroy)?”
ท่านทูตมุนซองโมบอกว่าการเจรจาจะมีขึ้นได้ก็ต่อเมื่อสหรัฐหยุดยั้งการข่มขู่คุกคามเกาหลีเหนือเท่านั้น
น้ำเสียงของท่านทูตจากโสมแดงบอกชัดเจนว่าหากสหรัฐยังซ้อมรบกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในบริเวณคาบสมุทรเกาหลีและคงไว้ซึ่งกองกำลังทหารในย่านนั้น โอกาสที่จะเกิดสันติภาพคงจะเป็นไปได้ยากยิ่ง
“เราไม่มีทางยอมแพ้ และเราจะชนะแน่นอนแม้ว่าเราจะถูกมาตรการคว่ำบาตรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติภายใต้แรงกดดันจากสหรัฐ เพราะ หนึ่ง: เราเดินตามแนวทางของท่านผู้นำคิมจองอึนของเราที่มีความคิดและทิศทางอันชาญฉลาด สอง: ประชาชนคนเกาหลีเหนือร่วมกับกองทัพร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งภายใต้การนำของท่านผู้นำอันยิ่งใหญ่ และสาม: เราได้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และระเบิดไฮโดรเจนได้สำเร็จ สามารถจะต่อสู้กับศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง” ท่านทูตยืนยันหนักแน่น
ทูตมุนซองโมย้ำว่า “การประสานอำนาจของประชาชนกับทหารภายใต้การนำของท่านคิมจองอึนนั้นมีพลังเหนือกว่าอาวุธนิวเคลียร์ด้วยซ้ำไป!”
ฟังความได้ชัดจากการสนทนาว่าเกาหลีเหนือเชื่อว่าหากตนไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง ก็จะถูกสหรัฐเข้าบุกยึดและทำลายล้าง “เหมือนที่เกิดมาแล้วกับอิรักและอัฟกานิสถาน”
“ด้วยตัวอย่างเช่นนี้จึงเป็นการพิสูจน์แล้วว่านโยบายการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเราเป็นเรื่องที่ถูกต้องและมีเหตุผล” ทูตเกาหลีเหนือย้ำ
เขาบอกด้วยว่าการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่าจะ “ทำลายล้างเกาหลีเหนืออย่างราบคาบ” นั้นย่อมหมายความว่าวอชิงตันมีแผนที่จะ “ทำลายล้างประชาชนทั้ง 25 ล้านคนของเกาหลีเหนือด้วย”
ทูตมุนซองโมบอกว่า “ในช่วงสงครามเกาหลีปี 1950-53 เรามีอาวุธธรรมดา ๆ ก็ยังเอาชนะอเมริกาได้ ตอนนี้เรามีอาวุธทันสมัยเช่นนิวเคลียร์แล้ว เราไม่มีทางแพ้ เราชนะอเมริกาแน่นอน”
และย้ำว่า “อย่าลืมว่าเราสู้กับอเมริกามาเกือบ 70 ปี เราชนะทุกครั้ง หากเกิดสงครามอีก เราก็จะชนะอย่างแน่นอน!”
จับความได้ค่อนข้างแน่นอนว่าเกาหลีเหนือยังไม่พร้อมจะนั่งลงเจรจากับสหรัฐ และเงื่อนไขจากเปียงยางต่อทรัมป์ยังแข็งกร้าวไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
แม้ผมจะเคยได้ยินเนื้อหาสาระทำนองนี้จากเปียงยางมาตลอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินจากปากของเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือที่เรียกโดนัลด์ ทรัมป์ว่า “เขาคือคนบ้า”!
“เรามีอาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันตัวเอง ไม่ได้ใช้เพื่อรุกรานประเทศอื่น” คือคำประกาศตอกย้ำจุดยืนเกาหลีเหนือของทูตคนนี้
พร้อมยืนยันในนโยบาย “จูเช่” ซึ่งเน้นแนวทางพึ่งพาตนเอง และ “ซุนกุน” อันหมายถึงนโยบายการพัฒนาร่วมของเศรษฐกิจกับทหารที่นำโดยกองทัพเป็นหลัก
เราจึงต้องติดตามต่อไปด้วยใจระทึก!
///
* ชื่อเต็มเรื่อง:
ยิงตรง ฟันเปรี้ยง!
เมื่อผมจับเข่าสนทนากับ
ทูตเกาหลีเหนือประจำไทย!