ยี่ปั๊ว‘สนามบินน้ำ’
สลากกินแบ่งรัฐบาลงวดวันที่ 1 ก.ย.นี้จะมีโฉมใหม่
จากเดิมที่ขายในราคาคู่ละ 80 บาท ปรับเปลี่ยนเป็นใบละ 80 บาท
ทั้งที่ในความเป็นจริงที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีใครขอฉีกแบ่งซื้อสลากเพียงครึ่งเดียว
ส่วนเงินรางวัลก็ยังคงเหมือนเดิมทุกประการไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
มาถึงตรงนี้ย้อนนึกถึงผลออกรางวัลเมื่อ 2 งวดที่ผ่านมา งวดวันที่ 16 ก.ค.2560
งวดนั้นมีผู้ถูกรางวัลที่ 1 “คนเดียว” 180 ล้านบาท เป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 78 ปี จนเป็นประเด็นฮือฮา
แต่ขณะเดียวกันหากมองอีกด้าน การได้รางวัลจำนวนมาก ย่อมหมายถึงการซื้อ“หวยรวมชุด”
ซึ่งการนำ“สลากกินแบ่ง”มาจัดรวมเลขเดียวกันไว้เป็นปึกใหญ่ ถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
เรื่องนี้ ธนวรรธน์ พลวิชัย โฆษกสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ออกมาบอกว่ากำลังให้มีการตรวจสอบว่ามีการซื้อสลากมาจากที่ใด
ทั้งที่ความเป็นจริงก็คือ“หวยชุด”มีขายกันอยู่ทั่วประเทศ และใครๆ ก็หาซื้อได้
ส่วนที่ใครๆ มักตั้งคำถามว่าทำไม“หวยชุด”จึงราคาแพงกว่า
ก็เพราะว่าสลากฯ เลขเดียวกันนี้ จะมีอยู่หลายหมวดหมู่ ซึ่งจะถูกกระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ
การที่“เลขเดียวกัน”จะมารวมปึกได้ หมายถึงการมี“ผู้รวบรวม”
ซึ่งกลไกไม่ใช่เพียงแต่ไปตั้งโต๊ะขอรับซื้อ แต่เป็นการเอาชื่อชาวบ้านไปจับจอง หรือไป“ซื้อเหมา”โควตาล่วงหน้า
เหมือนอย่างที่ผู้พิการ-ทหารผ่านศึก บางราย ได้เงินไปก้อนหนึ่ง โดยที่สลากไม่เคยผ่านมือ
กระบวนการเหล่านี้เมื่อคราวที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตั้งอยู่บนถนนราชดำเนิน ใครก็เคยได้ยินชื่อ “ยี่ปั๊วสี่แยกคอกวัว”
ขณะในวันนี้สำนักงานสลากฯ ย้ายไปอยู่สนามบินน้ำ พ.ต.อ.ศรศักดิ์ แก้วรักษา ที่ถูกรางวัล 180 ล้านบาท ก็ไปซื้อสลากจากย่านนั้น
จนเสมือนว่าขบวนการ“หวยชุด”จะย้ายฐานตามสำนักงานสลากฯ ไปติดๆ
ดังนั้นผู้บริหารฯ จะปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นก็คงลำบาก เพราะชาวบ้านเขารู้กันทั้งเมือง
และอย่าเพิ่งทำเป็นตื่นเต้น เพราะไม่ว่าจะเป็นถูกรางวัล 18 ล้าน 36 ล้าน ก็ผิดกฎหมายเหมือนกัน
ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์ลงข่าวทุก 15 วัน ท่านผู้บริหารสำนักงานสลากฯ ได้อ่านกันบ้างหรือเปล่า !!?