9 คำที่พ่อสอน

“9 คำที่พ่อสอน” ซึ่งเป็นผลงานของทีมที่มีชื่อว่า Lovefitt ดังปรากฏในอินเตอร์เน็ต
มาจากการรวบรวมพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย ในหลาย ๆ โอกาส มีดังต่อไปนี้
(1) ความเพียร
การสร้างสรรค์ตนเองการสร้างบ้านเมืองก็ตามมิใช่ว่าสร้างในวันเดียว ต้องใช้เวลา ต้องใช้ความเพียรต้องใช้ความอดทน เสียสละแต่สำคัญที่สุดคือความอดทนคือไม่ย่อท้อไม่ย่อท้อในสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่ดีงามนั้นทำมันน่าเบื่อบางทีเหมือนว่าไม่ได้ผล ไม่ดังคือดูมันครึทำดีนี่แต่ขอรับรองว่าการทำให้ดีไม่ครึต้องมีความอดทนเวลาข้างหน้าจะเห็นผลแน่นอนในความอดทนของตนเอง (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักเรียนนักศึกษาครูและอาจารย์ในโอกาสเข้าเฝ้าฯ วันที่ 27 ต.ค.2516)
(2) ความพอดี
ในการสร้างตัวสร้างฐานะนั้นจะต้องถือหลักค่อยเป็นค่อยไปด้วยความรอบคอบระมัดระวังและความพอเหมาะพอดีไม่ทำเกินฐานะและกำลังหรือทำด้วยความเร่งรีบเมื่อมีพื้นฐานแน่นหนารองรับพร้อมแล้วจึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญก้าวหน้าในระดับสูงขึ้นตามต่อกันไปเป็นลำดับผลที่เกิดขึ้นจึงจะแน่นอนมีหลักเกณฑ์เป็นประโยชน์แท้และยั่งยืน (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 18 ธ.ค.2540)
(3) ความรู้ตน
เด็ก ๆ ทำอะไรต้องหัดให้รู้ตัวการรู้ตัวอยู่เสมอจะทำให้เป็นคนมีระเบียบและคนที่มีระเบียบดีแล้วจะสามารถเล่าเรียนและทำการงานต่าง ๆ ได้โดยถูกต้องรวดเร็วจะเป็นคนที่จะสร้างความสำเร็จและความเจริญให้แก่ตนเองและส่วนรวมในอนาคตได้อย่างแน่นอน (พระบรมราโชวาท พระราชทานลงพิมพ์ในหนังสือ วันเด็ก ประจำปี 2521)
(4) คนเราจะต้องรับและจะต้องให้
คนเราจะเอาแต่ได้ไม่ได้คนเราจะต้องรับและจะต้องให้หมายความว่าต่อไป และเดี๋ยวนี้ด้วยเมื่อรับสิ่งของใดมาก็จะต้องพยายามให้ ในการให้นั้นให้ได้โดยพยายามที่จะสร้างความสามัคคีให้หมู่คณะและในชาติทำให้หมู่คณะและชาติประชาชนทั้งหลายมีความไว้ใจซึ่งกันและกันได้ ช่วยที่ไหนได้ก็ช่วย ด้วยจิตใจที่เผื่อแผ่โดยแท้ (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น วันที่ 20 เม.ย.2521)
(5) อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ
ในวงสังคมนั้นเล่าท่านจะต้องรักษามารยาทอันดีงามสำหรับสุภาพชน รู้จักสัมมาคารวะ ไม่แข็งกระด้างมีความอ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอพร้อมจะเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 มิ.ย.2496)
(6) พูดจริง ทำจริง
ผู้หนักแน่นในสัจจะพูดอย่างไรทำอย่างนั้นจึงได้รับความสำเร็จพร้อมทั้งความศรัทธาเชื่อถือและความยกย่องสรรเสริญจากคนทุกฝ่าย การพูดแล้วทำ คือ พูดจริงทำจริงจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัดและสร้างเสริมความดีความเจริญให้เกิดขึ้นทั้งแก่บุคคลและส่วนรวม (พระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 10 ก.ค.2540)
(7) หนังสือเป็นออมสิน
หนังสือเป็นการสะสมความรู้และทุกสิ่งทุกอย่างที่มนุษย์ได้สร้างมา ทำมาคิดมาแต่โบราณกาลจนทุกวันนี้หนังสือจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นคล้าย ๆ ธนาคารความรู้และเป็นออมสินเป็นสิ่งที่จะทำให้มนุษย์ก้าวหน้าได้โดยแท้ (พระบรมราโชวาท พระราชทานแก่คณะสมาชิกห้องสมุดทั่วประเทศ ในโอกาสที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท วันที่ 25 พ.ย.2514)
(8) ความซื่อสัตย์
ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานของความดีทุกอย่างเด็กๆ จึงต้องฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นในตนเอง เพื่อจักได้เติบโตขึ้นเป็นคนดีมีประโยชน์และมีชีวิตที่สะอาดที่เจริญมั่นคง (พระบรมราโชวาท พระราชทานเพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือวันเด็ก ปีพุทธศักราช 2531)
(9) การเอาชนะใจตน
ในการดำเนินชีวิตของเรา เราต้องข่มใจไม่กระทำสิ่งใดๆ ที่เรารู้สึกด้วยใจจริงว่าชั่วว่าเสื่อม เราต้องฝืนต้องต้านความคิดและความประพฤติทุกอย่างที่รู้สึกว่าขัดกับธรรมะ เราต้องกล้าและบากบั่นที่จะกระทำสิ่งที่เราทราบว่าเป็นความดีเป็นความถูกต้องและเป็นธรรมถ้าเราร่วมกันทำเช่นนี้ ให้ได้ จริงๆ ให้ผลของความดีบังเกิดมากขึ้น ๆ ก็จะช่วยค้ำจุนส่วนรวมไว้มิให้เสื่อมลงไป และจะช่วยให้ฟื้นคืนดีขึ้นได้เป็นลำดับ (พระราชดำรัส พระราชทานเพื่อเชิญไปอ่าน ในพิธีเปิดการประชุมยุวพุทธิกสมาคมทั่วประเทศ ครั้งที่ 12 ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันที่ 12 ธ.ค.2513)
สมบัติอันล้ำค่าวางอยู่ข้างหน้าแล้วถ้าไม่นำไปขบคิดต่อและปฏิบัติก็จะเป็นการเสียโอกาสในชีวิตอย่างยิ่ง




