พระอัจริยภาพในหลวงรัชกาลที่ 10

พระบุญญาบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10
เป็นที่เลื่องลือและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ดังที่หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ฉบับวันที่ 2 ธันวาคม 2559 ได้ใช้คำว่า “Military Monarch” บนปกหน้าของหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีความหมายเข้าใจได้ชัดเจนว่า พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทหารเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพวิดิทัศน์ที่ในอดีตสะท้อนให้เห็นถึงความกล้าหาญของพระองค์ท่านที่ทรงเสี่ยงภยันตรายในการร่วมกับคณะนายทหารและกำลังพลในพื้นที่กองทัพภาคที่ 3 สู้รบกับอริราชศัตรูโดยยืนยันที่จะปกป้องผืนแผ่นดินไทยร่วมกับทหารทุกนายแสดงให้เห็นถึงภาวะผู้นำและพระพลานุภาพที่ดำเนินไปไม่แตกต่างจากพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในประวัติศาสตร์ที่ทรงเสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย
ยิ่งไปกว่านั้นพระอัจริยภาพของพระองค์ได้ปรากฎให้เห็นอย่างต่อเนื่องสำหรับพสกนิกรที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผู้เขียนเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นพัฒนาการของพระองค์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทั้งพระศิริโฉมที่โดดเด่นสง่างามเป็นที่ประทับใจของผู้ได้พบเห็น พระองค์ยังทรงให้ความสนใจในการกีฬา อาทิ ฟุตบอล ที่ทรงโปรดให้ข้าราชบริพารและนายทหารข้าราชการได้ร่วมการออกกำลังพระวรกายอย่างใกล้ชิด
ในด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีการบิน เป็นที่เชื่อได้ว่าเราต่างเห็นเป็นประจักษ์ถึงพระปรีชาสามารถของพระองค์ในการทรงขับเครื่องบินหรืออากาศยานได้แทบทุกประเภทตั้งแต่เครื่องบินขับไล่ไอพ่นที่อาศัยเทคโนโลยีและการฝึกฝนที่ต้องมีชั่วโมงบินสูง ไปกระทั่งเครื่องบินพาณิชย์หรืออากาศยานอื่นๆ ที่หากไม่ใช้เวลาในการศึกษาเพิ่มพูนประสบการณ์ก็อาจติดตามความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีได้ยากเพราะเครื่องบินพาณิชย์หรืออากาศยานแต่ละประเภทมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกัน นับได้ว่าพระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้เห็นถึงความตั้งพระทัยในการใฝ่หาความรู้พัฒนาพระองค์เองอยู่ตลอดเวลา
ในด้านการเมืองการปกครองและวัฒนธรรมประเพณี ถือได้ว่าพระองค์ได้แสดงให้ปวงชนชาวไทยมีความมั่นใจได้ว่าระยะเวลาที่พระองค์ทรงอยู่ในพระราชอิสริยายศ พระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ทรงเรียนรู้และได้รับประสบการณ์ที่เป็นแนวทางในการทรงใช้อำนาจอธิปไตยตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาอย่างยาวนานและเป็นลักษณะเฉพาะของประเทศไทยที่รูปแบบการปกครองหรือวิธีการบริหารงานด้านต่างๆ อาจเรียกได้ว่าไม่มีกรอบใดที่นักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญจะมากำหนดตายตัวได้ว่าจะต้องเป็นรูปแบบเช่นนั้นเช่นนี้เหมือนดังระบบที่มีอยู่ในแหล่งต่างๆ เพราะการบริหารจัดการในสังคมไทยเป็นสิ่งที่เกี่ยวเนื่องผูกพันกับเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีรวมทั้ง ความเป็นไทย (Thainess) ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งไปกว่านั้น พระองค์ยังทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกทั้งได้ทรงผนวชเป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาและยังทรงปฎิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระราชบิดาในขณะก่อนทรงราชย์ กระทั่งปัจจุบันยังทรงสืบต่อพระราชภารกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการศาสนาในทุกศาสนาอย่างไม่แบ่งแยกและทรงมีเมตตาต่อศาสนิกทุกศาสนาอย่างเสมอหน้ากัน
ถือเป็นเดชะบุญและเป็นความภาคภูมิใจของปวงชนชาวไทยที่ในวันนี้ราชวงศ์จักรีได้มีพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยพระอัจริยภาพและเป็นผู้ทรงในทศพิธราชธรรมสืบเนื่องมาเช่นเดียวกับองค์พระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรี นับแต่นี้ไปพระราชกรณียกิจและบทบาทในด้านต่างๆ ของพระองค์จะปรากฏชัดให้พสกนิกรได้ชื่นชมพระบารมีอย่างต่อเนื่อง ด้วยพระปรีชาสามารถพระพลานุภาพและความรักความศรัทธาของปวงชนชาวไทยที่มีต่อพระองค์และบรมราชจักรีวงศ์ ประเทศไทยของเราภายใต้พระบรมโพธิสมภารของล้นเกล้า ในหลวงรัชกาลที่ 10 จะนำพาบ้านเมืองไปสู่ความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่และมั่นคงสืบไป







