เมื่อ ‘คิมน้อย’ สร้างขีปนาวุธข้ามทวีปสำเร็จ!

ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือลูกล่าสุดที่ยิงไปลงทะเลญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 ก.ค.สร้างความหวั่นไหวไปทั่ว
เพราะเจ้า Hwasong 14 ลูกนี้วิ่งได้ยาวนานถึง 45 นาที สูง 3,700 กิโลเมตรและไกลถึง 1,000 กิโลเมตร
คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือประกาศหลังจากเป็นประธานในพิธีทดลองยิงว่านี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา และขีปนาวุธ “ข้ามทวีป” ชุดใหม่ที่เรียกว่า Intercontinental Ballistic Missile (ICBM) นี้เป็น “สมบัติอันล้ำค่า” ของชาติ
เขาประกาศด้วยว่าต่อจากนี้ไปไม่มีจุดไหนในอเมริกาที่จะรอดจากวิถีการยิงของขีปนาวุธที่ได้รับการพัฒนาใหม่อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก วอชิงตันหรือชิคาโก
ลังการทดลองขีปนาวุธ ICBM ครั้งก่อน เปียงยางอ้างว่าอาวุธร้ายแรงของเขาสามารถยิงไกลถึงรัฐอลาสก้าของสหรัฐฯ
แต่มาคราวนี้คำกล่าวอ้างขยายวงออกไปว่าทั่วทั้งสหรัฐฯอยู่ภายใต้รัสมีการยิงของ Hwasong 14 แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
เดิมที อเมริกามักจะหัวเราะเยาะเกาหลีเหนือทุกครั้งที่มีคำอ้างจากสื่อทางการของเปียงยาง เพราะวอชิงตันวิเคราะห์มาตลอดว่าฝีมือการวิจัยและพัฒนาทางอาวุธร้ายแรงของเกาหลีเหนือยังห่างจากที่คุยโม้โอ้อวดเอาไว้
แต่ตั้งแต่การทดลอง ICBM ของเกาหลีเหนือครั้งแรกเมื่อเดือนที่แล้วเป็นต้นมานักวิเคราะห์ทางทหารของมะกัน, ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ก็ไม่กล้าส่งเสียงเสียดสีประชดประชันอีกต่อไป
ตรงกันข้าม นายทหาระดับสูงของสหรัฐฯบางคนออกมายอมรับว่าพวกเขาได้ประเมินโสมแดงในเรื่องนี้ต่ำไป และบัดนี้จากการวิเคราะห์ผลการทดลองครั้งล่าสุดนั้น เปียงยางสามารถจะสร้างขีปนาวุธข้ามทวีปได้ “เร็วกว่าที่เราเคยประเมินไว้อย่างน้อย 2 ปี”
แปลว่าสหรัฐยอมรับแล้วว่าคิมจองอึนมีศักยภาพที่จะโจมตีสหรัฐฯด้วยอาวุธนิวเคลียร์ที่ติดมากับขีปนาวุธทันสมัยใหม่ล่าสุดหากเกิดความขัดแย้งถึงขั้นที่ “คิมน้อย” ตัดสินใจใช้อาวุธของตนเปิดศึกกับศัตรูหมายเลขหนึ่ง
นั่นย่อมทำให้ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเพิ่มระดับขึ้นอย่างฉับพลัน
ถึงวันนี้ก็ยังมองไม่เห็นลู่ทางของการเจรจาระหว่างสหรัฐฯกับเกาหลีเหนือเพราะล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เขียนทวีตต่อว่าต่อขานจีนอย่างเปิดเผย
ทรัมป์ชี้นิ้วกล่าวหาว่าปักกิ่ง “ดีแต่พูด” แต่ไม่ทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวในการกดดันให้เกาหลีเหนือยอมเลิกพัฒนาอาวุธร้ายแรง
จีนพูดมาตลอดว่าสหรัฐจะหวังพึ่งให้จีนพูดจากับเกาหลีเหนือโดยที่ตัวเองไม่ลดระดับการเผชิญหน้ากับเกาหลีเหนือย่อมไม่ได้ผล
ข่าวที่ออกมาระยะหลังยิ่งทำให้เกิดความหวาดระแวงกันเพิ่มขึ้นเช่นที่ว่าเกาหลีใต้เตรียมจะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองเพื่อป้องกันการโจมตีจากทางเหนือเพราะไม่อาจจะหวังพึ่งพาสหรัฐฯภายใต้การนำของทรัมป์ในอันที่จะมาช่วยเหลือเกาหลีใต้ได้อีก
อีกทั้งยังมีข่าวออกมาว่าสหรัฐเตรียมจะตอบโต้เกาหลีเหนือ “ด้วยกำลัง” หากความพยายามทางการทูตไม่ประสบความสำเร็จ
มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของคณะมนตรีความมั่นคง, สหประชาชาติ, ต่อเกาหลีเหนือที่ผลักดันโดยสหรัฐฯก็ดูเหมือนจะไม่มีผลอะไรในการกดดันให้เปียงยางต้องลดลาวาศอกลงมา
นาทีนี้โอกาสที่จะเกิดสงครามในรูปแบบที่จะมีผลกระทบไปทั่วโลกเพิ่มเปอร์เซ็นต์ขึ้นมาอย่างน่าวิตกแล้ว!




