ความทุกข์ความเศร้า

ความทุกข์ความเศร้า

ตอนที่อ่านบทประพันธ์อมตะของม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เรื่องสี่แผ่นดินพอเรื่องราวดำเนินมาถึงตอนท้ายแผ่นดินที่ 1

ที่ท่านผู้ประพันธ์ได้เขียนไว้ ถึงเหตุการณ์เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จสวรรคตใหม่ๆ นั้น มีตอนหนึ่งที่เขียนไว้ว่ามีแต่ชาวบ้านร้านตลาดแต่งกายไว้ทุกข์นุ่งดำเดินมุ่งหน้าไปทางเดียวกันทั้งสิ้น ทุกคนมีใบหน้าเศร้าหมอง ส่วนมากถือดอกไม้ธูปเทียนในมือ บางคนเดินร้องไห้ดังๆ บางคนก็เดินเช็ดน้ำตา ทุกคนต่างมุ่งหน้าไปคอยกระบวนพระบรมศพเพื่อถวายบังคมสักการะในวันนี้

ตอนที่อ่านนั้น ถึงแม้จะมีความรู้สึกเศร้าเสียใจไปพร้อมๆ กับแม่พลอย แต่ก็ไม่ได้เข้าใจหรือมีอารมณ์ร่วมกับบทประพันธ์อย่างแท้จริง จนกระทั่งได้ประสบพบเหตุการณ์ของความสูญเสีย ที่คนไทยทุกคนประสบร่วมกัน และเมื่อย้อนกลับไปอ่านสี่แผ่นดินในช่วงดังกล่าวใหม่อีกครั้งหนึ่ง ก็เข้าใจในอารมณ์ที่ผู้ประพันธ์ต้องการสื่อออกมาอย่างแท้จริงมากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในท่อนที่ว่าพลอยพยายามหลอกตัวเองว่า พระเจ้าอยู่หัวมิได้เสด็จสวรรคต เพราะยังไม่สามารถจะเชื่อได้ว่าจะเสด็จสวรรคตได้อย่างไร พลอยเกิดมาในแผ่นดินของท่าน ที่รู้สึกว่าเป็นสุขแต่น้อยคุ้มใหญ่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยความแน่นอนเหมือนกับว่ามีต้นโพธิ์อันใหญ่คุ้มกันอยู่ ให้ได้รับความร่มเย็นเพราะพระบารมี

เชื่อว่าข้อความข้างต้นจากสี่แผ่นดิน น่าจะสะท้อนความรู้สึกนึกคิดของประชาชนชาวไทยทั้งหลายได้เป็นอย่างดี แต่ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนถึงภาวะปกติของคนเราที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเผชิญกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง ผมได้ไปอ่านงานทางด้านจิตวิทยาว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเราต้องประสบกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง และพบว่าทุกตำราเขียนมาคล้ายๆ กัน นั้นคือเมื่อประสบกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักแล้ว เราจะไม่เชื่อและปฏิเสธไว้ก่อน (เช่นเดียวกับกรณีของแม่พลอย)

การไม่เชื่อและปฏิเสธต่อข่าวร้ายนั้น เป็นกลไกโดยธรรมชาติของเรา ที่จะป้องกันอารมณ์ของตนเองจากความช็อกที่เกิดขึ้น และเป็นกลไกที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นความทุกข์หรือเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในช่วงแรกได้ การไม่เชื่อและปฏิเสธไว้ก่อนนั้น เปรียบเสมือนเป็นการสร้างเกราะบางๆ ไว้ป้องกันตัวเรา แต่ขณะเดียวกัน ก็เป็นกลไกที่ทำให้เราค่อยๆ ยอมรับต่อความจริงที่เกิดขึ้น

ภายหลังจากที่เกราะบางๆ ที่สร้างขึ้นจากการไม่เชื่อ และปฏิเสธค่อยๆ สลายไป พร้อมกับความจริงที่เกิดขึ้น เราก็มักจะเข้าสู่อาการถัดมา นั้นคือ อาจจะมีอาการสับสนกับชีวิต อาการสับสนนั้น อาจจะแสดงออกมาในลักษณะที่งานต่างๆ ที่เคยทำได้ก็จะทำไม่ได้ บางท่านก็จะเกิดอาการพูดจาไม่รู้เรื่อง พูดวกไปวนมา บางคนเมื่อตระหนักถึงความจริงที่เกิดขึ้นก็อาจจะเกิดทำให้รู้สึกหดหู่รับประทานอาหารไม่ได้

หลังจากความสับสนที่เกิดขึ้น บางคนที่ยังยอมรับหรือทำใจไม่ได้ ก็จะเกิดอาการหดหู่หรือ Depression ตามมา ซึ่งในช่วงนี้ถ้าไม่สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยตนเอง ก็จะต้องอาศัยบุคคลภายนอกหรือคนรอบข้างเข้ามาช่วย แต่บางคนเมื่อผ่านพ้นช่วงสับสนไปได้ก็ อาจจะเข้าสู่ช่วงสุดท้ายคือ การทำใจและยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น

การผ่านพ้นช่วงระยะต่างๆ ของการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักนั้น ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แต่ขณะเดียวกัน การช่วยเหลือจากบุคคลรอบข้างก็มีส่วนช่วยได้เช่นเดียวกัน ซึ่งนักจิตวิทยาเขาก็ให้คำแนะนำไว้อีกนะครับว่า แนวทางในการผ่านพ้นช่วงของความทุกข์จากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักนั้นก็มีหลายวิธีด้วยกัน

เริ่มตั้งแต่การพูดกับคนรอบข้างครับ พูดถึงความสูญเสียที่เราได้รับอย่าเก็บทุกอย่างไว้กับตัวคนเดียว ต่อมาเราต้องยอมรับต่ออารมณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเศร้าความโกรธความสับสนการหมดแรงอารมณ์ต่างๆ ข้างต้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นเมื่อเราสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักอย่าไปปฏิเสธมัน

ขณะเดียวกัน ก็ต้องอย่าลืมดูแลตัวเองด้วย ทั้งการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และที่สำคัญการพักผ่อนให้เพียงพอ จริงอยู่ที่คืนแรกที่เกิดความสูยเสียขึ้น เรามักจะนอนไม่หลับ แต่คืนต่อมาต้องนอนให้หลับแล้วนะครับ ที่สำคัญสุดคือเราต้องอย่าลืมดูแลคนรอบๆตัวเราด้วยนะครับ เพราะความเศร้าและความทุกข์ที่เรากำลังประสบนั้น เกิดขึ้นกับคนไทยทุกคน แต่ถ้าเราสามารถก้าวพ้นช่วงระยะเวลาของความเศร้าไปได้โดยเร็ว และน้อมนำคำสอนของพ่อหลวงของคนไทยไปปฏิบัติ ทั้งในการดำรงชีวิตและการพัฒนาประเทศชาติ ก็เชื่อว่าเราจะสามารถเปลี่ยนแปลงความเศร้าเป็นพลังในการพัฒนาประเทศต่อไปได้