สลามัต ดาตัง : เยือนตลาดหุ้นอินโดนีเซีย

ราวปลายเดือนตุลาคม รอยต่อถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสร่วมคณะไปศึกษา
ดูงานด้านเศรษฐกิจและเยี่ยมชมตลาดหุ้นที่กรุงจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย กับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย หรือ TIA ผมจึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง พอสังเขป นะครับ
คณะเข้าเยี่ยมพบผู้บริหารคนไทย ที่ถูกส่งไปประจำการอยู่ที่เมืองหลวงของประเทศนี้ นับเป็นบริษัทคนไทย ที่แข็งแรงมาก ทั้งสองแห่ง คือ บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย-scc และ ธนาคารกรุงเทพ
คุณสาธิต ยินดีพิทย์ President Director ปูนซีเมนต์ไทย ฉายภาพธุรกิจโดยรวม และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศอินโดนีเซีย ไว้น่าสนใจว่า
ปูนซีเมต์ไทย หรือปูนใหญ่ เริ่มธุรกิจในอินโดนีเซียตั้งแต่ปี 1995 โดยเป็น บริษัทเทรดดิ้งในช่วงแรก จนถึงปี 2011-2012 จึงมีการลงทุนและร่วมทุนเพิ่มเติม จนปัจจุบันมี 23 บริษัทในธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจเคมีภัณฑ์ และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และมีพนักงานรวมกันทั้งเครือในประเทศอินโดนีเซีย กว่า 7,000 คน
คุณอุดมทรัพย์ ศรีโรจนกุล ผู้บริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แนะนำสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของอินโดนีเซีย รวมทั้งเล่าถึง แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะหนึ่งปีเศษที่ผ่านมา ว่า รัฐบาลมีนโยบาย เพื่อรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจให้โตกว่า 5.8% ในปี 2015 และรักษาอัตราเงินเฟ้อให้คงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับ 4.4% ในปี 2015 ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่กดดันเศรษฐกิจคงยังเป็นการขาดดุลทางการค้าและการขาดดุลงบประมาณ ส่วนด้านความเสี่ยงในการทำธุรกิจในอินโดนีเซียก็คล้ายกับหลายประเทศในอาเซียน คือ ปัญหาคอร์รัปชั่น, ปัญหาโครงสร้างพื้นฐาน อุบัติภัยธรรมชาติ ปัญหาความขัดแย้งด้านเชื้อชาติและศาสนา และปัญหาไฟฟ้าขาดแคลน เป็นต้น
เศรษฐกิจในภาพรวม มีมาตรการที่น่าสนใจของรัฐบาลอินโดนีเซีย คือ โครงการนิรโทษกรรมทางภาษี (Tax Amnesty) สำหรับคนรวยชาวอินโดนีเซีย ที่นำเงินตราไปฝากไว้ในต่างประเทศ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าส่วนใหญ่ก็นำไปฝากไว้ที่ประเทศสิงคโปร์ การนิรโทษกรรม ครั้งนี้จะให้โอกาสผู้ที่มีเงินฝากในต่างประเทศนำเงินกลับ เข้าประเทศโดยเสียภาษีเพียง 2% แต่หากเพียงแจ้งยอดเงินโดยไม่นำเงินกลับประเทศ ก็จะเสียภาษีสูงขึ้นเป็น 4% เป็นต้น โครงการนี้ ประกาศมาระยะหนึ่งแล้วและจะเปิดไปจนถึงปลายปี 2017 โดยกำหนดให้อัตราภาษีเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่แจ้งช้า เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นำเงินกลับประเทศโดยเร็ว เท่าที่ทราบสื่อต่างๆ รายงานว่าโครงการไม่ได้รับผลมากตามที่คาดหวัง แต่รัฐบาลก็ประกาศว่าคืบหน้าได้ดีพอควรและคาดว่าเงินจำนวนมากที่จะมีผู้โอนกลับประเทศจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของอินโดนีเซียได้เป็นอย่างมาก
อีกบริษัทที่คณะได้เข้าเยี่ยมและพบกับผุ้บริหารระดับสูง คือ บริษัท โอรางทัว กรุ๊ป จำกัด- Orang Tua (ภาษาอินโดนีเซีย Orang = คน , Tua = แก่) จึงใช้โลโก้ เป็น
“อาแป๊ะยิ้มใจดี” บริษัทนี้เป็น บริษัทเอกชนที่เก่าแก่ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1948 เริ่มจากการผลิตเหล้าพื้นเมืองแล้วผันตัวมาผลิตอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่าย “กระทิงแดง” ในอินโดนีเซียด้วย ปัจจุบันบริษัทนี้มี 30 สาขา มีคลังสินค้า 100 แห่งและมีตัวแทนจำหน่าย 160 รายทั่วอินโดนีเซีย นอกจากนี้บริษัทนี้ยังได้มอบหมายให้ บริษัทพรีเมียร์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าหลายตัวของตราอาแป๊ะ ในประเทศไทยอีกด้วย
