แยกกันเดิน ร่วมกันตี
การนัด“กินข้าว”ของกลุ่มสโมสรส.ส. ที่รวมตัวกันหลวมๆ กว่า 50 คนเมื่อ 2-3 วันก่อน ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
เพราะเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งในช่วงนับถอยหลังสู่การเลือกตั้ง โดยเฉพาะการเมืองในช่วงหลังการเปลี่ยนแปลง
ย้อนไปตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2534 หลังการยึดอำนาจโดยรสช. มีการระดมส.ส.จากหลายแหล่งเพื่อจัดตั้งพรรคการเมือง รองรับการเปลี่ยนแปลงหลังรัฐประหาร
ครั้งนั้นมีทุนก้อนใหญ่จากฝั่งดอนเมือง และนั่งล็อบบี้หาคนเข้าพรรคกันอยู่ที่ย่านหัวหมาก
กระทั่งในช่วง“ทักษิณ”เรืองอำนาจ และกำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งหนที่สอง ก็เกิดปรากฏการณ์ทำนองเดียวกัน
มีการรวมตัวบนแนวคิด“รวมกันสู้” ด้วยการเตรียมตั้งพรรคการเมืองใหม่ที่ตั้งชื่อไว้คร่าวๆ ว่า“พรรคทางเลือกใหม่” หรือพรรคทางเลือกที่สาม
โดยมีอดีตรัฐมนตรี และแกนนำ 2 พรรคใหญ่ในขณะนั้น เป็น 3 ประสาน
แต่สุดท้ายก็ไม่ถึงฝั่งฝัน แถมแกนนำบางคนยังถูกหยิบ“จุดอ่อน”มาเล่นงาน จนต้องถอยทัพและทิ้งการเมืองไปจนถึงทุกวันนี้
หรือในช่วงปี 2554 ที่บ้านเมืองเต็มไปด้วยความไม่สงบ เกิดความขัดแย้งรุนแรงของ 2 กลุ่มการเมืองใหญ่ ที่ต่าง“ยึดโยง”อยู่กับพรรคการเมือง 2 ขั้วตรงกันข้าม
ครั้งนั้น“พรรคเล็ก”ก็มีการรวมตัวกันปรึกษาหารือ เพื่อหาทางออกให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยมี“พรรคภูมิใจไทย” เป็นแกนนำ
จนมาถึงกรณีล่าสุด วิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ แกนนำกลุ่มสโมสร ส.ส.ระบุชัดว่าเป็นการรวมตัวกันของอดีตส.ส. และอดีตผู้สมัครระดับ“ความหวัง”ที่มีคะแนนเลือกตั้ง 3 หมื่นอัพ เตรียมตั้ง“พรรคการเมืองใหม่”
ที่ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับพรรคชื่อเดียวกันของกลุ่มพันธมิตรฯในอดีต ที่มี สมศักดิ์ โกศัยสุข เป็นหัวหน้าพรรค
เหตุผลจากผู้เข้าร่วมวง“กินข้าว”บางคน บอกว่ามีเจตนาสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่เมื่อตรวจแถวแล้วกลับพบว่าส่วนใหญ่ หรือแทบทั้งหมดมาจากพรรคเพื่อไทย และหลายคนเพิ่งพ้นโทษแบนตั้งแต่เมื่อคราวอยู่พรรคไทยรักไทย
เรื่องนี้จึงอดมองไม่ได้ว่าเป็นยุทธศาสตร์“แยกกันเดิน ร่วมกันตี” เพราะตามกติกาใหม่ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีสาระสำคัญในการ “บอนไซ”พรรคใหญ่ชัดเจน !!!