อย่าบิดประเด็น ชัยภูมิ ป่าแส

อ่านข่าวตำรวจใหญ่ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับ ชัยภูมิ ป่าแส เด็กหนุ่มชาวลาหู่วัย 21 ปี
ด้วยการแจกแจงประวัติความเลวร้าย และพฤติการณ์เชื่อมโยงกับยาเสพติดแล้ว...รู้สึกอนาถใจ
เพราะไม่ต่างอะไรกับการชี้นิ้วประณามศพ ด่าว่าต่างๆ นานา โดยที่ศพไม่สามารถลุกขึ้นมาโต้เถียงอะไรได้ คนตายไปแล้วไม่จำเป็นต้องให้เกียรติอะไรกัน
ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า ประเด็นของ ชัยภูมิ ป่าแส ที่สังคมตั้งคำถามคือ เจ้าหน้าที่ไปวิสามัญฆาตกรรมเขาทำไม กระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ ที่อ้างว่ากำลังจะปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่น่ะ ระเบิดมาจากไหน ทำไมต้องพกระเบิด แทนที่จะพกปืนซึ่งง่ายกว่า
ส่วนประเด็นที่ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ค้ายาหรือไม่มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!
ข้อสงสัยของสังคมมาจากคนที่เคยสัมผัสหรือร่วมงานกับชัยภูมิ เห็นว่าเขาเป็นเด็กดี จึงไม่อยากจะเชื่อว่าชัยภูมิขนยาเสพติดผ่านด่านตรวจ (ซึ่งเป็นด่านถาวร คือใครๆ ก็รู้ว่ามีด่านตรงนี้) และยังเตรียมระเบิดไปปาใส่เจ้าหน้าที่อีกด้วย ฉะนั้นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ต้องพิสูจน์ไปพร้อมๆ กัน นอกจากยัดข้อมูลข้างเดียวว่าชัยภูมิค้ายาแล้ว ยังต้องพิสูจน์ด้วยว่าการวิสามัญฆาตกรรมเป็นการกระทำที่ไม่เกินกว่าเหตุ
คำว่า “ไม่เกินกว่าเหตุ” หรือ “พอสมควรแก่เหตุ” ในทางกฎหมาย ไม่ได้หมายความว่ายิงกี่นัด เหมือนที่ท่านแม่ทัพภาคที่ 3 บอกว่ายิงนัดเดียวถือว่าพอสมควรแก่เหตุ ถ้าเป็นตัวท่านอาจจะกดออโต้ไปแล้ว
เพราะหากข้อเท็จจริงฟังได้ว่าชัยภูมิไม่ได้จะปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ หรือมีเหตุการณ์อะไรบางอย่างเกิดขึ้น ระหว่างเขากับเจ้าหน้าที่ก่อนถูกนำตัวลงจากรถแล้วเสียงปืนดังขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นการยิงกี่นัดมันก็ไม่เกี่ยว เพราะย่อมต้องถือว่า “เกินกว่าเหตุ” ทั้งสิ้น
ฉะนั้นเรื่องภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ถ้ามีก็ควรรีบนำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ เพราะยิ่งช้าก็จะยิ่งเป็นพิรุธ เช่นเดียวกับผลผ่าชันสูตรศพ ทำไมป่านนี้ยังไม่เสร็จ
เมื่อวันเสาร์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติลงพื้นที่ พบว่าคนที่ดูแลชัยภูมิก็ถูกข่มขู่ มีมือมืดนำกระสุนไปวางหน้าบ้าน ช่วงที่กรรมการสิทธิฯปฏิบัติงานก็มีตำรวจ ทหารตามประกบตลอดเวลา ไม่มีให้เกียรติ เคารพสิทธิการทำงานขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วแบบนี้จะให้ตีความว่าอย่างไรครับ?







