ชีวิตผกผันและแสนเศร้า ของคิมจองนัม

ชีวิตผกผันและแสนเศร้า ของคิมจองนัม

ชื่อของ “คิมจองนัม” ดังไปทั่วโลกเมื่อเขาเสียชีวิตในวันที่ 13 ก.พ. ที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์

 ด้วยสภาพแปลกประหลาดเหลือเชื่อเหมือนหนังฮอลลีวู้ด

นักวิเคราะห์ที่ติดตามเรื่องราวชีวิตของพี่ชายต่างมารดากับผู้นำเกาหลีเหนือ คิมจองอึน บอกว่าคิมจองนัมมีชีวิตที่น่าสงสาร อ้างว้างโดดเดี่ยวและอยู่ในสภาวะหวาดกลัวตลอดเวลา

นักข่าวที่เกาะติดเขามาตลอดบอกว่า ชีวิตคิมจองนัมต้องคอยหลบลี้หนีสายลับ จารชนและนักข่าวตลอดเวลา

จองนัมเป็นคนที่จีนเคยคิดว่าจะเป็น “ตัวตายตัวแทน” หากเกิดวิกฤตในเกาหลีเหนือ จนน้องชายต่างมารดามีอันเป็นไปทางใดทางหนึ่ง

แต่เอาเข้าจริงๆ เขาเป็นได้เพียง “ตัวตาย” ไม่อาจจะทำหน้าที่เป็น “ตัวแทน” ได้

ทั้งสหรัฐและเกาหลีใต้ก็เคยหวังว่าจองนัมจะเป็นแหล่งข่าวกรองสำคัญ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวและเป็นไปในเกาหลีเหนือ

นักวิเคราะห์ข่าวกรองของเกาหลีใต้เชื่อว่าแผน “เก็บ” เขามาจากผู้นำเกาหลีเหนือคิมจองอึน แม้ว่าจะหาหลักฐานมายืนยันทฤษฎีนี้ยาก

แต่พฤติกรรมของผู้นำเกาหลีเหนือก่อนหน้านี้ก็ชี้ไปในทางนี้ เพราะสมัยพ่อ (คิมจองอิลก็มีข่าวสายลับเกาหลีเหนือลักพาตัวคนจากประเทศต่างๆ รวมถึงญี่ปุ่นเพื่อเอาตัวไปล้างสมองและทำงานรับใช้ระบบเปียงยาง

ข่าวอีกบางกระแสยืนยันว่า จารชนจากเกาหลีเหนือถูกส่งไปทั่วโลกเพื่อ “จัดการ” กับคนที่ผู้นำเห็นว่าเป็นศัตรูของเปียงยาง

แม้แต่ร้านอาหารเกาหลีเหนือ ที่กระจายตัวในหลายประเทศ ก็ถูกมองว่าเป็นกลไกการสืบหาข่าวและเป็นฐานปฏิบัติการ “ราชการลับ” ของเกาหลีเหนือเช่นกัน

ทางการมาเลเซียบอกว่าจองนัมตายด้วยสารเคมีร้ายแรง VX nerve agent โดยฝีมือของผู้หญิงสองคน (ถือหนังสือเดินทางเวียดนามและอินโดนีเซีย) เอาสารที่มีอานุภาพทำลายชีวิตสูงนี้ทาไปที่หน้าของเขา

ฤทธิ์ร้ายเกิดขึ้นฉับพลัน จองนัมทรุดตัวลงกับเก้าอี้ พยาบาลที่สนามบินรุดมาช่วยเอาตัวขึ้นรถพยาบาลเพื่อส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในเมือง แต่ก็เสียชีวิตระหว่างทางเสียก่อน

ตำรวจมาเลเซียบอกว่าจับตัวผู้ต้องสงสัยผู้ชายเกาหลีเหนือคนหนึ่ง ยังตามล่าอีกสามสี่คน รวมถึงต้องการจะสอบปากคำเลขานุการโทประจำสถานทูตเกาหลีเหนือที่กัวลาลัมเปอร์ด้วย