นัดสำคัญ ไฮไลต์ของคณะ คือการเข้าเยี่ยมชม ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย (IDX) ตลาดหลักทรัพย์นี้ จากข้อมูลเดือนกันยายน 2016 มี Market Capitalization ประมาณ US$ 448 Billion (IDR 5,799 Trillion) จากจำนวนบริษัททั้งหมด 535 บริษัท ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า SET (Market Capitalization: October 2016 = 14,590 ล้านล้านบาทหรือประมาณ US$417 Billion) เล็กน้อย แต่มีอัตราซื้อขายเฉลี่ยรายวันประมาณ US$ 498 Million หรือประมาณ 17,400 ล้านบาท (IDR 6.47 Trillion) ซึ่งเป็นเพียงราว 1 ใน 3 ของ SET ส่วนดัชนีตลาด JCI (Jakarta Composite Index) ปีนี้เติบโต 16.8% มาอยู่ที่ประมาณ 5,300 จุด ซึ่งเติบโตสูงเป็นอันดับ 1 สูงกว่า SET ซึ่งโตเป็นอันดับ 2 ที่ 15.1% และมีตลาดหลักทรัพย์ฟิลิปปินส์ตามมาห่างๆ ที่ 9.75%
ในด้าน Market Capitalization บริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุด 20 อันดับแรกของ IDX มีมูลค่าสูงถึง 59.9% ของมูลค่าตลาดโดยรวม น่าสังเกตว่า บริษัท Charoen Pokphand Indonesia Tbk อยู่ในลำดับที่ 17 โดยมี Market Capitalization 57.39 Trillion Rupiah (ประมาณ US$4.42 Billion หรือประมาณ 154,511 ล้านบาท) และบริษัทที่มีมูลค่าสูงจะอยู่ในลิสต์ IDX 30 แต่ในแง่การซื้อขายจะมีลิสต์ LQ 45 (Liquidity Stocks)
สำหรับ P/E ขณะที่ SET P/E จากข้อมูล www.set.or.th ณ สิ้น ต.ค. 2016 = 21.96 ทางเจ้าหน้าที่ IDX ที่มาให้ข้อมูลไม่ยอมตอบคำถามนี้ และยังหาข้อมูลนี้จากเว็บไซท์ของ IDX ไม่ได้ แต่จากข้อมูลที่ผมเคยมีของนักวิเคราะห์ในสิงคโปร์ ที่เคยรายงานว่า เมื่อสิ้นไตรมาส 1 ปี 2016 ขณะที่ SET มีดัชนี 1,385 จุดและ P/E 18.94 เท่า ตลาด JCI มีดัชนี 4,823 จุดและ P/E สูงถึง 26.77 เท่า ก็นับว่าเป็นตลาดที่มีอัตรา PE สูงทีเดียว
เป็นเรื่องที่น่ายินดี มื้อเย็น ก่อนกลับพวกเราได้มีโอกาสร่วมรับประทานอาหารและฟังบรรยายประสบการณ์จากผู้บริหารบริษัทของคนไทยที่ไปประจำในอินโดนีเซีย ได้แก่ ผุ้บริหารจากปูนซีเมนต์ไทย, ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) PT Indo Tambangraya Megah Tbk (ในเครือ บมจ.บ้านปู) รวมทั้งท่านทูตพาณิชย์และผู้ช่วยก็ได้มาร่วมต้อนรับและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก
นอกจากนั้น อีกจุดสำคัญ ที่คณะของเราได้ไปเยี่ยม คือ Indonesia Financial Services Authority ซึ่งมีชื่อภาษาอินโดนีเซียว่า “Otaritas Jasa Keuangan” หรือเรียกย่อว่า OJK เป็นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นในปี 2012 โดยมีการรวมหน่วยงานธนาคารกลางและ ก.ล.ต. ไว้เป็นหน่วยงานเดียวกัน
นอกจากการกำกับดูแลหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ OJK ได้ชี้แจงถึงงาน Capital Market Development ซึ่ง OJK เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจากประชากรราว 250 ล้านคน มีนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ IDX เพียง 5 ล้านคนเศษ ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และจากการสำรวจ National Survey on Financial Literacy ในปี 2013 ก็พบว่าประชาชนมีความเข้าใจเรื่องการเงินเกี่ยวกับธนาคารประมาณ 70% เรื่องการประกันภัยประมาณ 30% แต่มีผู้ที่เข้าใจเรื่องตลาดทุนราว 10% เท่านั้น
ทางด้านข้อมูลตลาดทุน ข้อมูลถึง 25 ต.ค. 2016 มูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เป็น Domestic Investors 57.4% และ Foreign Investors 42.6% แต่การถือครองหลักทรัพย์ Foreign Investors ถือมากกว่าที่ 64.4% ส่วน Domestic Investors ถือเพียง 35.6%
การเดินทางไปอินโดนีเซีย ในครั้งนี้ ผมคิดว่าเป็นทริปที่น่าสนใจมากๆ ทำให้พวกเราได้สัมผัสประเทศนี้ ซึ่งมีขนาดพื้นที่ จำนวนประชากรและเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน และถึงแม้ว่าการพัฒนาทางด้านตลาดทุนอาจล้าหลังกว่าประเทศไทยเล็กน้อยแต่ก็เป็นตลาดทุนที่น่าสนใจ เพราะเป็นหนึ่งใน TIP (Thailand – Indonesia – Philippines) ที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในเอเชีย ทั้งในทางด้านธุรกิจก็ดูจะมีโอกาสมากมาย อย่างที่ทางผู้บริหารบริษัทไทยและท่านทูตพาณิชย์ไทยได้ให้คำแนะนำ
อินโดนีเซียยังมีโอกาสสำหรับนักธุรกิจและนักลงทุนไทยมากทีเดียวครับ TIA จะพาคณะไปประเทศใดอีก ติดตามกันได้ “สลามัด ดาตัง”...สวัสดีครับ
-----------------
บรรจง จิตต์แจ้ง
ที่ปรึกษาสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย







