เปิดใจท่านนายกฯ ทองลุน สีสุลิด แห่ง สปป. ลาว

เปิดใจท่านนายกฯ ทองลุน สีสุลิด แห่ง สปป. ลาว

บทสนทนากับนายกรัฐมนตรี สปป. ลาว “ทองลุน สีสุลิด” ที่กรุงเวียงจันทน์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ทำให้เห็นความมุ่งมั่นของทั้งลาวและไทย ที่จะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง... และขจัดความคลางแคลงสงสัยใด ๆ ที่ยังหลงเหลืออยู่ทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง

รองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นำทีมรัฐมนตรีหลายกระทรวง และผู้นำธุรกิจไทยไปร่วมวงกับฝ่ายลาว ที่นำโดยรองนายกฯสมดี ดวงดีในจังหวะเดียวกันนี้ก็ได้ลงรายละเอียดหลายด้าน ที่เสริมความแข็งแกร่งในการส่งเสริมการลงทุนและการค้าขายของสองประเทศ

น่าจะเป็นครั้งแรกที่มีการลงนามใน MoU หลายฉบับของภาครัฐและเอกชน ที่จะเอาจริงเอาจังกับการจับมือกัน ในอันที่จะส่งเสริมธุรกิจระดับกลางและเล็กหรือ SMEs ให้มีความแข็งแกร่งและคึกคัก

ที่ผมเห็นว่าน่ายินดีเป็นพิเศษคือการที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ และผู้หญิงของสองประเทศได้พบปะและตั้งวงเสวนา หาวิธีเสริมความแข็งแกร่งของกันและกันอย่างกระตือรือร้น โดยมีกระทรวงทบวงกรมที่เกี่ยวข้องยืนยันที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ ขจัดปัญหาเรื่องระบบราชการเก่า ๆ ที่เคยเป็นขวากหนามมาก่อนหน้านี้

อีกทั้งยังมีการพูดคุยกันถึงการสร้างความคึกคักในการค้าชายแดน และร่วมกันวางแผนเพื่อไม่ให้เกิดการทับซ้อน ระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษของทั้งสองประเทศที่ติดกับชายแดน

ที่เป็นรูปธรรมชัดเจนเห็นจะเป็นความเห็นพ้องกัน ของผู้นำทั้งสองฝ่ายที่จะมีการร่วมกันเขียน “Master Plan 10 ปี” ร่วมกันเพื่อให้มีแผนพัฒนาประเทศในทิศทางเดียวกันของทั้งสองฝ่าย ให้มีการบูรณาการกันอย่างรอบด้านทุก ๆ มิติ

ท่านนายกฯทองลุนบอกผมว่าไม่มีสองประเทศเพื่อนบ้านใด จะมีความสนิทสนมแน่นแฟ้นเหมือนลาวกับไทยอีกแล้ว เพราะคนของสองฝั่งสามารถพูดจากันได้โดยไม่ต้องมีล่าม อีกทั้งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์การไปมาหาสู่กันของประชาชนก็เป็นไปอย่างใกล้ชิดกันตลอด

ท่านเคยประกาศเป็นนโยบายหลักในการเดินหน้าพัฒนาความพัวพันระหว่างสองประเทศ “3 เปิด” คือเปิดใจ, เปิดประตูและเปิดอุปสรรคทั้งหลายเพื่อเพิ่มพูนช่องทางการไปมาหาสู่กันทุก ๆ ด้านอย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพ

ดร. สมคิดขึ้นเวทีประกาศว่าไทยกับลาวต่อแต่นี้ไปจะต้องสร้างความ “ไว้วางใจต่อกันและกัน” อย่างเหนียวแน่น เพราะหากจีนประกาศนโยบาย One Belt, One Road หรือ หนึ่งแถบ, หนึ่งเส้นทาง เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมทั้งทางบกและทางทะเลอย่างกว้างไกล ไทยกับลาวและประเทศอื่น ๆ ใน CLMVT (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนามและไทย) ก็จะกลายเป็น หัวเข็มขัดฝังเพชร ของ OBOR

แน่นอนว่าจากการสนทนากับคนลาวและคนไทยในวงการต่าง ๆ อุปสรรคสำหรับของการเพิ่มความเข้มข้นในการค้าขายและลงทุนในสองประเทศคือการขจัด ความสงสัยคลางแคลง อันเกิดจากพฤติกรรมอันไม่เหมาะควรของคนบางกลุ่มในอดีตให้หมดไป

ท่านนายกฯทองลุนยืนยันระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษผม ยาวเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มว่าทิศทางของรัฐบาล สปป. ลาวคือการเป็นมิตรกับทุกประเทศ และพัฒนาประเทศ ภายใต้แผนการห้าปีและสิบปีเพื่อพาชาติให้ก้าวสู่ความมั่งคั่งระดับกลางและระดับสูงต่อไป

ที่สำคัญคือจะต้องพัฒนาประเทศภายใต้หลักการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คนรุ่นหลังต่อไป รวมไปถึงการเป็นศูนย์กลางผลิตไฟฟ้าในรูปของ “พลังงานสะอาด” (clean energy) ที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับแนวทางการสร้างให้เป็นสังคมแห่งความสุข ลดช่องว่างคนรวยคนจนและมีเสถียรภาพต่อเนื่อง

ผมถามถึงเรื่องการห้ามใช้สารเคมีในการเกษตรของลาว โดยเฉพาะข่าวว่าด้วยนักลงทุนจีนที่เข้ามาใช้สารเคมีปลูกสวนกล้วยจนเป็นพิษภัยต่อสุขภาพของประชาชนคนลาว นายกฯทองลุนบอกว่าได้สั่งห้ามไปแล้ว และจะไม่ให้เกิดขึ้นอีกเพราะท่านเชื่อว่า รัฐบาลจีนเองก็คงไม่ต้องการให้คนจีนมาสร้างปัญหาให้กับคนในประเทศอื่นเช่นกัน

นโยบายปราบคอร์รัปชั่นที่ผู้นำลาวได้ถือเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญก็เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง

พอสัมภาษณ์เสร็จ ผมก็ขอดูรถประจำตำแหน่งของท่าน เพราะก่อนหน้านี้นายกฯทองลุนได้ประกาศเป็นนโยบายให้รัฐมนตรี และพนักงานรัฐระดับสูงเลิกการใช้รถหรูและแพง ให้หันมาใช้รถราคาปานกลางเพื่อความประหยัดและเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับประชาชน

ท่านพาผมไปดูรถประจำตำแหน่งทันที “ผมให้ประมูลขายรถบีเอ็มฯเดิม เอาเงินนั้นไปซื้อรถราคาปานกลาง ได้โตโยต้าแคมรีถึง 4 คันด้วยกัน ประหยัดทั้งงบประมาณ ค่าน้ำมันและค่าดูแลรักษา

อย่างนี้ต้องเรียกว่าพูดจริง ทำจริง เพราะท้ายที่สุดประชาชนย่อมจะต้องเป็นผู้ตัดสินว่า คำมั่นสัญญาของรัฐบาลจะเป็นจริงในทางปฏิบัติหรือไม่