แปลว่าพนักงานสอบสวนมาเลเซียสงสัยว่า แผนร้ายนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากความพัวพันโดยตรงของทางการเปียงยาง

คิมจองนัมเป็นลูกของอดีตผู้นำคิมจองอิล กับภรรยาที่เป็นนักแสดงชื่อ “ซุงไฮย์ริม”

คุณน้าของจองนัมเขียนในบันทึกส่วนตัวว่า เด็กคนนี้โตขึ้นมาในบรรยากาศค่อนข้างโดดเดี่ยว ไร้เพื่อนเล่นและขาดความอบอุ่น

พออายุได้ 8 ขวบ เขาก็ย้ายไปอยู่มอสโควกับป้าและยาย เป็นประสบการณ์ที่เขาไม่ชอบเลย จากนั้นก็ไปอยู่เจนีวา เรียนหนังสือที่นั่น มีแนวคิดค่อนไปทางเสรีนิยมกว่าน้องชายที่ต่อมาขึ้นเป็นผู้นำเกาหลีเหนือ

เพื่อนจองนัมที่เคยเรียนหนังสือด้วยกันคนหนึ่งเป็นนักธุรกิจชาวสวิสบอกว่า จองนัมแนะนำตัวเองว่าเป็นลูกชายของทูตเกาหลีเหนือประจำสวิตเซอร์แลนด์

“เขามีใบขับขี่ ขับรถเมอร์ซีเดส เบนซ์รุ่น 600 เอส ซึ่งทำให้เพื่อน ๆ อิจฉากันมาก... เขาพูดได้หลายภาษาเช่นอังกฤษและฝรั่งเศส และผมคุยภาษารัสเซียกับเขา” เพื่อนคนนี้เล่าให้นักข่าวฟัง

พออายุ 18 ในปี 1988 จองนัมกลับไปใช้ชีวิตที่เปียงยาง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างขมขื่น เพราะคุณพ่อมีลูกกับภรรยาอีกคนหนึ่ง คือคิมจองอึนที่วันนี้กลายเป็นผู้นำเกาหลีเหนือ

ว่ากันว่า คุณพ่อ (คิมจองอิล) บอกกับจองนัมว่าถ้าเขาแต่งงานและมีลูกก็สามารถจะออกนอกเกาหลีเหนือได้

จองนัมตัดสินใจแต่งงานและมีลูกในปี 1995 แต่ไม่มีข่าวยืนยันว่าเขาออกจากเกาหลีเหนือปีใด

แต่ที่ทำให้เขากลายเป็นข่าวใหญ่ก็เพราะในปี 2001 เขาถูกจับที่ญี่ปุ่นพร้อมหนังสือเดินทางปลอมของสาธารณรัฐโดมินิกัน เขาบอกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นว่า เขาและลูกกับเมียต้องการจะไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์โตเกียว

หลังจากนั้นจองนัมก็ย้ายครอบครัวไปอยู่มาเก๊า และได้รับความคุ้มครองจากรัฐบาลจีนอย่างไม่เป็นทางการ

หลังจากนั้นเขาก็เทียวไปเทียวมาระหว่างปักกิ่ง มาเก๊า (ซึ่งเป็นที่เขาเล่นการพนันบ่อย ๆ) สิงคโปร์และอินโดนีเซีย

ประโยคที่อาจนำไปสู่ฆาตกรรมโหดครั้งนี้อาจจะเป็นที่เขาพูดเมื่อปี 2010 ในการให้สัมภาษณ์ทีวีญี่ปุ่นช่องหนึ่ง TV Asahi ว่า “โดยส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจมารุ่นที่สาม

ก่อนหน้าเขาเสียชีวิตอย่างพิสดารไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์เกาหลีใต้ตีพิมพ์ข่าวชิ้นหนึ่ง ที่บอกว่าคิมจองนัมได้เคยพยายามจะแปรพักตร์มาอยู่เกาหลีใต้หลายปีก่อน

รายละเอียดเช่นนี้น่าจะนำไปสู่ข้อสรุปได้ว่าเขาถูกสั่ง “เก็บ” ด้วยเหตุผลอันใด!