ส่องสัมพันธ์ไทย - สหรัฐฯ บนมิติเศรษฐกิจและความมั่นคง
การก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เพียงแต่เป็นที่จับตา
ของบรรดาประเทศและกลุ่มทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ทุกประเทศต่างต้องติดตามท่าที นโยบาย รวมทั้งคำสั่งของประธานาธิบดีผู้นี้อย่างใกล้ชิด เพราะการตัดสินใจของเขาแต่ละเรื่อง อาจส่งผลกระทบมหาศาลต่อนานาประเทศ
ผมได้มีโอกาสสอบถามคนในรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจจะส่งผลต่อประเทศไทย ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง บอกว่าขณะนี้ยังไม่เห็นนโยบายของทรัมป์ ที่สร้างผลกระทบกับประเทศไทย หรือประเทศในอาเซียนโดยตรงมากนัก
ที่ผ่านมารัฐบาลประเมินนโยายของสหรัฐฯ ของทั้งฝ่ายเดโมรแครตและรีพลับริกัน มาตั้งแต่ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี เพราะไม่ว่าผู้สมัครจากพรรคใดจะได้รับชัยชนะ ไทยกับสหรัฐฯ ก็เป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตยาวนานกว่า 180 ปี สิ่งที่รัฐบาลต้องคิดต่อไปคือทั้งสองประเทศ จะมีความร่วมมือต่อกันในเรื่องใดบ้างและนายกรัฐมนตรีของไทย ก็ได้ส่งสานส์ในการแสดงความยินดีแก่ทรัมป์ตั้งแต่ทราบผลการเลือกตั้ง
ดร.ปณิธานความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในเดือนนี้ ก็คือการฝึกซ้อมรบร่วมคอบร้าโกลด์ 2017 ระหว่างวันที่ 14-24 ก.พ. ซึ่งดร.ปณิธาน บอกว่าแม้การฝึกในปีนี้จะเป็นการฝึกทั่วไป แต่รัฐบาลก็หวังว่าการฝึกร่วมในปีนี้่ จะเป็นการกระชับความร่วมมือกันระหว่างสองประเทศ และสามารถที่จะขยายไปสู่ความร่วมมือในด้านอื่นๆ รวมทั้งการค้า และการลงทุนได้ในที่สุด
อีกคำถามหนึ่งที่ถามดร.ปณิธานคือเมื่อทรัมป์ใช้นโยบาย "America First" รวมทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ต้องการดึงการค้า - การลงทุนกลับไปที่สหรัฐจะทำให้การค้าการลงทุนระหว่างสหรัฐฯกับไทยจะต้องลดบทบาทลงไปด้วยหรือไม่ ดร.ปณิธานบอกว่าเขาไม่คิดว่าทรัมป์จะทอดทิ้งอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย แม้ก่อนหน้านี้ทรัมป์จะลงนามในคำสั่งให้สหรัฐฯ ถอนตัวจากหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP) แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยกเลิกนโยบายปักหมุดเอเชียของสหรัฐฯอย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ให้จับตาดูการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของ เร็กซ์ ทิลเลอร์สัน ที่ทรัมป์เลือกขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทรัมป์ต้องการที่จะนำเอาความรู้ทางธุรกิจของเร็กซ์ เข้าไปผนวกกับเรื่องของการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยอดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเอ็กซ์ซอน-โมบิล คนนี้ถือเป็นคนนึงที่คุ้นเคยกับการทำธุรกิจในอาเซียนรวมทั้งประเทศไทย ซึ่งความคุ้นเคยกับธุรกิจและบุคคลสำคัญในประเทศต่างๆแถบนี้ อาจทำให้เขาสามารถดึงความสนใจของประธานาธิบดี ให้มาสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทในแถบนี้รวมทั้งประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ จะดำเนินต่อไปในทิศทางใด แล้วเราจะสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางด้านความมั่นคง มาสู่การค้าการลงทุนและความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ รวมทั้งรักษาความสัมพันธ์กับมหาอำนาจอื่นๆ ได้อย่างไรให้เกิดดุลยภาพมากที่สุด